มาดามหลูหลี / OMOTENASHI おもてなし : จิตวิญญาณการบริการ

Omotenashi หรือ โอโมเตะนาชิ เป็นคำฮิตที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามสร้างขึ้น เพื่อแสดงถึงวัฒนธรรมการต้อนรับสไตล์ญี่ปุ่น

“โอโมเตะนาชิ” เป็นคำขวัญที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นได้รับเลือกเป็นตัวแทนผู้จัดกีฬาโอลิมปิกปี 2020 อันหมายถึงจิตวิญญาณของความเอื้ออาทร สู่การบริการโดยอัตโนมัติ

นักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่น ย่อมรู้ซึ้งถึงการให้บริการของชาวญี่ปุ่นดี เช่น เมื่อลูกค้าเดินเข้าร้าน พนักงานทุกคนในร้านจะพูดต้อนรับว่า “อิรัชชัยมาเสะ” และเมื่อลูกค้าออกจากร้านจะพูดพร้อมกันว่า “อาริกาโต้ โกไซมัส”

รวมทั้งการซื้อสินค้าในร้านค้า วิธีนับเงินทอนเงินให้ลูกค้า หรือการห่อสินค้าแยกชิ้นใส่ถุงเฉพาะ อย่างสวยงาม

ธรรมชาติของคนญี่ปุ่นที่เราสามารถสัมผัสได้คือ ความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ เราจะเห็นได้จากการสร้างสิ่งต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ที่ตอบสนองความต้องการของเรา ล้วนผ่านการคิดคำนึงไปแทบทุกอย่าง ในเรื่องของอาหารการกิน มักจะมีแพ็กเกจที่กินง่าย สะดวก และสวยงาม

หรือถ้าเป็นเรื่องของมารยาทที่เราจะเห็นได้ชัดเจนมาก ตั้งแต่การเข้าแถว กับข้าวของใช้ในชีวิตประจำวัน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลาย

 

Omotenashi หนังญี่ปุ่นที่นำเสนอเรื่องราว เพื่อบอกถึงความหมายของคำว่า “โอโมเตะนาชิ” ว่ามีความสำคัญต่อการให้บริการเพื่อความประทับใจ

แจ๊กกี้ (Jacky/Wong Po-Chieh พระเอกจากไต้หวัน) ลูกครึ่งญี่ปุ่นกลับมาเกียวโต เพื่อจัดการดูแลโรงแรม หรือเรียวกังให้อยู่รอดจากภาวะขาดทุน โรงแรมที่ตัวเองเป็นทายาท

ริกะ (Rena Tanaka) ไปรับแจ๊กกี้ เป็นคนแปลและอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้แจ๊กกี้ฟัง ริกะเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งคล่องตัว และพูดได้หลายภาษา คือ ภาษาญี่ปุ่น, จีนแมนดาริน และภาษาอังกฤษ

ริกะเป็นลูกสาวของมิฟูโกะ (Kimiko Yo นักแสดงมืออาชีพ คล้ายๆ พิสมัย วิไลศักดิ์ แสดงตั้งแต่บทนางเอกจนเป็นแม่) ซึ่งมิฟูโกะเป็นคนดูแลโรงแรมให้ชาลี (ฮี หยาง นักแสดงไต้หวัน) พ่อของแจ๊กกี้ และทั้งคู่ต่างอาจเคยเป็นคนรักเก่าของกันและกัน

แจ๊กกี้ไม่คิดว่าจะยอมรับสภาพการขาดทุนไปอีกนานแค่ไหน อีกทั้งเรียวกังควรมีการปรับปรุง ซึ่งต้องใช้เงินมากเช่นกัน เรียวกังอยู่ริมทะเลสาบมิวะแห่งเกียวโตอันสวยงาม ภาพบรรยากาศโดยรวมงดงามมาก

