“สุภาพบุรุษวงจักร”

มีคนสงสัยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ทำไมฝ่ายผู้มีอำนาจจึงไม่เล่นกันแบบ “แฟร์เกม”

เป็นทั้ง “ผู้เล่น”

เป็นทั้ง “กรรมการ”

แถมยังเขียน “กติกา” เอง

ว่ากันว่า เรื่องนี้อาจเป็นเพราะ “ปม” ในอดีต

สมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในเดือนตุลาคมปี 2553

เขาพ่วงตำแหน่งประธานสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด อีกตำแหน่งหนึ่ง

มีการแถลงข่าวใหญ่ในเดือนมีนาคม 2554

ตั้งเป้าหมายสร้างทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ดให้ยิ่งใหญ่ โดยมี “ซีพี” และ “ช้าง” ให้การสนับสนุน

เขาเน้นเรื่องความเป็น “สุภาพบุรุษ”

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นักกีฬาผู้เกี่ยวข้องทุกคนในทีม ต้องเล่นฟุตบอลด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา เป็นสุภาพบุรุษลูกหนังทั้งในและนอกสนาม เคารพการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัยกับคู่แข่งขัน”

“เล่นกีฬาต้องชนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ชนะใจคนดู”

ฟังแล้วรออะไรอีก

ปรบมือสิครับ

พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนฉายาของทีมใหม่เป็น “The Pride of Gentleman”

หรือ “สุภาพบุรุษวงจักร”

เน้นความเป็น “สุภาพบุรุษ” ทั้งในสนามและนอกสนาม

แน่นอนว่าคนเป็น “สุภาพบุรุษ” ย่อมทนไม่ได้กับ “การโกง”

ครั้งหนึ่ง ทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด เสมอกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของ “เนวิน ชิดชอบ” 2:2

ลูกที่ “บุรีรัมย์” ตีเสมอนั้นเป็น “ลูกล้ำหน้า” แต่กรรมการไม่ยกธง

“บิ๊กตู่” ฉุนมาก ส่ง พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบกในขณะนั้นไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

“ท่าน ผบ.ทบ. รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงมอบให้ผมทำหนังสือเพื่อยื่นประท้วง”

ตอนที่ถูก “โกง” เขาทนไม่ได้

เป้าหมายของ “บิ๊กตู่” วันที่รับตำแหน่งประธานสโมสรคือ ติดอันดับ 1 ใน 5 ในฤดูกาล 2554

และอีก 2 ปีจากนั้นต้องเป็น “แชมป์”

แต่ผลปรากฏว่า ปีนั้น “อาร์มี่ ยูไนเต็ด” ได้อันดับที่ 13

และวนเวียนอยู่กลางตารางมาตลอด

ปี 2559 ก็ตกชั้นไปอยู่ไทยลีก 2

จนถึงวันนี้

มนุษย์ต้องมีการเรียนรู้

และรู้จักซึมซับบทเรียนในอดีต

เมื่อเส้นทาง “สุภาพบุรุษ” ไม่สามารถนำ “ชัยชนะ” มาสู่ทีมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ดังนั้น เมื่อตัดสินใจลงเล่นในสนามการเมือง

เป้าหมายของเขายังคงเดิม คือ “ต้องชนะ”

แต่เส้นทางที่เลือกเดินไม่ใช่เส้นทางสายเดิมที่เน้นความเป็น “สุภาพบุรุษ” ทั้งในสนามและนอกสนาม

การร่างรัฐธรรมนูญให้มีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน

และให้ ส.ว.มีสิทธิ์เลือก “นายกรัฐมนตรี”

ดูด ส.ส.เข้าพรรค

แจกเงินผ่านบัตรคนจน 500 บาท ฯลฯ

ทั้งหมดนี้อาจเป็นหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้

จาก “อดีต” สุภาพบุรุษวงจักรคนหนึ่ง