หมัดที่มองไม่เห็น

บทความเรื่อง “8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก” ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

ถ้าเป็นภาษามวย ต้องถือว่าเป็น “หมัดที่มองไม่เห็น” ที่นักมวยทุกคนกลัวที่สุด

เพราะนึกไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะเหวี่ยงหมัดนี้ออกมา

ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ระมัดระวังแต่พรรคเพื่อไทยและเครือข่าย

อยู่ดีๆ “หม่อมอุ๋ย” อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล “ลุงตู่” ก็ปล่อยหมัดชุด

เป็น “หมัด” ของคนที่เคยอยู่ “วงใน”

เป็น “ข้อมูล” เชิงลึกที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน

ที่สำคัญที่สุดคือ การถล่ม “จุดแข็ง” ที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะที่ผ่านมา “ลุงตู่” ไม่ว่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอะไรก็ตาม

แต่ “เกราะป้องกัน” ที่ดีที่สุดของเขาคือ “ความซื่อสัตย์”

ไม่เคยมีข่าวเรื่องทุจริตหรือผลประโยชน์ทับซ้อนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หมองมัวเลย

แต่บทความของ “หม่อมอุ๋ย” ทำให้ “เกราะเหล็ก” นี้พังทลาย

เริ่มตั้งแต่เรื่อง “เรือดำน้ำ” ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยุค “หม่อมอุ๋ย” ทำหนังสือคัดค้าน

แต่พอเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ไม่เห็นด้วย

แต่รัฐมนตรีคลังคนใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกมาเองกลับไม่คัดค้าน

โครงการ “เรือดำน้ำ” จึงฉลุย

หรือเรื่องความพยายามสอดแทรกเรื่อง “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ” ของเพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ “กรมพลังงานทหาร” เป็นผู้รับผิดชอบ

แม้จะถูกตีตกไป แต่ก็เห็นร่องรอยความพยายามให้ “ทหาร” มีอำนาจเหนือ “พลเรือน” ชัดขึ้น

เช่นเดียวกับเรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่แกนนำ คสช. “รับเงินแล้วคืน”

เจ้าหน้าที่ตรวจพบความไม่ถูกต้อง แต่ถูกกดดันจากรัฐบาลให้หัวหน้าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินชี้แจงเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา

ทุกหมัดรุนแรงมาก

แต่หมัดที่แรงที่สุดคือ การกล่าวหาว่าแต่งตั้งให้คนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

เปิดช่องให้รู้ข้อมูลการลงทุนก่อนคนอื่น

หรือการเอ่ยปากให้ “หม่อมอุ๋ย” จัดให้กลุ่มธุรกิจใหญ่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน

โดย “ไม่ต้องมีการประมูล”

หรือเอ่ยปากขอให้กรมธนารักษ์ให้เอกชนรายหนึ่งเช่าที่ดินทหารบริเวณกาญจนบุรี

โดยคิดค่าเช่าใน “ราคาถูก”

ไม่ได้กล่าวหาว่า “ทุจริต”

แต่ชี้เบาะแสให้เห็นความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

เพราะ “หัวส่าย” เข้าหา “เจ้าสัว”

“รวย” จึง “กระจุก”

“จน” ถึง “กระจาย”