เกษียร เตชะพีระ : เจ๊กสยามหันขวาหาจีน (จบ)

เกษียร เตชะพีระ
Thailand's Prime Minister Prayut Chan-O-Cha shakes hands with China's President Xi Jinping (R) before the G20 leaders' family photo in Hangzhou on September 4, 2016. World leaders are gathering in Hangzhou for the 11th G20 Leaders Summit from September 4 to 5. / AFP PHOTO / Greg BAKER

หลังจากนำเสนอเหตุผลข้อถกเถียงว่าทำไมเจ๊กสยามในหมู่ชนชั้นนำและคนชั้นกลางที่ฐานะมั่นคงจึงมีท่าทีการเมืองเอนเอียงไปเป็นแบบ “หันขวาหาจีน” ในระยะสองทศวรรษที่ผ่านมา นับจาก [วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง] → [วิกฤตความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการขึ้นสู่อำนาจรัฐของเครือข่ายทักษิณและพรรคพวกผ่านระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งเสียงข้างมาก]→ [การรณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112] แล้ว

ท้ายที่สุดนี้ผมใคร่ประมวลสรุปนานาทรรศนะอันหลากหลายของปัญญาชนสาธารณะ, เทคโนแครต, และผู้นำการเมืองสำคัญบางท่านที่น่าสนใจในประเด็นเกี่ยวเนื่องกันซึ่งได้แสดงไว้เมื่อเร็วๆ นี้ มานำเสนอ

เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา :

%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%812-e1470744453722

เอนก เหล่าธรรมทัศน์
อธิการ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต :
“บูรพาภิวัตน์ เอเชียคืออนาคต”

– ยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (อี๋ไต้อี๋ลู่ ???? หรือ One Belt One Road) ของจีน ควบคู่กับนโยบาย “ปักหมุดในเอเชีย” (Pivoting to Asia Policy) ของสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีโอบามา ได้เปิดโอกาสอันใหญ่หลวงแก่ประเทศไทย ในฐานะที่เรามีที่ตั้งใจกลางเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในอันที่จะแสดงบทบาทเป็นรัฐด่านหน้าทางโลจิสติกส์ในการสื่อประสาน [จีน-สหรัฐอเมริกา-อินเดีย-อาเซียน] เข้าด้วยกันตามวิถีบูรพาภิวัตน์ ทางประวัติศาสตร์ที่ถึงทีเอเชียกำลังรุ่งเรืองขึ้นบ้างในปัจจุบัน ซึ่งจะเปิดช่องให้ไทยสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์โภชผลพร้อมกันไปด้วย

– เพื่อการนี้ ไทยจำต้องธำรงรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐอเมริกาเอาไว้ให้ดี

(4 กันยายน 2559, http://www.isranews.org/isranews-article/item/49751-anek-laothamatas.html )

img_12491-1024x768

ศรีศักร วัลลิโภดม
นักโบราณคดีและมานุษยวิทยา ที่ปรึกษามูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ :
“ประเทศสยามวันนี้ : เมืองสองฝ่ายฟ้าระหว่างอเมริกากับจีน”

-กล่าวในทางประวัติศาสตร์ สยามได้ตกเป็นอาณานิคมทางปัญญาของฝรั่งตะวันตก และเหยื่อทางการเมืองและเศรษฐกิจของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือระบบทุนนิยมล่าเหยื่อและระบอบประชาธิปไตยต่อต้านสถาบันกษัตริย์แบบอเมริกันซึ่งได้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมชุมชนและความเป็นอิสระของท้องถิ่นไทยจนเสียหายยับเยิน

-เพื่อถ่วงดุลอำนาจอเมริกา สหประชาชาติและฝรั่งตะวันตกโดยทั่วไป รัฐบาลทหารไทยได้เอียงไปหาจีนกับพันธมิตรในโลกตะวันออก และฉะนั้นจึงทำให้ประเทศสยามทุกวันนี้กลายเป็นเมืองสองฝ่ายฟ้าระหว่างอเมริกากับจีน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จีนจะไม่ค่อยจู้จี้ช่างเลือกนักว่าไทยจะปกครองในระบอบใด ทว่า เอาเข้าจริงจีนก็หาได้เบาไปกว่าอเมริกาไม่ในแง่ความโลภโมโทสันทางเศรษฐกิจ การส่งผู้อพยพแทรกซึมเข้ามาในไทยและการมุ่งยึดครองไทยในทางเชื้อชาติ

