ขอบคุณข้อมูลจาก | วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย ฉบับวันที่ 30 ต.ค. - 5 พ.ย. 2558 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
การพ้องพานระหว่างอาวเอี้ยงฮงกับเอี้ยก่วยเท่ากับเป็นการประสาน “ปม” อันฝังลึกภายในความคิดจิตใจของแต่ละฝ่ายได้ปรากฏ ที่เคยเป็น “ตะกอน” กลับมิได้ “นอนก้น”
“ช่วยเหลือเจ้าไม่ยากลำบาก แต่เจ้าต้องรับปากเราเรื่อง 1 เราบอกว่ากระไรเจ้าล้วนต้องเชื่อฟังเรา”
เป็นเงื่อนไขอันมาจากอาวเอี้ยงฮง
เอี้ยก่วยครุ่นคิดขึ้นโดยอัตโนมัติ “บอกว่ากระไรล้วนต้องเชื่อฟัง หรือสั่งให้เราปลอมเป็นสุนัขรับประทานอาจมก็ต้องปฏิบัติตาม”
สะท้อนภาวะลังเลท่ามกลางการครุ่นคิด
“ตกลง เจ้าตายของเจ้าเถอะ” กล่าวด้วยน้ำเสียงกระชากกระชั้น พลางหดมือทั้ง 2 จากนั้นยืดเหยียดขึ้น กระโดดปราดไปทางด้านหลังหลายเชียะ
“กงกง ข้าพเจ้ารับปากแล้ว ไม่ว่าท่านกล่าวกระไรข้าพเจ้าล้วนปฏิบัติตาม”
“ตกลง เจ้าสาบานด้วยถ้อยคำสาหัส”
ยามนี้อาการชาที่แขนซ้ายลุกลามถึงหัวไหล่ ในใจยิ่งหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้แต่สาบาน “หากกงกงช่วยชีวิตข้าพเจ้าขจัดพิษร้ายบนร่างข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำพูดของท่าน หากไม่ปฏิบัติตามขอให้พิษร้ายย้อนกลับคืนสู่ร่างข้าพเจ้า”
ปากอย่าง 1 แต่ใจคิดไปอีกอย่าง 1
ปากกล่าวคำสาบาน แต่ใจกรุ่นด้วยความรู้สึก “ภายหน้าเราจะไม่กระทบถูกเข็มเงินอีกพิษร้ายไหนเลยกลับคืนสู่ร่าง”
เห็นสีหน้าอาวเอี้ยงฮงบ่งบอกความยินดี
อาวเอี้ยงฮงผงกศีรษะรับพลันพลิกตัวยืนตรง ยื่นมือบีบเค้นข้อแขนของเอี้ยก่วยนวดเฟ้นอยู่หลายครา พลางกล่าว “ประเสริฐ เจ้าเป็นเด็กอันประเสริฐผู้หนึ่ง”
“กงกง ท่านบีบให้แก่ข้าพเจ้าอีก”
อาวเอี้ยงฮงขมวดคิ้ว “อย่าได้เรียกเราเป็นกงกง ให้เรียกเป็นบิดา”
“บิดาข้าพเจ้าเสียชีวิตแต่แรก ข้าพเจ้าไม่มีบิดา”
“เรากล่าววาจาประโยคแรกเจ้าก็ไม่ปฏิบัติตาม ยังต้องการบุตรชายเช่นเจ้าไยกัน”
กิมย้งบรรยายว่า เอี้ยก่วยครุ่นคิดในใจ “ที่แท้เขาต้องการรับเราเป็นบุตร” ในชีวิตของมันไม่เคยเห็นหน้าบิดา ได้ยินมารดาบอกว่าก่อนที่มันจะถือกำเนิดเกิดมา บิดาก็เสียชีวิตแล้ว เมื่อเยาว์วัยเห็นเด็กน้อยคนอื่นได้รับความรักถนอมจากบิดาในใจเฝ้านึกอิจฉา
แต่เห็นคนผู้นี้มีท่าทางแปลกประหลาด ลักษณะคลุ้มๆ คลั่งๆ กลับไม่ยอมรับเป็นบิดาบุญธรรม
อาวเอี้ยงฮงตวาดสำทับ
“เจ้าไม่ยอมเรียกเราเป็นบิดา ตกลง ผู้อื่นเรียกหาเราเป็นบิดาเรายังไม่ยอมรับ”
เอี้ยก่วยใช้ความคิดว่าจะนึกหาวิธีใดหลอกให้อีกฝ่ายรักษาเยียวยาเขา อาวเอี้ยงฮงพลันส่งเสียงประหลาดพิกลติดต่อกันคล้ายท่องสวดมนต์ก้าวเท้าจะออกเดินทางจากไป
“บิดา บิดา ท่านไปที่ใด”
อาวเอี้ยงฮงหัวร่อฮา ฮา “บุคคลที่เชื่อฟังวาจา มา เราจะสอนวิธีขจัดพิษภายในกายให้แก่เจ้า”
ครั้นแล้วถ่ายทอดเคล็ดวิชาและวิถีโคจรพลัง บอกว่าเป็นการโคจรพลังย้อนกลับ ต้องห้อยหัวกลับลงมา ยกเท้าขึ้นฟ้า บังคับเลือดลมไหลย้อน พิษร้ายจะถูกถ่ายเทออกทางตำแหน่งที่แทรกซึมเข้าสู่ร่าง
กิมย้งระบุ “เด็กหนุ่มเฉลียวฉลาดยิ่ง รับฟังเที่ยวเดียวก็เข้าใจ พอผ่านหูจดจำได้หมดสิ้น”
ดังนั้น ปฏิบัติตามวิธีการพบว่า อาการชาลดทอนลงจริงๆ โคจรพลังอยู่ครู่หนึ่งที่ปลายนิ้วของมือทั้ง 2 ข้าง มีหยดน้ำสีดำไหลซึมออกมาหลายหยด
“ใช้ได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องฝึกอีก”
ยังไม่ทันขยับขับเคลื่อน กลางอากาศบังเกิดเสียงอินทรีร้องหลายครา อินทรีใหญ่ 2 ตัวโบยบินผ่านไป อาวเอี้ยงฮงเหม่อมองอินทรีทั้งคู่ใช้นิ้วมือเคาะหน้าผาก ขมวดคิ้วขบคิดอย่างเคร่งเครียด พลันนึกได้อันใดสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“เราไม่ต้องการพบพวกมัน ไม่ต้องการพบพวกมัน”
ทันทีที่เงาร่างอาวเอี้ยงฮงหายวับไป บุรุษสตรีคู่หนึ่งก็เข้ามา เป็นก๊วยเจ๋ง เป็นอึ้งย้ง
อาจกล่าวได้ว่าเอี้ยก่วยเสนอตัวเข้ามาขณะที่อาวเอี้ยงฮงมีส่วนขาด ขณะเดียวกัน อาวเอี้ยงฮงเสนอตัวเข้ามาขณะที่เอี้ยก่วยมีส่วนขาด คนหนึ่งต้องการ “บุตร” คนหนึ่งต้องการ “บิดา”
การเข้ามาของอาวเอี้ยงฮงจึงเท่ากับชดเชยส่วนที่เอี้ยก่วยขาด การเข้ามาของเอี้ยก่วยจึงเท่ากับชดเชยส่วนที่อาวเอี้ยงฮงขาด
ดำเนินไปในลักษณะ “ขนม” พอสมกับ “น้ำยา”