โลกหมุนเร็ว เพ็ญศรี /เผ่าเหลืองทอง/หมา แมว และลิง

โลกหมุนเร็ว เพ็ญศรี /เผ่าเหลืองทอง [email protected]

หมา แมว และลิง

 

อะไรก็ตามที่มาก่อนกาลเวลา มักไปต่อได้ยากเสมอ

ลิงศาลพระกาฬลพบุรี ไล่ไม่ได้เพราะเป็นลิงเจ้า

คนวิจารณ์เรื่องตีทะเบียนสัตว์เลี้ยงเพราะไม่มีประสบการณ์ตรงกับปัญหาหมาๆ แมวๆ หรือเปล่า

ตัวอย่างที่หนึ่งเกี่ยวกับทั้งหมาและแมว

 

เรื่องหมามีเห็บหมัดเป็นเรื่องธรรมดาของหมาที่มีการปล่อยตามธรรมชาติ เจ้าคุกกี้หมาพันทางของผู้เขียนก็เช่นกัน ถึงหน้าฝนเห็บหมัดก็มักจะเจริญเติบโตดี เพราะเขามีการคลุกกับพื้นดินชื้นๆ

อยู่มาวันหนึ่งผิวหนังของเจ้ากี้ก็ถลอกเหวอะหวะ เหมือนใครเอายาพิษอะไรมาราด ตรงนี้หย่อม ตรงนั้นหย่อม ดูหมดสง่าไปเลย เราจึงถ่ายรูปผิวหนังดังว่าให้สัตวแพทย์ปากซอยเจ้าประจำดู แพทย์ผู้รักษาจากภาพในไลน์ก็ตอบมาทันใด “นี่โดนหมัดแมวกระโดดเข้ามาผสมโรงด้วยนี่ครับ น่าสงสารจัง”

เรื่องมีอยู่ว่า ทุกวันนี้มีแมวจรจัดชอบแวะเวียนมายั่วเจ้าคุกกี้ให้หงุดหงิดอยู่ทุกวัน มันมีกันสองตัว มันมักจะวิ่งตามกำแพงรอบบ้าน เผลอปุ๊บก็โดดลงพื้นดิน ถ่ายอุจจาระ หรือผลุบตรงโน้น โผล่ตรงนี้ ทำไปทำมาไม่รู้เห็บหมัดกระโดดปุ๊มาบนตัวเจ้าคุกกี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เราต้องจ่ายเงินรักษาแผลบนผิวหนังเจ้ากี้ไปตามระเบียบ

ต่อมาเจ้ากี้แอบดอดเข้ามานอนในบ้านเรา ทำให้เห็บของมันและหมัดของแมวขยายอาณาจักรมาในบ้าน สาวใช้ผู้ทำความสะอาดบ้านยืนยันว่าเธอโดนกัดเข้าให้ เป็นผื่นเห่อทั้งตัว แถมเป็นไข้ ต้องพากันไปหาหมออีก

ส่วนเราก็ต้องไปเรียกบริษัทฉีดปลวกมา ฉีดยาฆ่าเห็บหมัดให้มันหายแพร่กระจาย สรุปแล้วจ่ายเงินถึงสามต่อ วุ่นวายไปทั้งบ้าน

เราไม่รู้จะขับไล่แมวไปได้อย่างไร เพราะมันไม่มีเจ้าของ เราไปฟ้องเจ้าของให้มาเอาตัวไปก็ไม่ได้ จับมันก็ไม่ได้

คุณผู้อ่านคงจะเดาถูกนะคะว่าผู้เขียนน่าจะมีความคิดอย่างไรกับข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ที่ว่ารัฐจะให้ตีทะเบียนหมา-แมว

ผู้เขียนเห็นด้วยแน่นอนค่ะ เพื่อสวัสดิภาพของทั้งคนและสัตว์

ผู้เขียนเข้าใจดีถึงที่มาของนโยบายเรื่องนี้ ว่ารัฐอยากให้สัตว์เลี้ยงทุกตัวมีเจ้าของ เพื่อบำรุงเลี้ยงมันอย่างมีคุณภาพ ไม่แพร่โรคภัยต่างๆ เข้าสู่สัตว์ด้วยกันและเข้าสู่คน แต่เมื่อประกาศนโยบายแบบหยั่งเชิงออกไปก็ต้องม้วนเสื่อไม่เป็นท่า อันที่จริงเจ้าของหมา-แมวผู้รักสัตว์ทั้งหลาย วันๆ ก็ใช้จ่ายเงินมากมายเป็นค่าอาหาร ค่าดูแลสุขภาพอยู่แล้ว บางท่านยังเพิ่มรายจ่ายเรื่องความสวยงามเข้าไปอีก มี 5 ตัวก็ต้องเอา 5 คูณค่าใช้จ่าย มี 10 ตัวก็ต้องเอา 10 คูณ เป็นต้น แมว 1 ตัวกินปลาตัวเดียว แมว 10 ตัวก็ต้องซื้อปลาเพิ่มเป็น 10 ตัวจริงไหมคะ

