เล่าลึกเรื่องวงใน : สถานการณ์ร้อนระอุ! “ลพบุรี” ที่มีคนต้อง “กุมขมับ!”

สถานการณ์ “ปัจจุบัน” สนามลพบุรี 1 เขต หาร 4

สนามเลือกตั้งจังหวัดลพบุรีร้อนระอุ

หลังจาก “นายอำนวย คลังผา” อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งด่าเผด็จการมาตลอดช่วง 4-5 ปี ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายเพียงชั่วข้ามคืนโดดย้ายค่ายไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ

งานนี้ทำเอาบรรดาแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคโดยเฉพาะสมาชิกจังหวัดลพบุรีถึงกับเหวอ เพราะก่อนหน้าจะไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง “นายอำนวย” ยังนั่งคุยกับบรรดาแกนนำพรรคพร้อมยืนยันว่าจะไม่ย้ายพรรคไปไหนอย่างแน่นอน

“นายสุชาติ ลายน้ำเงิน” ซึ่งกำลังเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ทำบุญใจไม่เป็นสุข คืนก่อน “นายอำนวย” ประกาศตัวย้ายพรรค ยกหูโทรศัพท์โทร.ข้ามประเทศมาขอคำยืนยันอีกครั้ง

และแน่นอน คำตอบที่ได้หนักแน่นว่า “ไม่ไปแน่นอน” สุดท้ายตื่นเช้ามางงตามระเบียบ…

ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยกวาดที่นั่งในสภาจากจังหวัดลพบุรีได้ทั้ง 4 เขตมาตลอด จนมาถึงการเลือกตั้งปี 2554 ครั้งนั้นเพื่อไทยพลาดไป 1 เขต คือเขตของ “นายพหล วรปัญญา”

แต่ต่อมาเมื่อการเลือกตั้งปี 2557 เพื่อไทยก็กลับมากวาดทั้ง 4 เขตคืนอีกครั้ง

มาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ “นายอำนวย” เอง คือคนที่กดดันให้ “นายพหล” ออกจากพรรคเพื่อไทย จนไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย

เนื่องจากอ้างว่า “นายพหล” ไม่ลงพื้นที่ กลัวว่า “นายพหล” จะสู้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้

“นายอำนวย” คิดว่า “นายพหล” จะเป็นจุดอ่อนของพรรคจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคก็ให้เปลี่ยนตัว

เมื่อ “นายพหล” ทราบข่าวดังนั้น ก็ตัดสินใจลาออกจากเพื่อไทย แล้วย้อนเกล็ดมาลงสู้ ชนกับ “นายอำนวย” ในนามพรรคภูมิใจไทย

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ส่ง “นายทรงพล เกียรติวินัยสกุล” อดีตผู้สมัครนายก อบจ.ลพบุรี มาลงสู้กับ “นายพหล” และ “นายอำนวย” อีกต่อหนึ่ง

กลายเป็นว่า ตอนนี้ เขต 1 ลพบุรี คะแนนโดนหาร 4 โดยเพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ

ซึ่งงานนี้เพื่อไทยยังมั่นใจมากว่าจะสามารถชิงที่นั่งมาได้ เนื่องจาก “นายทรงพล” แม้จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่ไม่ใหม่ทางการเมือง แถมชื่อเสียงในจังหวัดก็ดี เป็นหลานชายของ “นายพิชัย เกียรติวินัยสกุล” อดีต ส.ส.ลพบุรีที่ยังมากด้วยบารมี

และวันนี้บัตรเลือกตั้งมีเพียงใบเดียว ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยกวาดคะแนนในพื้นที่ดังกล่าวได้ถึง 90,000 เสียง เป็นคะแนนที่เลือกตัวบุคคลเพียง 40,000 เสียง แต่เป็นคะแนนที่เลือกพรรคถึง 50,000 เสียง

หากคะแนนพรรคได้คะแนนเสียงเพียงในจำนวนเท่าเดิมก็สามารถชนะคนที่เหลือได้ไม่ยาก

เพราะคะแนนที่เหลือถูกซอยย่อยออกเป็นเสี่ยงๆ เสียแล้ว