วิเคราะห์ : ปรากฎการณ์เดือด! “เฉลิม” เปิดศึกปะฉะดะ แจก “เผือก” ให้สุริยะ เด็ก พปชร.ชกข้ามรุ่น

ประดาบก็เลือดเดือด! “เฉลิม” เปิดศึกปะฉะดะ แจก “เผือก” ให้สุริยะ เด็ก พปชร.ชกข้ามรุ่น

หลังเส้นทางการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 มีความชัดเจน

พรรคเพื่อไทยได้จัดทัพเตรียมความพร้อม แต่งตั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง พร้อมกับมอบหมาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นแม่ทัพหาเสียงทั่วประเทศ

จากการจัดวางตัวแม่ทัพเลือกตั้งของเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์จึงเป็นแม่ทัพ “ฝ่ายบุ๋น”

ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมเป็นแม่ทัพ “ฝ่ายบู๊” ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองอันโชกโชน ปากกล้า ไม่กลัวใคร ผ่านเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง

เมื่อการเลือกตั้งมาถึง ร.ต.อ.เฉลิมเจ้าของสโลแกน “ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม” เลือดนักการเมืองก็พลุ่งพล่านไม่ต่างฉลามได้กลิ่นเลือด

ร.ต.อ.เฉลิมมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ หากไม่โดนแจกใบเหลือง-ใบแดง หรือโดนโกง

พรรคเพื่อไทยจะชนะถล่มทลายหรือแลนด์สไลด์ ได้เป็นพรรคอันดับ 1 อยู่เหนือคู่ปรับเก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และคู่ปรับใหม่ตัวฉกาจอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แน่นอน

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์

ร.ต.อ.เฉลิมมองว่าจะได้ ส.ส.น้อยลง เนื่องจากได้แสดงวีรกรรมให้ประชาชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ ทั้งการยกโขยงออกไปเป่านกหวีดกับม็อบ กปปส. เปิดช่องให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ ทำให้ประเทศชาติเสียหายในทุกด้าน

แต่พรรคที่โดน ร.ต.อ.เฉลิมจัดหนักกว่าคือ พปชร.

หลังได้รับมอบหมายเป็นแม่ทัพหาเสียง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำตัว “โลว์โปรไฟล์” มาตลอด 4 ปี ก็เปิดฉากออกอาวุธเข้าใส่ พปชร.ทันทีแบบไม่ยั้ง

เริ่มจากการระบุว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้สับสนวุ่นวายเพราะมี 4 รัฐมนตรีไปตั้งพรรค พปชร. และมีอีกคนเป็น “อีแอบ” ใช้ 4 รัฐมนตรีออกหน้า

ร.ต.อ.เฉลิมยังได้เรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีลาออก เพื่อความเป็นธรรมกับพรรคอื่นๆ ส่วนที่ พปชร.ประกาศจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ

“วันนี้คนเห็นฝีมือแล้ว เหมือนลิเกดูไปสามรอบ จะให้เล่นรอบที่สี่ คนคงรู้แล้ว ไม่มีอะไรตื่นเต้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์จะมาเล่นการเมือง ไม่ผิด แต่ประชาชนเลือกแล้ว ตัดสินใจแล้ว”

ร.ต.อ.เฉลิมไม่เชื่อว่า พปชร.จะชนะศึกเลือกตั้ง

เพราะสาเหตุไม่ใช่แค่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ยอมรับหลังจากเดินคารวะแผ่นดิน ถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านว่า อยู่ในสภาพสาหัส

“ขนาดคนที่แนบแน่นกับฝ่ายรัฐบาลยังพูดยอมรับเช่นนี้ แล้วพรรคพลังประชารัฐจะเอาอะไรมาชนะพรรคเพื่อไทย”

ยังอยู่ตรง พปชร.แต่งตั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน

เพราะเมื่อเอ่ยชื่อสองคนนี้ ทางการเมืองรู้เลยว่า พปชร.แพ้แล้ว

ฉลามสภาพุ่งเข้าชาร์จ “สมศักดิ์-สุริยะ” แบบไม่ทันตั้งตัว

การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำนายว่า พปชร.ไม่มีทางชนะเลือกตั้ง ก็เรื่องหนึ่ง

การฟันธงว่า ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เป็นนายกฯ จากการสนับสนุนของ 250 ส.ว. ที่เลือกเข้ามาเองกับมือ แต่ก็จะอยู่บริหารประเทศได้ไม่นาน ก็เรื่องหนึ่ง

รวมถึงการแฉว่ามี 2 หน่วยงานมีความคิดจะโกงเลือกตั้งให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ไปจนถึงการต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีภายใน พปชร.

