ท่าทีกองทัพ และ คสช. ต่อกรณี “เบส อรพิมพ์” “ถูก” คือเรา “ผิด” คือคนอื่น

กระแสดราม่า “เบส” อรพิมพ์ รักษาผล เจ้าของฉายา “นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ” ก่อนถูกโยงเข้าหา “กองทัพ”

มีจุดเริ่มจากการที่ได้รับการปฏิเสธให้วีซ่าจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ในการเดินทางไปพูดตามคำเชิญของกลุ่มคนไทยที่เตรียมจัดงานถวายความอาลัยที่รัฐแมสซาชูเซตส์

จนก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา

ก่อนเจ้าตัวจะออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ยอมรับอาจเป็นเพราะไม่มีสถานะการทำงานประจำ ประกอบกับสถานะทางการเงินมีปัญหาเกี่ยวกับเครดิตบูโร

ทำเอาหลายคนที่พยายามโยงให้เป็นเรื่องอื่น ถึงกับ “เงิบ”

และแทนที่เรื่องจะจบตรงนั้น กลับไม่ใช่ ยิ่งบานปลายหนักกว่าเดิมจนเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ลุกลามออกมาบนหน้าหนังสือพิมพ์

หลังมีคนนำคลิปกล่าวพาดพิง “คนอีสาน” เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง เมื่อครั้งไปพูดในงานของ “กอ.รมน.” จังหวัดมหาสารคาม เมื่อหลายเดือนก่อน จนถูกสังคมรุมตำหนิว่า เป็นการพูดที่ใช้ไม่ได้

ชนวนปัญหาอยู่ตรงประโยคว่า

“—พี่จะไม่ถามว่ารักในหลวงไหม รู้อย่างเดียวว่าคนอีสาน ในหลวงเสด็จฯ บ่อยมาก และช่วยคุณเยอะมาก คนอีสานคะ โปรดฟัง ในหลวงรักพวกคุณ แปลกนะที่บางทีพวกคุณลืมในหลวงเนอะ แปลกอะ พี่ไม่ได้ว่านะ พี่เข้าใจ เพราะคุณมันเกิดช้าไง—“

ต่อมา เบส อรพิมพ์ ชี้แจงผ่านสื่อทีวีดิจิตอลและเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความขอโทษต่อสังคม ยืนยันไม่มีเจตนาดูถูกดูหมิ่นคนอีสาน หรือสร้างความแตกแยกให้ประเทศชาติ

ระบุคลิปที่มีการนำมาแพร่ลงในโลกโซเชียล เป็นคำพูดที่ตัดตอนนำมาลงแค่สั้นๆ ไม่กี่นาที จากเนื้อหาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

อย่างไรก็ตาม คำขอโทษดูเหมือนจะช่วยได้ไม่มากนัก กระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงตำหนิ

ยังคงลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง

 

นักร้อง นักแสดง ศิลปิน คนดังเลือดอีสาน อาทิ

แคนดี้ รากแก่น นักจัดรายการวิทยุ ทายาทหมอลำดัง บานเย็น รากแก่น ชาว จ.อุบลราชธานี, สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย ชาว จ.ขอนแก่น, ก้อง ห้วยไร่ นักร้องลูกทุ่งชาว จ.สกลนคร ฯลฯ

รวมถึงนักแสดงตลกสาว “ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน” ชาว จ.อุดรธานี ต่างพากันรับไม่ได้กับคำพูดกล่าวหาคนอีสานให้เสียหายร้ายแรง

เฟซบุ๊กของตุ๊กกี้ โพสต์ข้อความโดนใจคนอีสาน

“บารมียังไม่พอ อย่าไปกล่าวถึงใคร เอาเรื่องตัวเองเท่านั้น จะดี โลกไปไกล คำพูด ถ้าพาดพิง มันจะกลับมาทำลายเรา! เอาเรื่องในหลวงมาพูด จนมีงานการทำ นี่ก็ควรจะพอแล้ว ไปพูดถึงคนอีสานทำไม เอาเรื่องเดียวพอแล้ว จำไว้ใครๆ ก็รักในหลวงทั้งนั้น”

นอกจากนี้ ยังมีผู้โพสต์ภาพป้ายต่อต้านลงในโลกโซเชียล อ้างสถานที่สะพานลอยถนนมิตรภาพ ช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เส้นทางไป จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา

ขณะที่ นายคารม พลพรกลาง ทนายความชาว จ.ร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เอาผิดในข้อหาหมิ่นประมาทคนอีสาน คดีอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่นัดสอบปากคำ 2 ฝ่ายเร็วๆ นี้

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า จากที่ดูคลิปวิดีโอหลักฐานคร่าวๆ ส่วนตัวมองว่าน่าจะเข้าข่ายความผิด แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

แล้วเรื่องดราม่าของ เบส อรพิมพ์ สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับกองทัพได้อย่างไร

ถึงขนาดทำให้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช.