แจ๊กกี้ยื่นข้อเสนอให้นาโอโกะ (มินะ ฟูจิอิ) อดีตคนรักเก่าที่เขาหวังหวนคืน แต่เป็นไปไม่ได้ เขาจึงเสนอให้นาโอโกะมาจัดงานแต่งงานที่นี่ เพื่อโปรโมตเรียวกัง

มิฟูโกะแนะนำอาจารย์คิมูระ (ทาอิ คิมูระ) อาจารย์สอนวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ทุกคนได้เรียนรู้และให้เข้าใจคำว่า “Omotenashi” อย่างถ่องแท้ ไม่ใช่รู้แค่ผิวเผิน ซึ่งอาจารย์คิมูระอธิบายความหมายคือ รูปแบบ (From), จิตวิญญาณ (Spirit) และวิถี (The Way)

และแนะนำให้ไปพบอาจารย์ชิมิซุ เจ้าของเรียวกังเก่าแก่ย่านกิออน (ถนนโบราณแหล่งท่องเที่ยว) เพื่อเรียนรู้โดยตรงจากผู้มีประสบการณ์จริง

เมื่อแจ๊กกี้, ริกะ และโบห่าว (เฉิน เหยา เหยา) เดินออกจากเรียวกังของอาจารย์ชิมิซุ ไปตามถนนย่านกิออน หิมะแรกของฤดูหนาวได้ตกโปรยปราย คนทั้งสามในชุดกิโมโนบนถนนเก่าคลาสสิคกับละอองหิมะ ให้ภาพที่งดงามมาก เหมือนหนังโปรโมตเมืองเกียวโต

ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่รับไม้ต่อมา ต้องเรียนรู้จัดการเพื่อให้เรียวกังอยู่ต่อไป

 

หนังเล่าเรื่องราวการทำงานเพื่อสืบทอดธุรกิจกับความรักของคนรุ่นเก่า ที่มีความรักอันลึกซึ้งแม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน กับคนรุ่นใหม่ที่มีความรักอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวล ความรักที่ให้ความสุขใจ ขณะเดียวกันก็ให้ความทุกข์ใจด้วย

Omotenashi หรือ The Ceremony เขียนบทโดยมามิ ซูนาดะ ชาวญี่ปุ่นซึ่งเคยทำงานกับมิยาซากิ สตูดิโอจิบลิ ได้ร่วมงานกับเจย์ เฉิน (Jay Chern) ผู้กำกับฯ ชาวไต้หวัน ผู้ผันตัวจากโปรแกรมเมอร์ มาทำภาพยนตร์ เคยได้รับรางวัลหนังสั้น (Best short film) จาก Taiwan”s Golden Horse Film Festival

เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างชาวญี่ปุ่นกับชาวไต้หวัน ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารทางภาษา แต่เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าใจคำว่า “Omotenashi” อันมีความความแตกต่างทั้งด้านวัฒนธรรม, ภาษา และช่องว่างระหว่างวัย

วิถีของโลกนั้นต้องหลากหลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นการทำงานร่วมกันของชาวญี่ปุ่นกับชาวไต้หวัน ซึ่งใช้ถึง 3 ภาษา คือ ญี่ปุ่น, จีน และอังกฤษ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้เป็นพันธมิตรกัน แหล่งท่องเที่ยวในไต้หวันจึงมีรูปแบบที่คล้ายๆ ญี่ปุ่นหลายแห่ง เช่น ออนเซนต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรืออะไรก็ตาม ทุกสิ่งอย่างต้องทำด้วยจิตวิญญาณ อย่างตั้งใจ ใช่ว่าสักแต่ทำให้ผ่านๆ ไป

จิตวิญญาณแห่ง “โอโมเตะนาชิ” ถูกผสมผสานอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และเป็นสิ่งที่สามารถรู้สึกและสัมผัสได้ในทุกหนทุกแห่ง แน่นอนว่า เอกลักษณ์อันโดดเด่นของการต้อนรับในแบบญี่ปุ่นนี้ จะเป็นความประทับใจ อยู่ในใจของผู้ที่ได้สัมผัสอย่างไม่มีวันลืม!