โหร “โสรัจจะ-ฟองสนาน” ผ่าดวง (การ) เมืองปีกุน ผลเลือกตั้งพลิกล็อก! นายกฯ จะเป็นคนเก่า?

ก้าวเข้าสู่ปีกุน 2562 ปีแห่งการเลือกตั้ง

การเมืองไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด

โสรัจจะ นวลอยู่ ฉายานอสตราดามุสเมืองไทย กับฟองสนาน จามรจันทร์ โหรสมัครเล่นชื่อดัง บันทึกคำพยากรณ์ลงในหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร 2562” อย่างน่าสนใจ

จากนี้เป็นคำพยากรณ์ซึ่งสรุปมาเพียงบางส่วน

โสรัจจะ นวลอยู่ ชี้ว่าดวงชะตาบ้านเมืองปีนี้ล้วนเป็นปริศนา

“ดาวพระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีธนูตลอดปีนี้ และราหูย้ายจากราศีกรกฎเข้าสู่ราศีมิถุนในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 และยังอยู่ต่อเนื่องไปอีกทั้งปี”

ลัคนาประเทศถูกบาปเคราะห์จตุโกณกากบาททุกจุด ทำให้ชาติบ้านเมืองเข้าสู่ทางคับขันตลอดเวลา เช่น เกิดสงคราม ประกาศกฎอัยการศึก สงครามกลางเมือง

ดาวอังคาร บ่งถึงบุคคลในเครืjองแบบผู้ถืออาวุธที่ไม่อยู่ในศีลธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาท แทรกเป็นยาดำในคณะรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ดาวมฤตยูกับดาวเสาร์ลอยอยู่เหนือขอบฟ้า ดาวคู่นี้หมายถึงการถูกปล่อยเกาะโดดเดี่ยว ถูกลอยแพ บ่งถึงว่าเมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน โดยประเทศที่ล้อมอยู่ลุกเป็นไฟและตกอยู่ในสภาพตึงเครียดตลอดเวลา

ทำให้เกิดเป็นปีมหาวิปโยคที่เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง

ฤกษ์เปลี่ยนแปลง อุบัติขึ้นขณะที่ดาวมฤตยูอันเป็นดาวปฏิวัติลอยอยู่เหนือฟ้ากลางศีรษะพอดีและยังทับลัคนาเมืองราศีเมษอยู่ จึงน่าสังเกตว่าอิทธิพลดาวมฤตยูนี้ทำให้เกิดปฏิวัติรัฐประหาร รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาแล้วก็ล้มลง จำเป็นต้องเปลี่ยน ก็เป็นอิทธิพลของดาวมฤตยู

การจลาจลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประชาชนหลากสีหลากข้างออกมาชุมนุมและปะทะกัน ผู้มีอำนาจและเป็นใหญ่ไม่สามารถควบคุม นองเลือดไปทั่วปฐพี อาจต้องใช้กำลังทหารมากมายเข้าแก้ไขและเป็นหนทางไปสู่ “การปฏิวัติรัฐประหาร”

โดยทั่วไปสภาวะในประเทศเสมือนน้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้างใต้โหมรุนแรง คนว่างงาน มีการเดินขบวน วุ่นวายต่างๆ นานา อาจถูกปราบปรามจนต้องสูญเสียชีวิตไปมิใช่น้อย

ต้นปี ดาวพระเคราะห์เสาร์ที่ทับราศีธนูเล็งพระราหูในราศีมิถุน ถือเป็นจุดอันตรายอย่างมาก

“ดาวอังคารเล็งพระเสาร์ในเดือนพฤษภาคม 2562” ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองควรต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ จะเกิดปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมือง แตกแยก บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาททันที เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ

รัฐบาลล้มลุกคลุกคลาน เศรษฐกิจซบเซา หุ้นตกแบบท้องร่วง

“ดาวพฤหัสบดีเดินถอยหลังมาที่ราศีพิจิกในวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 เป็นมรณะกับดวงเมือง”

