ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ชกคาดเชือก |
ผู้เขียน | วงค์ ตาวัน |
เผยแพร่ |
มีสกู๊ปข่าวที่ผู้คนอ่านกันมากด้วยความสนใจและด้วยความสะเทือนใจ เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีเป็นผู้นำเสนอ โดยความร่วมมือกับเว็บไซต์ข่าวสด เป็นรายงานข่าวเรื่องราวของหญิงปริศนาที่เสียชีวิตในป่าเขาที่อังกฤษ โดยผลการตรวจพิสูจน์เชื่อว่าเป็นหญิงชาวเอเชีย หรืออาจจะเป็นคนไทยก็ได้
เหตุการณ์นี้ยืดเยื้อมากว่า 14 ปีแล้ว ยังไขปริศนาไม่ออก แต่ตำรวจไม่เคยลดละหรือทิ้งคดี
หญิงเคราะห์ร้ายรายนี้มีผู้พบศพถูกทิ้งไว้ที่อุทยานแห่งชาติยอร์กเชียร์เดลส์ในอังกฤษ
กลุ่มนักปีนเขาและเดินป่าเป็นผู้พบเห็นร่างเปลือยครึ่งท่อนของหญิงคนหนึ่งในลำธารขดอยู่หลังโขดหิน
“แม้ว่าจะมีการสอบสวนอย่างละเอียด แต่ตำรวจยอร์กเชียร์เหนือไม่ได้คำตอบว่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร เสียชีวิตได้อย่างไร!?”
จากการตรวจร่างกายพบว่า มีความสูง 149 ซ.ม. น้ำหนัก 63 ก.ก. อายุประมาณ 25-35 ปี ผมประบ่าสีน้ำตาลเข้ม สภาพศพพบสวมถุงเท้า กางเกงยีนส์มาร์กแอนด์สเปนเซอร์สีเขียว
เชื่อว่าน่าจะเป็นคนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะมาจากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย
แต่ไม่เคยมีใครติดต่อตำรวจเพื่อมาดูตัวหรือมาระบุตัวตน
“ทำให้สันนิษฐานได้ว่า น่าจะเป็นการฆาตกรรมแล้วเอาศพมาโยนทิ้งไว้ในป่า ไม่ใช่การพลัดหลงหรือหายตัวไปธรรมดา ถ้าเป็นกรณีหลังจะต้องมีคนรู้จักหรือญาติออกตามหาหรือติดต่อตำรวจ”
ตอนที่พบศพนั้น แพทย์ตรวจแล้วคาดว่าเสียชีวิตมาก่อน 1-3 สัปดาห์ แต่ระบุสาเหตุการตายไม่ได้ เนื่องจากไม่มีร่องรอยบาดแผล ถูกยิง หรือถูกตี
อวัยวะในร่างกายก็เน่าเปื่อย จนไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรือไม่ เช่น หัวใจวายหรือเส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลัน
ไม่มีข้อมูลเชื่อมโยงกับแฟ้มบุคคลสูญหาย ไม่มีข้อมูลจากสถานทูตประเทศต่างๆ
“แต่ตำรวจก็ยังทำคดีต่อเนื่องมาตลอด ต่อมามีแนวทางว่าอาจจะเป็นหญิงสาวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แต่งงานหรืออยู่กินกับชาวยุโรปแล้วมาอาศัยอยู่ในอังกฤษ ในช่วงทศวรรษ 1990 หรือต้นทศวรรษ 2000”
ตำรวจพุ่งเป้าว่า ผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในชนบททางตอนเหนือของแลงคาเชียร์หรือทางตอนใต้ของคัมเบรีย และถูกฆาตกรรมโดยสามีหรือชายคนรัก โดยบริเวณลำธารที่พบศพ ห่างจากถนนหลักเป็นระยะทาง 1 ไมล์ เมืองที่ใกล้ที่สุดคือเซ็ตเทิล แต่ก็ห่างไปหลายไมล์
ตำรวจศึกษาจากคดีฆาตกรรมอื่นๆ พบว่า ฆาตกรส่วนใหญ่ขับรถเป็นระยะทาง 80-130 ก.ม.จากจุดเกิดเหตุมาทิ้งศพ และมักอุ้มศพไปซ่อนอำพรางไม่เกิน 50 เมตรจากรถยนต์
จุดที่ทิ้งศพหญิงรายนี้เป็นเส้นทางที่ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนร้ายน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเขตชนบท
ตอนที่พบนั้นเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว คนร้ายคงทิ้งร่างไว้ในที่ลับตา แต่ปริมาณน้ำฝนที่สูงมากอาจทำให้ศพเคลื่อนย้ายได้
เบาะแสสำคัญคือ แหวนทองที่นิ้วนางข้างซ้าย จากส่วนผสมทองคำที่สูง ทำให้ตำรวจมุ่งไปที่กรุงเทพฯ
ด้วยความที่ตำรวจยังคงทำคดีต่อไปเรื่อยๆ ไม่ลดละ ผ่านมาอีกหลายปี เริ่มมีความก้าวหน้าทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้น มีการวิเคราะห์ไอโซไทป์ ซึ่งเป็นการตรวจวัดระดับคาร์บอน ออกซิเจน ไฮโดรเจน และไนโตรเจนในดินหรือน้ำดื่ม ที่อยู่ในชิ้นตัวอย่างเส้นผม ฟัน หรือกระดูก เพื่อหาถิ่นที่อยู่ของผู้ตายในระยะสองปีสุดท้ายของชีวิต
จากการทดสอบเส้นผมได้ค้นพบไอโซโทปที่ตรงกับบางพื้นที่ในสหราชอาณาจักร รวมถึงตอนใต้ของคัมเบรีย และตอนเหนือของแลงคาเชียร์
“ขณะนี้ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังคงร่วมกันไขคดีนี้ต่อไป ด้วยความเชื่อที่ว่าไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทร แต่เราลดขนาดมหาสมุทรให้เล็กลงมาอยู่ในขนาดที่เราจัดการได้”
อีกด้านหนึ่ง สำหรับชุมชนที่อยู่ใกล้ที่พบศพ ชาวบ้านต่างเศร้าสลดใจกับชะตากรรมของหญิงสาวรายนี้ ซึ่งพบว่าเดินทางมาแสนไกล แต่ต้องมาตายอย่างโดดเดี่ยว เป็นศพไร้ญาติ
คนในหมู่บ้านฮอร์ตันอินริบเบิลส์เดลบอกว่า ทุกคนรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ตาย และร่วมกันดูแลศพของหญิงรายนี้ เพื่อที่ว่าหากวันใดวันหนึ่งมีญาติมาติดตามหา จะได้รู้ว่าร่างของเธออยู่ที่นี่
มีการจัดงานฝังศพให้ โดยชาวบ้านมาร่วมในพิธีฝังเธอไว้ที่สุสานของหมู่บ้าน พร้อมกับขนานนามหญิงรายนี้ว่าสตรีแห่งขุนเขา โดยจารึกชื่อนี้เอาไว้ที่ป้ายหลุมศพ
“พร้อมกับมีบทกวีที่เขียนเพื่อไว้อาลัยหญิงสาวจากเอเชียตะวันออกนี้ด้วย”
สกู๊ปข่าวนี้สำนักข่าวบีบีซีนำเสนอและเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวสด สร้างความสนใจให้กับผู้อ่านในไทยจำนวนมาก หลายคนอ่านแล้วเศร้าสะเทือนใจ พร้อมๆ กับปลื้มปีติในอารมณ์ความรู้สึกของชาวชุมชนที่ไม่ทอดทิ้งหญิงสาวรายนี้ให้กลายเป็นศพไร้ญาติที่เดียวดาย
รวมไปถึงทึ่งในการทุ่มเททำงานอย่างมากด้วยความรับผิดชอบของตำรวจอังกฤษในท้องที่ดังกล่าว รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์
แล้วนึกต่อมาว่า ถ้าเปลี่ยนมาเกิดเหตุในบางประเทศดินแดนที่มีคนต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัยและทำมาหากินมากมาย
หากมีการพบศพชาวต่างชาติที่ตายแบบไร้ญาติ ป่านนี้คดีก็คงปิดและทิ้งไปนานแล้ว!?
ความรู้สึกรับผิดชอบและตระหนักในความเป็นเพื่อนมนุษย์ น่าจะเป็นบทสรุปสำคัญสุดที่ทำให้ตำรวจและผู้ทำงานสืบสวนคดีนี้ยังคงคลำหาความจริงต่อไปไม่หยุดหย่อน รวมไปถึงการทำหน้าที่บนสำนึกความเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนในชุมชนดังกล่าว
คนจำนวนไม่น้อยอ่านสกู๊ปข่าวนี้แล้วนึกถึงเหตุการณ์ในประเทศไทยเรา
โดยเห็นว่า ชาวกลุ่มนี้และเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ในอังกฤษ แค่ศพชาวต่างชาติศพเดียวก็ยังให้ความสำคัญอย่างมาก
“สำนึกแบบนี้ขาดหายไปหรือไม่ในสังคมไทยเรา!?!”
ถ้าเทียบกับเหตุการณ์คนถูกยิงตายใจกลางเมืองหลวงถึง 99 ศพ
ทุกศพมีชื่อเสียงเรียงนาม ที่มีถิ่นที่อยู่ มีญาติพี่น้อง และเหตุการณ์ก็เกิดท่ามกลางพยานหลักฐานและร่องรอยมากมาย
“ไม่ใช่การพบศพถูกทิ้งในป่าลึกในเขตชนบทแต่อย่างใด”
ผ่านมา 8 ปี มีแต่พยายามจะลบล้างคดี มีแต่จะทำให้สำนวนคดีปิดฉากลงโดยไม่มีการพิสูจน์ความจริง
ตอนฆ่ากันเลือดนองเมือง ก็โทษชายชุดดำ โทษว่าพวกม็อบฆ่ากันเอง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมฝ่ายรัฐจึงไม่ทุ่มเทพิสูจน์ความจริงของคดีผ่านกระบวนการยุติธรรมให้ประจักษ์ชัดต่อสังคมเล่า!!”
ทำไมคนที่ดิ้นรนเรียกร้องให้นำคดีขึ้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง กลับเป็นฝ่ายผู้ชุมนุม ที่ถูกผู้มีอำนาจชี้หน้ากล่าวหาว่าฆ่ากันเองเล่า
เรื่องกลับกันแบบนี้ น่าจะมองออกได้แล้วใช่ไหม ว่าความจริงใครคือฝ่ายฆ่า
ผ่านมา 8 ปี ตายร่วมร้อย หลักฐานเยอะ กลับพยายามลบล้าง
ที่อังกฤษตายมา 14 ปี ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ก็ยังหาความจริงไม่เคยหยุด!