กาละแมร์ พัชรศรี : สิ่งที่เกินคาดหมายในอินเดีย

ระหว่างที่ฉันเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ฉันยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางจาริกแสวงบุญยัง 4 สังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียและเนปาล

จากเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นที่คยาแล้ว ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อนที่ต้องเป็นบัดดี้นอนด้วยกันจะต้องกลับเมืองไทยไป 4-5 วันแล้วจะกลับมาร่วมทริปกันใหม่

ตอนแรกก็ตกใจ “อ้าวววว มาทิ้งกันอย่างนี้” แต่สำหรับฉันแล้วอะไรเกิดขึ้นย่อมดีเสมอ ในตอนแรกฉันคิดว่า เพื่อนไม่อยู่ก็คงจะได้อ่านหนังสือตอนช่วงบ่ายๆ และก็ชิลๆ ไป

แต่…มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

เมื่อเพื่อนจากไป ฉันได้เพื่อนใหม่ทันที หามีอาลัยอาวรณ์ไม่ (ฮา)

 

แก๊งเพื่อนใหม่คือเพื่อนเก่าฝากฝังไว้นั่นเอง เราเข้าแก๊งเขาทันที และมีหน้าที่ทำงานทันทีเช่นกัน

แก๊งเพื่อนใหม่มีหน้าที่ทำงานถวายสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เกี่ยวกับอาหารหวาน ผลไม้ ขนม เครื่องดื่ม เข้าทางเราทันที

ฉันมีหน้าที่จัดเตรียมขนมใส่ถาดแก้วถวายแด่สมเด็จฯ และพระเถระ ดังนั้น จึงต้องทำเป็น 2 ชุด และต้องทำทุกอย่างด้วยความสะอาดและประณีต

มือล้างให้สะอาด ใส่ถุงมือทุกครั้ง จัดวางขนมให้สวยงาม ชอบเหลือเกินที่ได้จัดทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัด เลือกขนมให้หลากหลาย จัดเสร็จแล้วก็ห่อไว้ด้วยพลาสติกก่อน เมื่อถึงเวลาถวายค่อยแกะออก เพื่อป้องกันฝุ่น สิ่งแปลกปลอมอะไรตกลงไป

และทำเหมือนกันอีก 1 ชุด สำหรับพระเถระ

นอกจากนี้ก็ช่วยเตรียมทำผลไม้ เครื่องดื่ม เช่น น้ำชา กาแฟ น้ำปานะ

 

แก๊งเพื่อนมีกันอีก 3 คน ต้องบอกเลยว่าพวกเขามืออาชีพมากๆ เตรียมของมาจากเมืองไทยอย่างเป๊ะ ขนมนมเนยมีทั้งซื้อมาถวายเองและมีคนฝากมาถวายเมื่อรู้ว่าท่านต้องเดินทางมาที่อินเดีย เรียกได้ว่า อะไรที่เมืองไทยมี ที่อินเดียก็มีเช่นกัน

การได้ร่วมแก๊งกับเพื่อนๆ ทำให้ฉันสนุกสนานมาก

กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกวันคือ ตื่นมาใส่บาตร แล้วไปเตรียมทำภัตตาหารเช้า กินข้าวเช้าของตัวเอง

แล้วรีบไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้วกลับมาเตรียมภัตตาหารเพล กินอาหารกลางวันของตัวเอง เก็บของย้ายสถานที่ ทำวัตรเย็น

ตอนเย็นทำน้ำปานะเย็นถวาย

ทำแบบนี้วนไปทุกวัน

ในแต่ละวันมีเรื่องราวให้ได้ตื่นเต้นเร้าใจ ให้เราได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตลอด

เช่น ที่อินเดียใช้ไฟพร้อมกันไฟจะตัด ปิ้งขนมปังอยู่ก็ตัด ต้องไปหาปลั๊กใหม่ และทำของให้เสร็จในเวลาและต้องสวยงามประณีต

ในบางครั้งต้องถวายและประเคนด้วยตัวเอง จากที่ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์ใกล้ชิดพระ เพราะทำอะไรไม่ค่อยจะถูก คราวนี้ประเคนทุกวัน ถวายทุกวัน ก็รู้สึกคล่องแคล่วขึ้นมาก

ประกอบกับสมเด็จฯ และพระเถระทุกรูปให้ความเมตตาแก่ฉันเสมอ

บางครั้งก็ประทานอาหารกลับมาให้พวกเราได้กินกันเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต

 

เรื่องของที่สมเด็จฯ ท่านประทานเป็นเรื่องที่ได้เรียนรู้อยู่ทุกวัน นั่นคือ หลังใส่บาตรพระใหม่ 95 รูปและพระเถระแล้ว สมเด็จฯ ท่านจะเดินมาประทานส้มและไข่ต้มให้พวกเราฆราวาส

แต่การประทานของท่านนั่นไม่ธรรมดา คือไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ส้มและไข่จะลอยมาหาเราได้ ณ ตรงจุดนั้น!!!

นั่นหมายความว่า เราต้องตั้งสติ เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เพราะถ้าถึงตาเราแล้วท่านประทานมาจากทางไกล เราต้องรับให้ทัน แรกๆ ฉันก็กรีดร้องด้วยความตกใจแล้วก็รับไม่ค่อยทัน แต่วันหลังๆ แม่นขึ้นมาก รับได้อย่างสบาย สติต้องมาตลอดแม้จะเช้าแค่ไหนก็ตาม

ในความเมตาของสมเด็จฯ นั้นมีให้เห็นอยู่เสมอ บางครั้งท่านก็เดินมาตักอาหารราดข้าวเองแล้วประทานให้คนที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ตัวหรือคนที่ร่วมคณะมากับท่าน

หรือบรรดาคนอินเดียที่มาคอยอำนวยความสะดวก มาคอยบริการพวกเรา ท่านก็จะมอบสตางค์เป็นสินน้ำใจให้เสมอ

 

ในตอนค่ำแก๊งเราจะไปถวายน้ำปานะ เพราะเถระต่างๆ บางรูปอยู่ต่างที่พักเพราะต้องไปดูแลพระบวชใหม่ เราก็เดินทางนำไปให้และได้สนทนาธรรมกับท่านบ้าง

เช่น พระราชกิตติมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร ท่านก็จะสอนวิธีการภาวนาและการสวดมนต์ให้เรา

กิจวัตรจึงเป็นอย่างนี้ทุกวันวนไป ย้ายเมืองเกือบทุกวัน

การนั่งรถในอินเดียใครเคยมาจะเข้าใจ ถนนหนทางยังขรุขระ ฝุ่นควันมากมาย

แต่พอเราได้รู้อย่างนี้ ทำให้นึกถึงพระพุทธเจ้าในสมัยก่อนนั้น พระองค์ต้องลำบากขนาดไหน แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อในการทำเป้าหมายของท่านให้สำเร็จ

แล้วเราล่ะ

แค่ทำเรื่องทางโลกให้สำเร็จยังกระเสาะกระแสะไม่เอาจริง

สำหรับฉันนั้นรู้แล้วว่า ในปีหน้านี้ความทุ่มเทแรงกาย แรงใจ พลังจากทุกทางจะถูกงัดเอามาใช้

เพราะงานใหญ่รออยู่ ไม่ง่าย

แต่เราจะทำงานง่ายๆ ไปทำไม ทำทั้งที่โลกต้องจำสิคะ!