ก็เลยแปลกใจว่าทำไมจึงต่อต้านการออกกฎของรัฐบาลกันด้วย

เจ้าของหมา-แมวสูญเสียอะไร ยังมองไม่เห็นชัด และทำไมจึงต่อต้าน

 

มาที่ตัวอย่างที่สอง

เจ้าของความคิดเห็นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านคนชั้นกลางค่อนข้างมีระดับ เธอเล่าว่า หมู่บ้านนี้มีเจ้าของบ้านสองสามบ้านที่ปล่อยสัตว์เลี้ยงปล่อยอุจจาระหน้าบ้านคนอื่นและไม่คิดจะทำความสะอาดให้ ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองใจในหมู่เพื่อนบ้าน

หมู่บ้านนี้มีเด็กเล็กๆ หลายคน ก่อให้เกิดความกังวลใจต่อไปว่า ถ้าเจ้าของหมาไม่เลี้ยงดูแบบเอาใจใส่ เขาจะเอาหมาไปฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า

ในหมู่ชนชั้นกลางที่นิยมเลี้ยงสัตว์กันจะเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบที่มีต่อตัวสัตว์เลี้ยงเองให้อยู่ดีมีสุข และต่อเพื่อนบ้าน และสังคมโดยรวมด้วย

เธอมีความเห็นว่า คนไทยยังล้าหลังเรื่องความรับผิดชอบที่มีต่อส่วนรวม และยังก้าวไม่ข้ามความคิดเรื่อง “การป้องกันไว้ก่อน”

เธอยังมีความเห็นที่น่าสนใจว่า การต่อต้านลึกๆ เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นกับบริการของภาครัฐ ว่ารัฐเรียกเก็บเงินไปแล้วจะดูแลเรื่องผลประโยชน์ขนาดไหน เมื่อเทียบกับองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ให้บริการดูแลสัตว์แบบนี้ ซึ่งได้รับความเชื่อถือมากกว่า

สังคมไทยยังไม่พร้อมหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องความคิด เรื่องนี้จึงเหมือนกับมาก่อนเวลา

อีกมุมมองหนึ่ง ในความคิดเห็นของผู้เขียน คือการที่สังคมไทยจะต้องปรับตัวให้มีความสมดุลในเรื่องการให้ทานกับหมา-แมวที่ไม่มีเจ้าของ ซึ่งหมายถึงหมา-แมวที่ไม่ได้เลี้ยงในบ้านนั่นเอง คนไทยเป็นคนใจบุญ ถ้าหากเห็นหมา-แมวจรจัดข้างถนน คนใจบุญจะเอาข้าวหม้อใหญ่คลุกกับข้าวมาแจกให้หมา-แมวไม่มีเจ้าของกิน คนใจบุญทั้งหลายจะหมดโอกาสทำบุญ ถ้าหากหมา-แมวต้องตีทะเบียนเมื่อไหร่ หมา-แมวที่ไม่มีเจ้าของก็ไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหารกิน ความที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ชาวพุทธจะสะเทือนใจถ้าหากสิ่งนี้เกิดขึ้น

แต่คนใจบุญส่วนหนึ่งไม่พร้อมจะรับเลี้ยงหมาแมวในบ้านอย่างมีอนามัย ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งที่พร้อมจะรับหมาแมวเป็นจำนวนสิบเข้าไปดูแล ให้กินให้ถ่ายและดูแลเรื่องการเจ็บป่วย การทำหมันอย่างมีอนามัย

 

มุมมองนี้สะท้อนจากเมื่อเห็นกรณีของลิงที่ลพบุรี

เมื่อไปทัวร์มติชนสัญจรกับมติชนอคาเดมีที่จังหวัดลพบุรี ลพบุรีไม่ใช่จุดหมายของนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเกิดออเจ้าฟีเวอร์ ลพบุรีก็ได้มีโอกาสเปิดตัวต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงสมัยพระนารายณ์ ที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง

น่าเสียดายที่เมื่อรถพาเราเข้าเมือง ถนนสายที่มุ่งสู่ตัวเมืองนั้นดูเหมือนกับชายป่ามากกว่าถนนเข้าเมือง เพราะมีเหล่าวานรห้อยโหนกันเต็มไปหมด เหมือนเมื่อ 50 ปีก่อนยังไงยังงั้น ขาดความเป็นเมืองที่มีระเบียบเรียบร้อยชีวิตชีวา เมื่อรถไปถึงวงเวียนซึ่งดูเป็นแหล่งใจกลางธุรกิจ อาคารรอบวงเวียนปิดนิ่งเงียบงัน บางแห่งมีวัสดุกั้นตามประตูหน้าต่างกันวานรผู้ซุกซน

กำลังสงสัยว่าบริหารจัดการอะไรได้ไหมเพื่อให้เมืองลพบุรีดูดีขึ้น ก็มีผู้มากระซิบข้างหูว่า “ลิงเจ้า ทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวบาป” เป็นเหตุผลที่เท็จจริงอย่างไรไม่รู้

เรื่องตีทะเบียนสัตว์เลี้ยง จึงมีหลายประเด็นให้ถกกันต่อไป ด้วยประการฉะนี้

 

ภาพจาก dogilike.com