วิเคราะห์ “สงครามข่าวสาร” IO กรณีคลิปหลุด จากการเมืองใจกลางประเทศไทยถึงชายแดนใต้

กรณีคลิปหลุด : จาก IO การเมืองใจกลางประเทศไทยถึงชายแดนใต้

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

กรณีคลิปหลุดซึ่งฮือฮาและส่งต่อมากที่สุดช่วงส่งท้ายปี 2561/2018 น่าจะเป็นคลิปส่วนตัวเรื่องสัมพันธ์ลึกซึ้งในโรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างนักเคลื่อนไหวสาวด้านการเมืองกับนักการเมืองใหญ่ฝั่งตรงข้าม คสช. ท้าย 2018

(โปรดดู https://www.matichon.co.th/social/news_1283017) และทั้งสองได้ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวทันทีผ่านสื่อเฟซบุ๊ก (โปรดดู 1.https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1283356?fbclid=IwAR0sevqfUvqR-9rFjgRRyEsegs76ThrEocyFLkCU-7ztzYjQFcltVF2erqs 2.https://www.matichon.co.th/politics/news_1283505)

เหตุการณ์ครั้งนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายในแง่มุมต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเมืองที่ร้อนระอุ

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ มีเรื่องหนึ่งที่พูดมากที่สุดท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองซึ่งฝ่ายผู้ครองอำนาจและต้องการสืบทอดอำนาจพร้อมเครือข่าย คือคำว่า IO

คําว่า “Information Operation” (นิยมเรียกว่า IO) คืออะไร? ในเว็บไซต์ ACIS Professional Center (โปรดดู https://www.acisonline.net/?p=815&lang=th) ได้ให้ทัศนะว่า ความเป็นจริงคำนี้ในภาษาไทยอาจจะอ่านว่า “อินฟอร์เมชั่น โอเปอเรชั่น” หมายถึง “การปฏิบัติการสารสนเทศ” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Information Operations” (เรียกย่อว่า Info Ops หรือ IO)

เป็นการนําเอาพันธกิจการปฏิบัติการทางทหารหลายประการมาบูรณาการเพื่อสร้างผลกระทบต่อการคิด ตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม หรือสร้างอิทธิพลต่อการคิด การตกลงใจ จากข้อมูลข่าวสารและระบบสารสนเทศของฝ่ายตรงข้าม แม้ว่ากองทัพอากาศไทยจะเรียกว่า “การปฏิบัติสารสนเทศ”

ส่วนกองทัพบกไทยจะเรียกต่างกันเล็กน้อยว่า “การปฏิบัติการข่าวสาร” ก็ตาม

แต่ความหมายก็คือ “Information Operations” เหมือนกัน

“IO” เป็นส่วนหนึ่งของ “Information Warfare” หรือ “สงครามสารสนเทศ” ซึ่งบางท่านเรียกว่า “สงครามข่าวสาร” ซึ่งอาจเรียกว่า “Cyber War” หรือ “Net War”

โดยคำว่า “Information Operations” หรือ “การปฏิบัติการสารสนเทศ” นั้นเป็นหลักการที่ออกเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการครั้งแรกโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาในปี 2003 อนุมัติหลักการโดยนายโดนัลด์ รัมส์เฟลด์ (Donald Rumsfeld) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และเป็นเอกสารที่เปิดเผย (Declassified) ในเดือนมกราคม 2006 ซึ่งเป็นการขยายผลจากหลักการที่เกี่ยวข้องกับสงครามสารสนเทศ (Information Warfare) ในมุมมองของกองทัพสหรัฐ

โดยหลักการแล้ว “IO” มีความเกี่ยวพันกับหลักการการปฏิบัติการด้านการข่าวทางทหาร

ซึ่งเป็นแนวคิดจากการบูรณาการสงครามการควบคุมบังคับบัญชา (Command and Control Warfare) และสงครามสารสนเทศ (Information Warfare) ของกองทัพสหรัฐ โดยการนำเอาบทเรียนจากการรบกับอิรักในสงครามอ่าว (Gulf Wars) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “CNN Effect” มาเป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนา

อาจกล่าวได้ว่า “การปฏิบัติการสารสนเทศ” คือการสนธิการปฏิบัติต่างๆ เพื่อทำให้มีอิทธิพล ทำลาย ลดประสิทธิภาพ ในการตัดสินใจและการปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม

รวมทั้งดำเนินการป้องกันการกระทำของฝ่ายตรงข้ามต่อฝ่ายเราในลักษณะเดียวกัน

จากประมวลการวิพากษ์วิจารณ์ต่อเรื่องคลิปนี้มีความคิดเห็นตรงกันว่า การกระทำของทั้งสองคนเป็นเรื่องส่วนตัว