“ได้ข่าววันนี้เขาขอตำแหน่งกันแล้ว โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

และว่า 4 รัฐมนตรีแกนนำ พปชร. ถึงจะถูกกดดันจากทุกสารทิศ แต่เชื่อว่าไม่มีวันลาออก เพราะมามือเปล่า อาศัย คสช.จึงได้เป็นรัฐมนตรี ไม่อย่างนั้นชาตินี้ก็ไม่ได้เข้าทำเนียบ

วันไหนเป็นรัฐบาลแล้วมีฝ่ายค้านจะรู้ว่านรกมีจริง โดยเฉพาะคนเป็นนายกฯ ยิ่งลำบาก เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องตอบกระทู้ด้วยตัวเอง ห้ามคนอื่นตอบให้แทน

ถึงวันนั้น ร.ต.อ.เฉลิมอยากรู้ว่า คนอย่างสมศักดิ์-สุริยะ-สุชาติ เคยรู้เรื่องรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะไม่เคยได้ยินเสียงอภิปรายในสภาเลย

เมื่อถูกหยามซึ่งหน้า ก็ต้องตอบโต้

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ 1 ใน 4 รัฐมนตรี พปชร. กล่าวติดตลก “ใครคือคุณเฉลิม ผมไม่รู้จัก”

ทำให้นายวัน อยู่บำรุง ซึ่งไม่ตลกด้วย ออกมาโพสต์ท้าทาย

“ไม่ต้องถึงคุณพ่อผม!! อยากถามพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ระหว่างคุณสุวิทย์กับ #วัน_อยู่บำรุง รู้จักใครมากกว่ากัน?”

แต่ที่เผ็ดร้อนยิ่งกว่าใคร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมากล่าวถึงกระแสข่าวการต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีคมนาคมว่า เป็นการสร้างข่าวเท็จ

ยืนยันว่าตั้งแต่อยู่กับพรรคไทยรักไทยสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ตนเองไม่เคยมีข่าวต่อรองขอตำแหน่งทางการเมือง จึงคิดว่าเป็นพฤติกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิมเองมากกว่า ที่มักหาเสียงด้วยวิธีใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่ สร้างความขัดแย้งในสังคม

นายสุริยะเสนอให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัวแม่ทัพหาเสียง ไม่เช่นนั้นด้วยวิธีการหาเสียงเช่นนี้ จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีแต่เสื่อมความนิยมลง

ข้อเสนอนี้เองเป็นที่มาคำว่า “เผือก”

“การที่คุณแนะนำให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนหัวหน้าทีมปราศรัยเป็นคนอื่น ผมถือว่าคุณเผือก เพราะไม่ใช่หน้าที่คุณ” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โพสต์สวนกลับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

เผ็ดร้อนพอกัน

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่นายภิรมย์ พลวิเศษ ในการชี้แจงตอบโต้ข้อกล่าวหาต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีพาณิชย์

ว่าแท้ที่จริงแล้ว นายสมศักดิ์จะเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ โดยจองซื้อ ฮ.ไว้แล้ว 2 ลำเพื่อใช้บินตรวจงาน

อย่างไรก็ตาม ต่อมานายภิรมย์อ้างเป็นการพูดเปรียบเปรย ความจริงคือภายใน พปชร.ไม่มีการจองหรือต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแต่อย่างใด

นายภิรมย์ยังตอกลิ่ม สะกิดแผลเก่าระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มีสภาพเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด

“ฝากท่านเฉลิมไปเคลียร์ใจกันก่อนว่ารักกันจริงไหมที่จะเดินไปข้างหน้า อย่าคิดจะเป็นรัฐบาลเลย เอาตรงนี้ให้จบก่อน”

เช่นเดียวกับนายธนกร วังบุญคงชนะ ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากนายอุตตม สาวนายน หัวหน้า พปชร. ให้ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค นอกเหนือจากโฆษกคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง

สวมวิญญาณหมูไม่กลัวน้ำร้อน กล่าวว่า ถึง ร.ต.อ.เฉลิมและนายวัน อยู่บำรุง จะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากกว่านายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้า พปชร.

แต่ก็เป็นชื่อเสียง “ด้านลบ”

“ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมยังไม่หยุดพฤติกรรมอย่างนี้ อีกไม่นานคุณหญิงสุดารัตน์ต้องเสนอให้พรรคเพื่อไทยปลดออกจากทีมปราศรัยแน่นอน จึงขอเตือนด้วยความหวังดี ก่อนสายเกินไป”

ส่งผลให้ ร.ต.อ.เฉลิมโพสต์เฟซบุ๊กกระหน่ำใส่ทันที ว่า เป็นเสมือนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น พยายามไต่เต้า เสี้ยมยุยงให้พรรคเพื่อไทยแตกแยก การให้สัมภาษณ์ก้าวก่ายพรรคเพื่อไทย

ต้องถือว่า “เผือก”

“จะทำอะไรในพรรคพลังประชารัฐก็ทำไป แต่อย่ามายุ่งกับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ทางการเมืองมันคนละชั้น”

วันรุ่งขึ้นนายธนกรออกมาขอจบศึกโต้แย้ง แต่ก็ยังแซะต่อ สิ่งที่ตนเองพูดหวังว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะเข้าใจ ไม่เช่นนั้นคนที่จะเสนอปลด ร.ต.อ.เฉลิม อาจเป็น “นายใหญ่” ก็ได้

ศึกวิวาทะ ร.ต.อ.เฉลิมกับแกนนำ พปชร. หรือกระทั่งระดับรองลงมา เป็นเครื่องย้ำให้เห็นภาพการเป็น “มวยคู่เอก” ระหว่าง พปชร.กับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง

เป็นสถานการณ์น่าจับตา เพราะขนาดยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งออกมายังร้อนปรอทแตก จึงพอเดาออกว่าหากมี พ.ร.ฎ.ออกมาเมื่อใด การปราศรัยหาเสียงเต็มรูปแบบ

จะดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหน