ทราย เจริญปุระ : มาว 500…

ข่าวที่ทั้งฮาทั้งน่าหงุดหงิดสำหรับฉันในรอบสัปดาห์นี้จริงๆ ก็มีหลายข่าว

แต่ที่ชนะไปอย่างขาดลอย คือข่าวการแจกเงินชาวบ้านคนละห้าร้อยบาท (จริงๆ เขามีชื่อโครงการอะไรอยู่แหละ แต่แปลออกมาก็คืออะไรแบบนี้ ฉันให้เงินเธอห้าร้อย จงไปกดมาใช้โดยพลัน)

ซึ่งนอกจากจะไม่มีใครรู้สึกทะแม่งกับการแจกเงินก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงแล้ว

สถาบันที่ควรจะออกมาตำหนิหรือแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับนโยบายแนวนี้เหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง อย่าง TDRI ก็บอกว่าดีจ้ะ, เป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

แหม่ เข้ากันดีจัง

และที่ฮา (ปนขมขื่น) ไปกว่านั้น คือทั่นนายกฯ ก็ออกมากำชับว่า ให้เงินห้าร้อยเนี่ย วางแผนใช้ให้ดี อย่าเอาไปเที่ยวสำมะเลเทเมาซี้ซั้ว ซื้อหวยซื้อเหล้า (เหมือนที่ตัวเองเคยพูดมาก่อนนี้ว่าจะไม่แจกเงินหรอก แจกไปก็เอาไปเมาไปเล่น แต่สุดท้ายก็แจกอยู่ดี)

500 บาทเนี่ยนะ

ฉันไม่ใช่คนดูถูกเงิน และตัวเองก็ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เห็นพ่อแม่ทำงานมาตลอด ใช่ว่าเกิดมาบนกองเงินกองทอง

(หรือใครเขาจะเกิดมาบนกองเงินกองทองจริงๆ มันก็ไม่ใช่ข้อเสียสักหน่อย รวยแต่เกิดก็เข้าใจค่าของเงินได้แบบลูกคนรวยแหละน่า)

แต่เงิน 500 ในยุคสมัยนี้ ไม่น่าจะเอามาพูดว่าให้วางแผนการเงิน หรือทำท่าหน้าใหญ่ใจโต มีบุญคุณกับผู้รับเสียเหลือเกิน

เพราะเอาเข้าจริงก็แทบทำอะไรไม่ได้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน

นอกจากเก็บไว้เป็นขวัญถุงขำๆ ว่าทำงานจ่ายภาษีให้ท่านและคณะใช้ไปเยอะแยะแล้ว เราได้เงินทอนมาตั้งห้าร้อยบาทแน่ะแม่เจ้าโว้ย

น้ำตาจะไหลด้วยความตื้นตัน

เป็นฉันก็จะเอาห้าร้อยนี่ไปเมาเสียให้พอ สาสมกับการที่เกิดเป็นคนโชคดีได้รับเงินทอนแสนพิเศษนี้มา

แถมขนาดว่าจะเมา ยังต้องเลือกเวลาซื้อเหล้าไม่ให้ขัดกับกติกา และมียี่ห้อให้เลือกวนอยู่ไม่กี่อย่าง ตามบริษัทที่เขาผูกขาดการผลิตไว้

ซื้อเหล้าซื้อเบียร์เสร็จแล้ว ก็ขอมาซื้อเลขต่อโชคหน่อยปะไร ตั้งแผงขายกันสลอน ล้วนแต่เกินราคาที่ระบุเอาไว้ทั้งสิ้น ช่างไม่เชื่องเชื่อตามที่ผู้ใหญ่ผู้โตเขาบอกเอาเสียเลย ว่าไม่มีหรอกนะ สลากเกินราคาน่ะ

เมื่อสลากบนดินมันแพงเกินเงินทอนค่าเมา เราก็เอาเศษเงินขวัญถุงนั้นไปซื้อเลขหวยเสียก็แล้วกัน ทีละยี่สิบสามสิบ แล้วก็หวังว่างวดนี้จะเป็นทีของเราบ้าง

เป็นอันครบ จบกระบวนการลงทุนเงินห้าร้อยบาทที่ได้ทอนมาจากรัฐบาล

เงินที่ให้มามันใหญ่ไม่เท่ากันหรอกคุณเอ๋ย

สำหรับคนให้ เขาก็ชูคอเต็มที่ ว่าให้เยอะแยะเพราะเห็นแต่ภาพรวมๆ ว่าเงินหลักแสนล้านเบิกออกมาแจกแบบนี้

แต่พอแตกออกมาเป็นแบงก์ย่อย เขาก็ถือว่ามันยังใหญ่อยู่ดี

ห้าร้อยของกูนี้มีค่าเหลือคณา คนจะลืมตาอ้าปากได้จากเงินจำนวนนี้ อ้ายอีทั้งหลายถ้าบ่นว่าน้อยก็เป็นเพราะพวกมึงนั้นฟุ่มเฟือยและงมงายอยู่ในวิถีอันตกต่ำ ไม่รู้จักบริหารเงินให้มีประโยชน์

ซึ่งมนุษย์ที่ไม่เคยได้ใช้จ่ายอะไรด้วยเงินตัวเองก็มักจะคิดเสียอย่างนี้ ว่านั่นก็แพง นี่ก็เยอะ

โดยไม่ได้นำพาว่าไอ้ที่ตัวใช้ๆ ไปโดยไม่ได้ควักกระเป๋าตัวเองนั่นมันสาหัสคนหาตาดำๆ ขนาดไหน

แล้วไอ้เรื่องเมาเรื่องเล่นในบ้านนี้เมืองนี้ก็ดูอุบาทว์อัปรีย์เหลือแสน

ไม่มีเสียล่ะสิทธิของคนดื่มคนสูบคนเล่น เขายังให้มึงเดินลอยดอกอยู่ในสังคมนี้โดยไม่โดนปาหินใส่หรือโบยจนขาดใจตายก็เป็นบุญคุณเท่าไหร่แล้ว

แต่ปีๆ หนึ่งรณรงค์แกมด่ากันไปแบบนี้ สรรพสามิตก็ออกมาบ่นว่ารายได้ไม่ถึงเป้า ยอดขายเหล้าก็ลดลงจนน่าเป็นห่วง

ทำนองว่ากูด่ามึงแล้ว แต่มึงต้องสำนึกบุญคุณกู รวมถึงอุดหนุนกูเพื่อที่จะเอาเงินบาปนี้ ผลิตสื่อมาด่าทอพวกมึงต่อไปจนธรณีสูบตายกันไปข้างหนึ่ง

ทั้งที่ความบันเทิงอื่น ความหย่อนใจอื่นก็ไม่มีให้เลือก

จะเดินทางไปพักผ่อนปิกนิกก็แสนยากถ้าไม่มีรถใช้เอง เหล้า เมา และเล่นเป็นความสุขราคาถูกที่สุดแล้วที่ผู้คนจะเข้าถึงได้

ฉันไม่ได้บอกว่าเหล้ายาบุหรี่การพนันคือวิธีที่ดีและถูกต้องของชีวิต มนุษย์ควรมีทางเลือกมากกว่านี้ เข้าถึงง่ายกว่านี้ และมีศักดิ์ศรีความเป็นคนมากกว่านี้ ไม่ใช่แจกมาห้าร้อยแล้วบอกให้ไปทำชีวิตให้ดีขึ้น โดยไม่ได้ดูเลยว่ามีอะไรให้เขาได้เลือกบ้าง แถมพอเขาเลือกเอาไปใช้สักทางก็มาหยามเหยียดต่อเสียอีก

ว่ามันก็ได้แค่นี้ ถึงได้จนดักดานอยู่อย่างนี้

เราดื่มสังสรรค์เมื่อสิ้นสุดวันทำงาน เราดื่มเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ เราดื่มเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา เราดื่มเพื่อปลอบประโลมใจจากความทุกข์*

นักดื่มทุกคนรู้ดีว่ามีโทษภัยอะไรที่แฝงมากับเหล้า ตั้งแต่จากตัวน้ำในขวดนั่นตรงๆ ไปจนถึงฤทธานุภาพของมันที่อาจจะดลให้ไอ้จืดสุดน่าเบื่อ กลายเป็นนักเลงโตไล่คว่ำโต๊ะหรือถีบชาวบ้าน

ดลบันดาลให้สาวสวยที่สุดแปรสภาพเป็นอีขี้เรื้อนชนิดเพื่อนต้องหามไปลูบหลังลูบไหล่ ไล่ทั้งอ้วกและน้ำตาที่ค้างในใจให้หมดไป

ก็นั่นล่ะ, เหล้า

มันอยู่ของมันมาอย่างนั้นตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะผู้คนทุกยุคต่างก็รู้ดี ว่าแม้เราจะวิวัฒนาการได้ไกลกว่าเพื่อนร่วมโลก แต่การรับมือกับความทุกข์ก็ยังไม่ใช่จุดแข็งของสัตว์มนุษย์ เราต้องการตัวช่วย เราต้องการตัวเชื่อ เราต้องการตัวประสาน

ก็นั่นล่ะ, เหล้า

เหตุนี้จึงควรค่าที่จะยกคำกล่าวของวิลเลียม เจมส์ มาอ้างอิงไว้ตรงนี้

“…ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อำนาจเหนือมนุษยชาติของแอลกอฮอล์นั้น มาจากพลังของมันที่กระตุ้นความสามารถอันลี้ลับของธรรมชาติมนุษย์ ซึ่งมักถูกทำลายย่อยยับด้วยข้อเท็จจริงอันเย็นชา และคำวิจารณ์ที่แสนแห้งแล้งยามไม่เมา ความไม่เมาลดทอน เลือกปฏิบัติ และปฏิเสธ แต่ความเมาแผ่ขยาย หลอมรวม และตอบรับ แท้จริงแล้วสิ่งนี้เองคือตัวกระตุ้นชั้นดีที่ส่งผลให้มนุษย์-ตอบรับ-สิ่งต่างๆ ความเมานำทางผู้เทิดทูนบูชาเคลื่อนผ่านจากพื้นที่ชายขอบอันหนาวเหน็บของสรรพสิ่งไปสู่ใจกลางอันสว่างไสว มันทำให้บุคคลผู้นั้นอยู่กับความจริง ณ ขณะนั้น มนุษย์แสวงหาความเมาใช่เพียงเพราะอยากประพฤตินอกลู่นอกทาง

สำหรับคนยากไร้และไม่รู้หนังสือ ความเมาก้าวเข้ามาทดแทนงานแสดงดนตรีซิมโฟนีและงานวรรณกรรม มันเป็นส่วนหนึ่งของปริศนาและโศกนาฏกรรมอันลึกซึ้งของชีวิต…”*

ชนแก้วกันเถอะ

เพื่อห้าร้อยบาทอันสูงส่ง

“เมา-ประวัติศาสตร์แห่งการร่ำสุรา” (A Short History Of Drunkenness) เขียนโดย Mark Forsyth แปลโดย ลลิตา ผลผลา ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์ bookscape, ตุลาคม 2561

*ข้อความจากในหนังสือ