หนุ่มเมืองจันท์ : คิดแบบ “กลมกลืน”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อนเพจของ “หนุ่ย” พงษ์สุข เขียนเรื่องคอนเสิร์ต “Sounds Of Earth by John”

“จอห์น” คือ “นรศักดิ์ รัตนเวโรจน์”

หรือ “จอห์น นูโว”

ไอเดียของเขาน่ารักมากครับ

เป็นคอนเสิร์ตที่จัดบนชายหาด ริมทะเลสวนสนประดิพัทธ์ ที่ประจวบคีรีขันธ์

ฟังดูเหมือนคอนเสิร์ตทั่วไปที่อิงแอบกับธรรมชาติที่งดงาม

แต่คอนเสิร์ตนี้แปลกกว่าคอนเสิร์ตอื่น

มีนักดนตรี นักร้อง

แต่ไม่มีลำโพงกลางแจ้งที่ส่งเสียงกระหึ่มดังสนั่นเหมือนคอนเสิร์ตทั่วไป

เพราะคนดูทุกคนจะใส่หูฟังครับ

เสียงเพลงจากดนตรีสดจะได้ยินผ่านหูฟังเท่านั้น

เป็นคอนเสิร์ตได้บรรยากาศการแสดงสดเหมือนเดิม

แต่ไม่รบกวนธรรมชาติ

ผมชอบไอเดียนี้มาก

หลายครั้งที่เห็นการจัดคอนเสิร์ตแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นริมทะเลหรือภูเขา

เสียงเพลงจะดังกระหึ่มมาก

เพราะพื้นที่ที่เปิดกว้าง จะต้องใช้เครื่องเสียงดังกว่าในพื้นที่ปิดแบบอิมแพ็ค หรือฮอลล์ทั่วไป

คนที่ตั้งใจมาคงสนุกและมีความสุขกับเสียงเพลง

แต่คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นคงไม่สนุกด้วย

“เสียง” แบบเดียวกัน

แต่คน 2 กลุ่มรู้สึกไม่เหมือนกัน

ยิ่งถ้าไม่ใช่ “คน”

แต่เป็น “สัตว์ป่า”

เจอเสียงดังสนั่นขนาดนั้นคงตกใจ

คงสงสัยว่าทำไมฟ้าผ่าทั้งคืนเลย

วิธีคิดรูปแบบคอนเสิร์ตนี้ถือว่า “ครีเอทีฟ” มากครับ

ผมนึกถึงเพลงแห่ง “ความเงียบ” ของ “จอห์น เคจ”

ชื่อเพลงว่า 4″33

หรือ 4 นาที 33 วินาที ตามความยาวของเพลง

บรรเลงด้วยเปียโนตัวเดียวครั้งแรกที่ “วู้ดสต๊อก นิวยอร์ก” เมื่อปี 1952

เพลงนี้แบ่งเป็น 3 องก์

ช่วงแรก 30 วินาที

ช่วงที่สอง 2 นาที 23 วินาที

ช่วงที่สาม 1 นาที 40 วินาที

เพลงนี้มีโน้ตตัวเดียว

คือ “ตัวหยุด” ครับ

เป็นเพลงที่ไม่มีเสียง

นักเปียโนทำทีเหมือนจะเล่น แต่ไม่เล่น

วางมือไว้บนคีย์บอร์ดนิ่งๆ

แค่นั้นเอง

“เคจ” ตั้งใจแต่งเพลงนี้ขึ้นมา เพราะเขาเชื่อว่าชาวนิวยอร์กไม่เคยฟัง “ความเงียบ”

เมืองที่วุ่นวายเช่นนี้ยากที่จะหา “ความสงบ”

เขาอยากให้ชาวนิวยอร์กได้เจอ “ความเงียบ” บ้าง

เพียงแค่ “คิดสวนทาง”

คอนเสิร์ตนี้ก็มีเสน่ห์ขึ้นทันที

หรือคอนเสิร์ต LOVE IS HEAR ที่ผมเคยเขียนถึงนานแล้ว

เป็นคอนเสิร์ตที่ประทับใจมาก

นอกจากเป้าหมายที่หาเงินให้กับมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์แล้ว

ในคอนเสิร์ตนี้เขาเชิญกลุ่มเด็กที่บกพร่องทางการได้ยินมาร่วมฟังคอนเสิร์ตนี้ด้วย

ตอนแรกผมก็งงว่าเขาจะได้ยินเพลงได้อย่างไร

“เสียงเพลง” ถ้าเราไม่ได้ยินแล้วจะมีความรู้สึกร่วมได้อย่างไร

เพิ่งรู้ว่าคนที่บกพร่องทางการได้ยินสัมผัสเสียงดนตรีผ่านการสั่นสะเทือนครับ

ถ้าดนตรีมีทั้ง Melody และ rhythm

คนปกติจะได้ยินทั้ง Melody และ rhythm

แต่คนบกพร่องทางการได้ยินจะรับรู้ได้เฉพาะ rhythm อย่างเดียว

จะตบมือ โยกตัวตามเสียงเพลงได้

ที่น่าสนใจก็คือ ถ้าคนกลุ่มนี้เขาเห็นคนหูดีทั้งหลายสนุกกับเสียงเพลง

เขาจะสนุกยิ่งขึ้น

บรรยากาศคอนเสิร์ตนี้น่าประทับใจมาก

น่ารักที่สุดคือ ตอนที่ “บอย ตรัย” ร้องเพลง “พื้นที่เล็กๆ”

พร้อมกับทำ “ภาษามือ” ประกอบ

เป็นช่วงที่เด็กๆ กลุ่มนี้ที่เคยได้ยินแต่ rhythm

ได้รับรู้ถึง Melody ของเพลงนี้ด้วย

นอกจากนั้นยังมีการนำลูกโป่งรูปหัวใจผูกไว้ทุกที่นั่งเพื่อให้คนดูได้สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนของลูกโป่ง

ให้รู้ถึงความรู้สึกของคนที่บกพร่องทางการได้ยินว่าเพลงที่เขาได้ยินนั้นเป็นอย่างไร

คนที่จัดคอนเสิร์ตนี้นอกจาก “คิดสวนทาง” แล้ว

เขายังดึงคนดูให้เข้าไปอยู่ในความรู้สึกของคนที่บกพร่องทางการได้ยินด้วย

เหมือนให้เปลี่ยนไปใส่รองเท้าของเขา

คอนเสิร์ต “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ ก็เคยใช้วิธีนี้มาก่อน

ตอนบรรเลงเพลง “ต้นชบากับคนตาบอด”

เขาปิดไฟมืดหมด

ให้คนดูเหมือนเป็นคนพิการทางสายตา

มองไม่เห็น

ได้ยินแต่เสียง

พอเพลงบรรเลงมาถึงช่วงหนึ่ง เขาก็เปิดไฟให้เห็นนักร้อง

…”น้องตั๊ก” อธิศรี สงเคราะห์ ครับ

นักร้องที่พิการทางสายตา

เธอร้องเพลงเพราะมาก

ครับ คนที่ร้องเพลงนี้ได้อย่างเข้าถึงเนื้อเพลงมากที่สุด ก็คือ คนใน “เนื้อเพลง”

…บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น

แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม

อาจจะรับรู้ไปตาม

สูดกลิ่นงามฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา

ต่างก็เพียงผู้จะชม

สิ่งจะชมสำคัญในมันนั่นคืออันใด

เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ

ต้นชบาก็มีความหมายไปตามคนมอง

ในมุมของความคิดสร้างสรรค์ คอนเสิร์ต “Sounds Of Earth by John” ถือว่าประสบความสำเร็จ

แปลกและแตกต่าง

แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือ “วิธีคิด” ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

เราไปภูเขาเพราะอะไร

เพราะอยากได้ยินเสียงลมพัดผ่านใบไม้

หรือฟังเสียงนกร้อง

ไม่ใช่หรือ

เราไปทะเลเพราะอะไร

เพราะอยากได้ยินเสียงคลื่น

ไม่ใช่หรือ

เสียงที่ไพเราะที่สุดน่าจะเป็นเสียงของธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง

ถ้าอยากได้ฟังเพลงหรือดูคอนเสิร์ตในบรรยากาศของภูเขาหรือทะเล

เราก็ควรรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด

อย่ารบกวนคนที่ต้องการฟังเสียงธรรมชาติมากเกินไป

มีเครื่องเสียงดังพอประมาณเฉพาะคนอยู่หน้าเวทีก็พอ

ใครอยู่ด้านหลังก็ใส่หูฟัง

เพลงกระหึ่มในหูเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ

แต่ช่วงไหนที่อยากฟังเสียงธรรมชาติก็ดึงหูฟังออก

นึกแล้วน่าสนุก

บางครั้งแค่คิด

เพลงในคอนเสิร์ตนี้ก็ไพเราะแล้ว

ก่อนที่เราจะได้ยินเสียงเพลงอีก