บ่งว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง

ปี2562 นี้

ประเทศไทยซึ่งหวังกันว่าจะเริ่มสันติสุขปรองดอง ดูจะยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน รวมทั้งพรรคที่มาร่วมรัฐบาล

ตลอดทั้งปีกุน การปลุกระดมมวลชนของเหล่านิสิต-นักศึกษาและผู้ใช้แรงงานเริ่มออกฤทธิ์ ก่อความระส่ำระสายแก่บ้านเมือง นักการเมืองแตกคอรุนแรง ไม่อาจร่วมสังฆกรรมกันได้ เกิดการปะทะด้วยกำลังหลายครั้ง จะมีการตายหมู่สยดสยอง

ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงยังสถิตอยู่ราศีเมษ ประชาธิปไตยไทย ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์เข้ามาร่วมมุม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาด ไม่เห็นการณ์ไกล

ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ กระทบต่อคุณภาพการพัฒนาประชาธิปไตย นำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม

ยืนยันให้เห็นความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำ สำแดงให้เห็นถึงสภาวะตึงเครียดและการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำรัฐบาลจึงต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง

ด้านเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะไทยเรา เป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ ประชาชนอดอยาก ธุรกิจสับสน คนว่างงาน ถือเป็นปีแห่ง “เศรษฐกิจเลือด” ก็เป็นได้

ดวงชะตาประเทศดูจะเลวร้ายหนักไปกว่าเมื่อปีก่อน

ภายในประเทศอยู่ในบรรยากาศคุกรุ่น รอที่จะเกิดความรุนแรงครั้งยิ่งใหญ่

จะเป็นปีสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยที่จะตราตรึงไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานที่ต้องรับและจดจำ

ฟองสนาน จามรจันทร์ ระบุสถานการณ์บ้านเมืองปี 2562

ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของมฤตยูจรทับลัคนาดวงเมือง (และโลก) ต่อไป คาดว่ายังจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง-ปฏิรูป-ปฏิวัติอันเชี่ยวกรากทุกองคาพยพในกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดทั้งปี

ระยะดวงเมืองตก เรื่องร้ายจะเกิดเด่นกว่าเรื่องดี เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2562 คนไทยต้องจับมือร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าหนักอีกรอบ เพราะดวงเมืองตก เกิดเรื่องร้ายแซงหน้าเรื่องดี

ระยะดวงเมืองเริ่มฟื้น เริ่มตั้งแต่วันเกิดดวงเมืองที่ 21 เมษายนเป็นต้นไปถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2562 สถานการณ์เริ่มจะพลิกจากร้าย เป็นเรื่องดีอย่างน่าตื่นใจ

ระยะหัวหน้าเทวดาประจำเมืองเข้มแข็งเต็มที่สาดแสงคุ้มชะตาเมืองและนำทัพดาวดีฟันฝ่าการเขย่าหนักในเมือง ตั้งแต่ประมาณ 30 ตุลาคม 2562 ไปจนถึงปลายปี

โดยคาดว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ทั้งเมือง ชวนตื่นตะลึงของยุคใหม่-คนใหม่-สิ่งใหม่-ปรากฏการณ์ใหม่ อะไรไม่เคยเห็นจะได้เห็น

ผู้ใหญ่-คนสำคัญของเมืองในวงการต่างๆ ทั้งดี-ร้าย ที่ชะตาตกจะจากไปเป็นใบไม้ร่วงต่อเนื่องมาจาก 5 ตุลาคม 2561 ถึงประมาณ 30 ตุลาคม 2562 ในระดับเปลี่ยน-ผลัดยุคเลยทีเดียว

เกิดปรากฏการณ์ฝนตกขี้หมูไหล คนหลายประเภทมาพบกันปรากฏขึ้นให้ประชาชนเห็นแบบแปลกประหลาดเกินคาดคิด ต่อเนื่องมาจาก 5 ตุลาคม 2561 ไปจนถึงประมาณ 30 ตุลาคม 2562