ต้องออกมาแถลงชี้แจง ปกป้อง

จากการประมวลเรื่องราวทั้งหมดตามที่เป็นข่าว

พบคำตอบว่าน่ามาจาก 2 ประเด็นหลัก คือ “สายสัมพันธ์” ระหว่าง เบส อรพิมพ์ กับกองทัพและ คสช. กับเรื่อง “ค่าจ้าง” วิทยากร

ประเด็นแรก สืบเนื่องจาก เบส อรพิมพ์ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานของกองทัพบ่อยครั้ง

คลิปคำพูดดูหมิ่นคนอีสาน เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ก็เป็นการพูดในงานจัดโดย กอ.รมน.จังหวัดมหาสารคาม เมื่อเดือนมกราคม 2559

ยังมีได้รับเชิญเป็นวิทยากรอบรมประชารัฐต้นแบบ ณ หอประชุมกิตติขจร กองทัพบก เมื่อเดือนเมษายน 2559 เป็นการบรรยายพิเศษเรื่องเหตุผลความจำเป็นที่ คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ โรดแม็ปของรัฐบาลและ คสช.

ประกอบภาพถ่ายกับ “บิ๊กทหาร” ในกองทัพและ คสช. ระหว่างเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพ

ยิ่งก่อให้เกิดความสงสัยว่า เบส อรพิมพ์ อาจไม่ใช่แค่วิทยากรระดับธรรมดา

จากประเด็นความสัมพันธ์ในลักษณะวิทยากร “ขาประจำ” กองทัพและ คสช. แตกออกไปยังเรื่อง “อัตราค่าจ้าง” ในการรับงานแต่ละครั้ง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการหรือไม่

เพจเฟชบุ๊ก “พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall” นำภาพเอกสาร กำหนดการบรรยายโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมนักศึกษา หัวข้อ “อย่างไรที่เรียกว่ารัก” วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558

มีการระบุตัวเลขค่าตอบแทนการเป็นวิทยากร ชั่วโมงละ 30,000 บาท

พร้อมกัน ยังได้เผยแพร่ลิงก์เอกสารระเบียบหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่ายและแนวทางการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี การฝึกอบรมสัมมนา การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ที่เบิกจ่ายในลักษณะค่าตอบแทน

ระบุค่าวิทยากรที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้ารัฐไว้ที่ไม่เกิน 1,600 บาท

ฉับพลันทั้ง 2 ประเด็นก็ได้รับการชี้แจงจากกองทัพและ คสช.

 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงแข็งกร้าวในประโยคแรกว่า “กองทัพไม่ได้จ้างและไม่ได้เป็นคนของกองทัพ”

แต่แล้วกลับแฝงน้ำเสียงชื่นชมในประโยคต่อมา

“ส่วนสาเหตุที่เชิญมาพูดบ่อยครั้ง เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เป็นอย่างดี”

ขณะที่ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. เปิดแถลงข่าวพรั่งพรูเรื่อง เบส อรพิมพ์ ถึง 2 ครั้งในห้วงเวลา 2 วัน

เริ่มจากการยืนยันว่าเบสไม่ได้เป็น “เครื่องมือ” ของกองทัพ และอยากให้มองว่าเบสเป็นผู้หญิงที่เก่ง มีความกล้าและเป็นนักพูดที่ดี ให้ข้อคิดต่างๆ ได้

รวมทั้งเป็นคนที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ส่วนที่ไปพูดพาดพิงถึงคนอีสานนั้น ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้ดูที่เจตนามากกว่า เพราะทุกวันนี้สังคมไทยยังมีกลุ่มคนที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบัน พบตามโลกโซเชียลและยูทูบ

เบสน่าจะหมายถึงพวกนี้มากกว่า

ไม่ใช่แค่ปกป้อง แต่ยังแก้ต่างแทนอีกต่างหาก

สำหรับประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับอัตราค่าตอบแทนนั้น คำตอบมีอยู่ว่า

อย่าไปมองเรื่องค่าตัว แล้วจับผิดว่ากองทัพบกต้องจ่ายชั่วโมงละ 30,000 บาท 2 ชั่วโมง 60,000 บาท อย่าไปมองอย่างนั้น เรามองประเด็นว่าเราเอาวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถมาบรรยายให้กับกำลังพล ที่แสดงออกถึงความจงรักภักดี

ตอนนี้กระแสสังคมกลับกลายเป็นว่า พออธิบายไปเรื่องหนึ่ง ก็จะขยายบิดเบือนไปอีกเรื่องหนึ่ง เพราะมีกลุ่มคนจุดกระแสเรื่องเหล่านี้อยู่

ต้องการนำไปสู่ความแตกแยก

 

จากถ้อยแถลงทั้งของ พ.อ.วินธัย สุวารี และ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ ไม่ว่ากรณีการพูดพาดพิงถึงคนอีสานหรือกรณีเงินค่าจ้างวิทยากร

ด้านหนึ่ง นอกจากเป็นการยืนยันว่ากองทัพและคนของตัวเองนั้น ล้วนดีเลิศ

ส่วนคนที่นำหลักฐานคลิปเสียงและเอกสารออกมาเปิดโปงผ่านโลกโซเชียล เป็นพวกไม่จงรักภักดี จ้องหาเรื่องจุดประเด็นขยายผล สร้างความขัดแย้ง ซ้ำเติมสังคมซึ่งกำลังอยู่ในห้วงเวลาทุกข์โศก

โดยไม่ทันสังเกตว่า 1 นิ้วของตนเองขณะชี้หน้ากล่าวหาคนอื่น นิ้วที่เหลือชี้ย้อนกลับไปที่ใคร

แทนที่จะสร้างแรงบันดาลใจ กลายเป็นสร้างความแตกแยกเสียเอง