ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
จู่ๆ 1 ใน 4 กุมาร
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ออกมาแถลงแก่สื่อมวลชน
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
“ว่าด้วยการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. …” ที่สภาพัฒน์เสนอ
ถือเป็นครั้งแรก
ที่มีการจัดตั้งหน่วยงานกลาง เพื่อดูแลลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน
โดยมีนายกฯ เป็นประธานกรรมการในระดับนโยบาย
ส่วนกรรมการบริหาร มี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ถือเป็นงานใหญ่ งานยักษ์
และที่สำคัญ เป็นการยอมรับกลายๆ
หลังคนรัฐบาลและสภาพัฒน์เถียงคอเป็นเอ็น เมื่อนายบรรยง พงษ์พานิช เอาสถิติของสถาบันการเงินระดับโลกมาแฉ
ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยสูงสุดในโลก
รัฐบาลโต้ว่าไม่จริง ใช้ตัวเลขเก่า และเทียบวัดข้อมูลไม่ได้มาตรฐาน
แต่แผล็บเดียว
มีมติตั้งคณะกรรมการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน
ขึ้นมาหน้าตาเฉย
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ถูกเย้ยจากโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ทันที “ช้าไปเสียแล้ว”
กระนั้น จะเย้ยอย่างไร ในช่วงหน้ามืดหาคะแนนเสียงเช่นนี้
อะไรทำได้ก็ต้อง “ทน” ทำ
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ในวันเดียวกับที่ ครม.มีมติ เรื่องแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำและยากจน
ครม. อัดฉีดของขวัญให้ชาวบ้านเพิ่มอีกล็อตใหญ่
และที่สำคัญ กรมบัญชีกลางจะกดปุ่ม 21 ธันวาคม 2561 แจกบัตรคนจนเพิ่มอีก 3.04 ล้านใบ
โดยให้รูดปรื๊ดได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2562
ตัวเลขคนจนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศจะต้องทำให้หายจนในปี 2562
เพิ่มพรวดเป็น “11 ล้าน + 3 ล้าน” เท่ากับ 14 ล้านคน ในพริบตา
มากขนาดนี้ ต่อให้เป็นพ่อมดก็เสกให้หายจนไม่หมด
นอกจาก “แจกแหลก” ให้พอบรรเทาความทุกข์ยาก
ส่วนจะต่างตอบแทนคืนด้วย “คะแนนเสียง” หรือไม่
จุ๊ จุ๊ เขาไม่บอกกัน
แต่เพื่อป้องกันเสียงเย้ย ทำไมยิ่งแก้ คนยิ่งจน ยิ่งเหลื่อมล้ำ
เลยมีมติตั้งกรรมการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ-ยากจน ขึ้นมาคู่ขนานเสียดื้อๆ
อย่างน้อยก็พอได้โต้ ทำแล้วไง จะเอาอะไรอีก…ปัดโธ่