คาดว่าคนทั้งหลายที่มาพบกันนี้จะเป็นกลุ่มมีอิทธิพลทางความคิด ต่อสู้กันอย่างเข้มข้น จนต้องระวังปรากฏการณ์ขัดแย้งทางความคิดในบรรทัดฐานที่สำคัญ เช่น ศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ ครรลองชีวิต ฯลฯ

ช่วงเลือกตั้งแห่งชาติจะปรากฏพร้อมๆ กับปรากฏการณ์ฝนตกขี้หมูไหล

วี่แววการเลือกตั้งเริ่มเห็นกันตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2561 และยาวไปถึงประมาณ 30 ตุลาคม 2562 เรียกได้ว่าช่วงเลือกตั้งแห่งชาติ คือมีกันทุกระดับเลยทีเดียว

ส่วนการเลือกตั้งใหญ่ มีการส่งสัญญาณมาแล้วว่าเป็นประมาณกุมภาพันธ์ 2562

ในทางดวงชะตาเมืองสอดคล้องกันอย่างแปลกประหลาด แม้หลายคนจะไม่แน่ใจ แต่เกณฑ์ทางโหรคือประมาณตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไปคงหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งยาก

ตั้งแต่ประมาณปลายสิงหาคม 2561 เป็นต้นมา บรรดานักการเมือง หุ้นส่วนหรือผู้มีส่วนได้เสียในทางการเมืองเริ่มมีความเคลื่อนไหวมาก

ประมาณวันที่ 2 มกราคม 2562 เป็นต้นไป อาการเขย่าแบบแปลกประหลาดครั้งนี้คาดว่าจะได้ผลชัดเจนว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน (พระศุกร์จร ๖ เดินเข้าราศีพิจิกยุติการเล็งลัคนาเมือง)

ผลการเลือกตั้งทั้งหลายรอบนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งใหญ่ จะเป็นไปอย่างพลิกล็อกถล่มทลาย ชวนตะลึง อะไรคิดว่าใช่จะไม่ใช่ อะไรคิดว่าไม่ใช่จะเกิดขึ้น (อิทธิพลของมฤตยูจร ๐ ทับลัคนาเมือง-กรกฎาคม 2565)

ภายใต้กรอบเวลาเลือกตั้งภายในกุมภาพันธ์ 2562 (คาดว่าประมาณ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป) จะมีการเขย่ากันชนิดถอยเข้า-ถอยออกในบรรดาสมาชิกรัฐสภาทั้งหลาย (พระพุธจร ๔ ตัวแทนการประชุมเดินผิดปกติที่ราศีกุมภ์-ขอบเขตภพลาภะโชคลาภและความสำเร็จของเมือง) จนถึงประมาณ 20 มีนาคม 2562 จึงจะตกลงกันได้

คาดว่านายกรัฐมนตรีใหม่จะปรากฏขึ้นมาระหว่างวันที่ 15 มีนาคม-14 เมษายน 2562 (พระอาทิตย์จร ๑ ตัวแทนนายกรัฐมนตรี-กาลกิณีจรเดินอยู่ในราศีมีนภพวินาสน์-ลาภเหมือนมาดที่หวังไว้)

การได้นายกรัฐมนตรีในระยะนี้ดูเหมือนรัฐสภาจะมีทางเลือกเพียงทางเดียว (พฤหัสบดีตัวแทนสภาตรึงกับพระเสาร์ตัวแทนรัฐบาล) และนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนเก่า (เสาร์จร ๗ ทับพฤหัสบดีดวงเดิม ๕-เสียอะไรไปจะได้กลับมา) เพียงแต่จะเป็นคนไหนเท่านั้น

หลังจากได้รัฐบาลใหม่แล้ว ระหว่าง 4 พฤษภาคม ถึง 2 ตุลาคม 2562 การบริหารราชการแผ่นดินยังไม่นิ่ง อาจมีการทบทวนโครงการใหญ่ๆ ที่ทำมาแล้วเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (พระเสาร์จรเดินผิดปกติในราศีธนู)

หลังจากนั้นจึงจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย