กาละแมร์ พัชรศรี : อินเดีย 14 วัน ฉันต้องรอด

การเดินทางแต่ละครั้งให้ความหมายกับชีวิตเสมอค่ะ

ระยะหลังนี้ เดินทางแต่ญี่ปุ่น อินเดีย พม่า สังเกตได้ว่าเป็นประเทศที่มีพุทธศาสนายาวนานทั้งสิ้น

พอสนใจเรื่องธรรมะ ชีวิตมันก็จะน้อมนำไปในทางนั้น ยิ่งได้ฟังพุทธประวัติ เราก็อยากไปเห็นสถานที่จริง ให้เราได้มีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไป

ไม่ใช่แค่ทางธรรม แต่เป็นในทางโลกด้วย เพราะมีหลายครั้งที่ต้องใช้พลังมากเหลือเกินเวลาทำกิจการงานใหญ่ใดๆ

แต่เมื่อเราได้มองไปยังสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงเสียสละเพื่อพวกเรา และต้องใช้ทั้งวิริยะ ขันติ ความเพียรพยายามขนาดไหน สิ่งที่เราเจอในชีวิตนั้นน้อยนัก

ดังนั้น จงอย่าอ่อนแรง ท้อถอย หรือเบื่อหน่ายไปเสียก่อน

 

สิ่งที่ตั้งใจไว้ในชีวิตคือการไปยัง 4 สังเวชนียสถาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในทางพระพุทธศาสนา นั่นคือ สถานที่เกิด ตรัสรู้ เผยแผ่ และปรินิพพาน

ซึ่งฉันไปมาแล้ว 2 ที่ นั่นก็คือ ที่ตรัสรู้ และเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก

แต่ถ้าคนเคยเดินทางไปที่อินเดียจะรู้ว่า การไปให้ครบทั้ง 4 ที่ ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ในที่สุดก็บุญพาวาสนาส่ง ฉันได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเอ่ยปากชวนฉันไปร่วมคณะบวชพระ 95 รูปในโครงการ วปก.20 หรือวิทยาลัยป้องกันกิเลส รุ่นที่ 20 ซึ่งจะเดินทางไปทั้ง 4 สังเวชนียสถานเลยทีเดียว

โอกาสดีๆ ในชีวิตเมื่อมาถึงแล้ว เราต้องพร้อมที่จะรับไว้ การเดินทางใช้เวลา 14 วัน ฉันจึงต้องเคลียร์คิวอัดรายการ และวางแผนสำหรับงานอื่นๆ โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ยังไงฉันก็ต้องได้มา

แล้วฉันก็ได้มาจริงๆ ค่ะ แบบสบายๆ ง่ายๆ ทุกอย่างเปิดทางโล่ง

ฉันไม่ได้คาดหวังว่าการเดินทางจากบ้านมา 2 อาทิตย์มาสู่ดินแดนพุทธภูมิจะเป็นอย่างไร ฉันจะได้อะไรกลับไป ฉันไม่ได้คิดไว้

แม้แต่เพื่อนที่เคยร่วมคณะมาก่อนจะลากลับไปทำงานระหว่างกลาง และเหลือฉันไว้ลำพัง ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

สำหรับฉันแล้ว อะไรก็ได้ ฉันพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ และนี่คือสิ่งที่ฉันไม่เคยทำอย่างแน่นอน

ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า ฉันจะพบกับอะไรบ้าง คนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำ ฉันอยากเรียนรู้จากตรงนั้น

ความมหัศจรรย์เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ก้าวย่างสู่อินเดีย

ฉันได้ไปสักการะจุดที่พระนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสแด่พระพุทธเจ้า ซึ่งตัดสินใจเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาและจะเสวยอาหารแล้ว พระนางสุชาดาก็ได้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระพุทธองค์ (ซึ่งคิดว่าเป็นเทวดา เพราะก่อนหน้านี้ขอเทวดาไว้ว่า อยากได้สามีที่ดี ลูกชายที่ดี ก็สมหวัง จึงนำอาหารใส่ถาดทองไปถวาย แต่พบพระพุทธเจ้า เห็นรัศมีและคิดว่าเป็นเทวดา)

ซึ่งการถวายข้าวนี้นำมาซึ่งการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ในเวลาต่อมา

ฉันมีความตั้งใจเสมอว่า อยากจะทำอะไรเพื่อพระพุทธองค์บ้าง นอกเหนือจากเราจะตั้งใจเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีแล้ว ทำทาน รักษาศีล หมั่นภาวนา เราอยากทำแบบพระนางสุชาดาบ้างจัง

ซึ่งในวันที่ไปนั่งตรงจุดนั้นก็ยังอธิษฐานแบบเดิม

 

ในวันรุ่งขึ้น ฉันและเพื่อนๆ ไปที่เจดีย์พุทธคยา และได้พบกับคนสำคัญของที่นั่น ทำให้เรามีโอกาสได้รู้ว่าทุกวันมีการปรุงข้าวมธุปายาสและถวายแด่องค์พระพุทธเมตตา ซึ่งสถานที่ประดิษฐานนั้นคือบริเวณที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ จึงได้สร้างเจดีย์พุทธคยาครอบไว้ และมีพระพุทธเมตตาเป็นองค์ประธานอยู่ตรงนั้น

ฉันเห็นวัตถุดิบที่ใส่ลงในข้าวมธุปายาสแล้วตกใจ เพราะคล้ายกับ Powerballs by Kalamare ที่ฉันคิดสูตรขึ้นมา แล้วทำมันขายมาตลอด 1 ปี คล้ายแบบ 90% เลยทีเดียว วิธีการก็คล้ายๆ กัน เพียงแต่ต่างกันตรงเครื่องมือที่ใช้ให้ทันสมัยตามยุคเท่านั้น

แล้วฉันและเพื่อนก็ได้มีโอกาสอัญเชิญข้าวมธุปายาสไปถวายองค์พระพุทธเมตตาด้วยตัวเอง ความซาบซึ้งปีติในหัวใจจนขนลุกไปทั่วร่าง

ไม่มีอะไรบังเอิญใช่ไหม

 

เช้าอีกวัน เราไปที่เจดีย์พุทธคยาเช้ามากกกกกกก ตีสี่กว่าๆ จึงได้มีโอกาสไขกุญแจเปิดประตูที่เจดีย์ อีกทั้งยังได้ทำบุญใส่บาตรทองคำที่ตั้งไว้ตรงหน้าองค์พระพุทธเมตตาอีกด้วย

ถ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันคิดไว้คุณจะเชื่อไหม ครั้งหนึ่งในชีวิตเราอยากใส่บาตรพระพุทธเจ้าสักครั้ง…

ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลที่ทำให้สิ่งที่ฉันคิดอธิษฐานเป็นจริง

ตลอดการอยู่ในดินแดนพุทธภูมิ ฉันจะตั้งใจทำสิ่งที่เป็นกิจวัตรหน้าที่ให้ดีที่สุด ด้วยความเพียร ด้วยวินัย ด้วยใจที่เบิกบาน และมีสติอยู่เสมอ

และกลับไปฉันจะเป็นพุทธศาสนิกชนให้ดีที่สุด แบ่งเบางานพระพุทธองค์ สืบทอดศาสนาด้วยความรักและซาบซึ้งหมดหัวใจค่ะ

อนุโมทนาบุญกับผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ ทริปนี้เพิ่งเริ่ม รออ่านตอนต่อไปสัปดาห์หน้าค่ะ