(ส่วนจะผิดทางศีลธรรมหรือไม่นั้น ผู้เขียนไม่ขอพูดถึง ถึงแม้ผู้เขียนจะไม่เห็นด้วยและต่อต้านการผิดศีลก่อนแต่งงานอย่างถูกต้อง)

พร้อมทั้งการนำคลิปดังกล่าวมาให้ผู้สื่อข่าวหรือคนอื่นนำไปเผยแผ่เพื่อหวังผลทางการเมืองเป็นเรื่องผิดศีลธรรมมากกว่า หากคนของรัฐหรือเครือข่ายรัฐทำเพื่อหวังผลทางการเมืองและลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีนี้ก็เปรียบเสมือน IO ชนิดหนึ่งซึ่งคนมีอำนาจและเครือข่ายใช้วิธีนี้มาตลอด (เชิงประจักษ์) ในยุคโลกสื่อไร้พรมแดน (และฝ่ายต่อต้าน คสช.บางส่วนก็ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ด้วยเช่นกัน)

จริงอยู่ในหมู่ประชาชนอาจแบ่งสองฝ่ายและดูเหมือนว่าได้ผลสำหรับคนเชียร์ผู้สืบทอดอำนาจที่กำลังเบี่ยงเบนความสนใจกับวิธีการต่างๆ ในการกลบเกลื่อนข่าวคนของรัฐโกง บริหารเศรษฐกิจไม่ผ่าน โครงการอภิมหาประชานิยม (คล้ายๆ กับการซื้อเสียงก่อนเลือกตั้ง) ความไม่ชอบมาพากลของการจัดการเลือกตั้ง จนกระทั่งเรื่องพรรคการเมืองที่หนุนผู้สืบทอดอำนาจจัดโต๊ะจีนโต๊ะละสามล้าน ทั้งๆ ที่คนจนไม่มีอะไรกิน (โปรดดู https://www.voicetv.co.th/watch/dEexl6C9_?fbclid=IwAR3kO4rUQpQSCLAjzngH61p-6OD-RVNPS21b7MDtomONQDksDkjwzQ9afT8)

แต่สำหรับในหมู่คนรักประชาธิปไตยแล้วมองว่าพฤติกรรมนี้เป็น IO ที่สกปรกมากๆ รวมทั้งสามารถฟ้องร้องคนทำ รวมถึงเจ้าของโรงแรมที่ปล่อยให้มีการแอบถ่ายเรื่องส่วนตัวและละเมิดสิทธิมนุษยชน

ดังนั้น มันจึงเกิดปรากฏการณ์สะวิงกลับ ซึ่งสอดคล้องกับทัศนะวัฒนา เมืองสุข ที่กล่าวว่า

“ข่าวที่ปล่อยออกมาเป็นเรื่องของคนโสดสองคนที่ไม่ได้กระทำความผิดต่อใครและไม่ได้เป็นประเด็นสาธารณะ แต่คนที่เอาเรื่องแบบนี้มาทำลายต่างหากที่มีเจตนาทุจริต ใช้วิธีสกปรกเพื่อเบี่ยงเบนผู้คนออกจากประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เช่น การระดมทุนของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีชื่อของส่วนราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเรื่องนาฬิกาที่ไม่มีความคืบหน้า รวมถึงการโกงการเลือกตั้งด้วยวิธีต่างๆ อย่างเป็นระบบ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการก่ออาชญากรรมที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนวิธีที่สกปรกแบบนี้ ตั้งแต่ถูกทำร้าย ถูกนำตัวไปควบคุมเพื่อปรับทัศนคติ ถูกยัดข้อหาและถูกดำเนินคดีทั้งศาลทหารและศาลอาญานับสิบคดี ทั้งหมดเพื่อปิดปากและเพื่อให้ผมหยุดการต่อสู้ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ จึงต้องหันมาใช้วิธีที่สกปรกยิ่งกว่า”

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่องค์กรต่างชาติอย่างเช่นอียูจะยื่นหนังสือต่อ กกต.ไทยสังเกตการณ์การเลือกตั้งถึงแม้จะมีเสียงไม่เห็นด้วยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย (https://www.khaosod.co.th/politics/news_1986744)

IO แบบนี้ ไม่ใช่ใช้ครั้งแรก แต่มันเกิดขึ้นตลอดหลังการรัฐประหาร

ที่สำคัญมันไม่เพียงใช้ที่ศูนย์รวมอำนาจอย่างที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านี้ดำเนินมาตลอด 14 ปีไฟใต้เช่นกัน

โดยเฉพาะนักสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม นักศึกษา นักการศึกษาและศาสนาที่เห็นต่างจากรัฐก็ถูก IO เล่นงาน

ตัวอย่างเช่น ฮาฟิซ ยะโก๊ะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี หรือ (PerMAS) ได้กล่าวว่า

“วันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ภายใต้เพจที่มีชื่อว่า เปิดโปง BRN ได้โพสต์เนื้อหาข่าวให้ร้ายข้าพเจ้าภายใต้ข้อความว่า #นายฮาฟิส_ยะโกะ_ประธานกลุ่มนักศึกษาPerMAS_ข่มขู่อาจารย์ถ้าขัดขวางเราจะตอบโต้# จากการโพสดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อข้าพเจ้า และสถาบันที่ข้าพเจ้าร่ำเรียนมา เนื่องจากรูปที่เอามาประกอบข่าวนั้นเป็นรูปสมัยที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยซึ่งกระผมขอยืนยัน และถือโอกาสนี้ชี้แจงต่อสาธารณะว่า เราในฐานะกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรม ที่ยึดถือหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ที่มีหัวใจสำคัญคือ เคารพและให้เกียรติกันและกัน ไม่เคยปฏิบัติอย่างที่ถูกกล่าวหาจากเพจผีดังกล่าว และยินดีที่จะพูดคุยกับทุกคน ที่จะร่วมพูดคุยเพื่อนำมาสู่การคลี่คลายปัญหาที่ปาตานีได้

และขอฝากไปยังผู้ที่ดูแลเพจ IO ทุกท่านที่ยังมีแนวความคิดที่จะโพสต์ให้ร้าย สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนว่า ด้วยจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ ที่เรามักเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนนั้นย่อมมีความดีอยู่ภายในตัว เพียงแต่ว่าความดีนั้นถูกบดบัง และถูกครอบงำจากอำนาจชั่วร้ายเพียงชั่วขณะเท่านั้น”

สภาพดังกล่าวกำลังเป็นความท้าทายของการสร้างสภาวะแวดล้อมของกระบวนการสันติภาพในพื้นที่เพราะการสื่อสารในพื้นที่ความขัดแย้งนั้น มีหลากหลายประการและตลอดกว่าสิบสี่ปีที่ความรุนแรงดำรงอยู่ในพื้นที่ซึ่งส่วนหนึ่งก็พบว่า รัฐพยายามสร้างกลไกของการสื่อสารมากมายเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้ผล

ในขณะไม่ได้ผลด้านมวลชน รัฐยังร่วมมือกับกับเครือข่าย (ผี) ของรัฐใช้อำนาจ งบประมาณ และบุคลากรเพื่อสร้างความเกลียดชังคนที่ทำงานขัดขวางนโยบายรัฐอันส่งผลต่อพลวัตของความขัดแย้ง

แต่ในระยะหลัง พบว่าอิทธิพลของสื่อท้องถิ่นอย่างสื่อวิทยุและสื่อสังคมออนไลน์ก็เพิ่มสูงมากขึ้น ในขณะที่องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ก็ปรับตัวโดยการลุกขึ้นมาทำงานสื่อสารอย่างเป็นจริงจังมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ในหลายปีที่ผ่านมา

การสื่อสารในมือขององค์กรภาคประชาสังคมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เพื่อสื่อสารเรื่องราวเท่านั้น หากยังมุ่งผลักดันประเด็นปัญหาหรือมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างด้วย

ตัวอย่างที่ควรต้องกล่าวถึงในที่นี้คือการสื่อสารที่มุ่งระดมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมหรือแม้แต่การเปิดพื้นที่ให้เสียงของผู้คนในระดับชุมชนได้ส่งเสียงในวงกว้างโดยเฉพาะเรื่องกระบวนการสันติภาพ เป็นต้น

ดังนั้น จึงขอฝากไปยังเครือข่ายของสื่อทางเลือกหรือสื่อท้องถิ่นอื่นๆ ช่วยเป็นพื้นที่กลางในการให้ข้อมูลข่าวสารอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และร่วมลุกขึ้นปกป้องคนที่ถูก IO มากขึ้น โดยเฉพาะในบรรยากาศการเมืองเปิด (พื้นที่การเมืองเปิดหรือปี่กลองการเลือกตั้งดัง)

และคาดว่าจะมีการใส่ร้ายป้ายสีทุกวิธีการ พร้อมทั้งเรียกร้องฝ่ายการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจเช่นกันอย่าใช้วิธีเดียวกันป้ายสีอีกฝ่ายอย่างที่ทำมา และบางครั้งเอาเรื่องเท็จผูกโยงกับปัญหาชายแดนใต้