– รัฐบาลทหารไทยจำต้องเป็นเผด็จการอย่างเต็มตัวในการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามที่เอาอย่างตะวันตกโดยเด็ดขาด สามารถปิดประเทศได้นานกว่า 5 ปีและปฏิบัติระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง

(26 กรกฎาคม 2559, http://lek-prapai.org/home/view.php?id=5235 )

13081998241308199979l

เขียน ธีระวิทย์
ศาสตราจารย์กิตติคุณ สาขารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษา :
“นายกฯ คนนอกเป็นคนไทยหรือเปล่า?”

– นักวิชาการ สื่อมวลชน นักกิจกรรมทางการเมืองและนักการเมืองไทยไม่ควรตกกับดัก “ประชาธิปไตย” ตามตำราตะวันตก ในสภาพที่พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของคนไทยไร้หลักการ ทำให้เกิดการโกงเลือกตั้งนั้น ประชาธิปไตยได้นำไปสู่รัฐบาลของคนรวยที่ทุจริตฉ้อฉลอย่างทักษิณซึ่งละเมิดหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง นอกจากนี้ ปฏิบัติการก้าวร้าวรุกรานเที่ยวทำสงครามของประเทศที่ประกาศตนเป็นแชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาก็ควรจะเตือนใจเราให้ตระหนักถึงอันตรายของประชาธิปไตยสามานย์จอมปลอมได้ดี

– ดังนั้น แทนที่จะฝากความหวังหลอกๆ ไว้กับประชาธิปไตยจอมปลอมและนายกรัฐมนตรีคนในจากการเลือกตั้งซึ่งทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้น้อยอย่างทักษิณและยิ่งลักษณ์ เราควรยอมรับนายกฯ คนนอกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้มากอย่าง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์, นายอานันท์ ปันยารชุน และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดีกว่า เพราะถึงอย่างไร ท่านก็เป็นทหารผู้รักชาติและคนไทยมิใช่หรือ

(23 สิงหาคม 2559, http://pantip.com/topic/35528205 )

1466758008_%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%88%e0%b8%88%e0%b8%9e%e0%b8%87%e0%b8%a9%e0%b9%8c2

สมชัย สัจจพงษ์
ปลัดกระทรวงการคลัง :
“เห็บสยามโมเดล”

– กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะนำ “โมเดลเห็บสยาม” มาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศโดยเน้นการสร้างพันธมิตรทั้งการค้า การลงทุนกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งไทยและพันธมิตรให้ขยายตัวด้วยกัน เช่น จีน, อินเดีย, แอฟริกา และอาเซียน เพราะหากเน้นการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ คงไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของไทย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว

– เห็บสยามโมเดลจะช่วยทำให้เราเติบโตไปกับประเทศที่กำลังขยายตัวได้ เราไม่จำเป็นต้องโตคนเดียว แต่สามารถพึ่งพาพันธมิตรได้ เช่น ถ้าจีนโต เราก็จะอ้วนด้วย ถ้าจีนเลิกโต เราก็จะไปอยู่กับอินเดีย หรือแอฟริกาใต้ต่อ นี่คือกลยุทธ์การโตของเรา คือถ้าใครโตเราก็จะเกาะไปกับเขาด้วย

(2 สิงหาคม 2559, http://prachatai.com/journal/2016/08/67210 )

201507221240498-20061002145931

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี :
“บิ๊กตู่แนะ ครม. อ่านหนังสือ “การปกครองประเทศจีน” บอกสอดคล้องประเทศไทย”

– ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 12 เมษายน ศกนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แนะนำหนังสือ The Governance of China ให้ ครม. อ่าน ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนโดยประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ผู้นำจีน บอกเล่าเรื่องการบริหารงานที่มีแนวทางสอดคล้องกันกับประเทศไทย เพราะอยู่ในระยะเวลาแห่งการปฏิรูปเช่นเดียวกัน

(12 เมษายน 2559, http://www.matichon.co.th/news/103564 )