จิตต์สุภา ฉิน : บอกลาหน้าสดในวิดีโอคอลล์

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะบ่นกระปอดกระแปดว่าผู้หญิงใช้เวลาในการแต่งหน้าแต่งตัวนานเหลือเกินกว่าจะยุรยาตรออกจากบ้านไปทำธุระได้ ไหนจะสระผม เป่าผม บำรุงผิว ลงครีมกันแดด แต่งหน้า ปัดขนตา ปัดแก้ม อ้าว ลืมกรีดอายไลเนอร์ วิ่งกลับไปกรีด ฯลฯ ดูเป็นกระบวนการที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ในขณะที่ผู้ชายแค่ลุกขึ้นมา ล้างหน้า สาดน้ำใส่ตัว ใส่เสื้อ ใส่กางเกง ก็พร้อมเริ่มวันใหม่ได้แล้ว

ความเป็นจริงก็คือ ผู้หญิงก็เบื่อเหมือนกันค่ะ

เราเบื่อที่เวลานอนถูกเจียดไปเป็นเวลาแต่งหน้า เวลากินข้าวเช้าถูกแบ่งไปเป็นเวลาทำผม

เบื่อที่บางวันก็มีวันที่แต่งหน้าพลาดแล้วแก้ไขไม่ทัน ออกจากบ้านไปทั้งที่หน้าดูครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดทางแบบนั้น

ซู่ชิงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนอื่นมีจินตนาการแบบนี้หรือเปล่า

แต่ซู่ชิงมักจะบ่นอยู่เสมอว่า โอ๊ย อยากได้เครื่องอะไรสักอย่างที่เราจับมันปั๊มลงไปบนหน้าปุ๊บ หน้าเราก็สวยเป๊ะเหมือนมีช่างแต่งหน้าฝีมือเยี่ยมมาลงแป้ง ลงรองพื้น ลงสีให้ พร้อมออกจากบ้านได้ภายในสองวินาที

แต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่แค่ในหนังเท่านั้นแหละ

ไม่มีอุปกรณ์แบบนั้นก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ ก็ขอตัวช่วยอะไรบางอย่างสำหรับกรณีที่เราต้องวิดีโอคอลล์คุยกับใครแต่หน้าไม่พร้อม การจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าแบบเต็มรูปแบบเพื่อจะวิดีโอคอลล์ก็ดูจะเป็นการลงทุนที่ขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไปหน่อย

 

ตัวช่วยที่พอจะมีในตอนนี้อย่างดีที่สุดก็น่าจะเป็นฟีเจอร์ อนิโมจิ หรือมีโมจิบนโทรศัพท์ไอโฟน ที่เราสามารถเลือกแคแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนหรือสร้างอวตารของตัวเราเอง แล้วเอามาทับหน้าของเราไว้ตามเวลาจริง ทับมันลงไปทั้งหน้านั่นแหละค่ะ จะขยับไปทางไหนหน้ากากมันก็ตามเราไปเอง เผื่อในเวลาที่เราต้องวิดีโอคอลล์คุยกับใครตั้งแต่เช้าตรู่และแต่งหน้าไม่ทัน ก็ใช้อวตารพวกนี้แหละปิดทับหน้าเราเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ใช้ได้ทุกกรณีนะคะ คุยเป็นการเป็นงานคงไม่มีใครยอมให้เราใช้การ์ตูนมาแปะหน้าไว้หรอก

ถ้าอย่างนั้นทางออกคืออะไร…ขอเสียงปรบมือต้อนรับเทคโนโลยีการใช้ปัญญาประดิษฐ์มาช่วยแต่งหน้าให้ตามเวลาจริงหน่อยค่ะ

เนื่องจากวิดีโอคอลล์ได้กลายเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกวันและสามารถทำได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่างก็พยายามคิดค้นพัฒนาเพื่อทำให้ประสบการณ์การวิดีโอคอลล์ของผู้ใช้งานดีขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในนั้นก็คือ การใส่ลูกเล่นต่างๆ เข้าไป จะเห็นว่าบริการยอดฮิตอย่างการวิดีโอคอลล์บนไลน์ เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ หรือเฟซไทม์ของแอปเปิ้ลก็ล้วนมาพร้อมฟิลเตอร์ที่เราสามารถเลือกมาประดับประดาบนใบหน้าได้

แต่ถ้าเราไม่ได้อยากได้ลูกเล่นของการเปลี่ยนหน้าให้เป็นลิง เป็นหมี แต่อยากได้หน้าของเราเองนี่แหละในเวอร์ชั่นที่สวยและดูดีในแบบที่ไม่ต้องลุกมาแต่งหน้าติดขนตาเอง เทคโนโลยีนี้แหละค่ะที่จะมาตอบโจทย์

เราน่าจะพอคุ้นเคยกับลูกเล่นแบบเดียวกันนี้ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเรากันพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์ของค่ายผู้ผลิตมือถือในเอเชียที่แข่งกันออกซอฟต์แวร์ช่วยแต่งให้หน้าของผู้ใช้เนียนที่สุด สวยที่สุด เรียวที่สุด หลายๆ รุ่นมาพร้อมกับฟีเจอร์ของการเพิ่มเครื่องสำอางเข้าไปบนหน้า

ต่อให้โทรศัพท์ของใครทำแบบนี้ด้วยตัวเองไม่ได้ ก็มีแอพพ์เป็นร้อยเป็นพันแอพพ์ให้สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้อยู่ดี

ในขณะที่แบรนด์ค้าปลีกเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่างเซโฟรา ก็เคยออกแอพพลิเคชั่นที่ใช้เอไอช่วยให้ลูกค้าลองเครื่องสำอางเสมือนจริงผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์มาแล้ว แค่เลือกว่าอยากลองลิปสติก บลัชออน อายแชโดว์ หรือเครื่องสำอางอะไรก็ตามที่มีขายในร้านเซโฟรา มันก็จะเอาเครื่องสำอางชิ้นนั้นมาแปะบนรูปใบหน้าเราที่เราถ่ายเอาไว้ให้

ทำให้เลือกเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้นเพราะเห็นภาพชัดขึ้นนั่นเอง

 

ทั้งหมดที่ว่ามา แทนที่เราจะแค่แต่งเสมือนจริงแล้วถ่ายออกมาเป็นภาพนิ่ง เราสามารถใช้มันเปลี่ยนหน้าของเราได้แบบตามเวลาจริงในขณะที่เรากำลังวิดีโอคอลล์อยู่เลย ซึ่งฟีเจอร์การใช้เอไอมาช่วยแต่งหน้าให้เราตามเวลาจริงในตอนที่เรากำลังวิดีโอคอลล์คุยกับใครจะเป็นฟีเจอร์ที่ต่อไปในอนาคตจะมีให้เราใช้ได้ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าเราจะเลือกใช้แอพพ์ไหนในการโทร.ก็ตาม

ผู้ชายก็ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไปนะคะว่าเขาจะคิดค้นขึ้นมาให้เฉพาะผู้หญิง เพราะเชื่อว่าจะต้องมีการตั้งค่าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่น่าจะหนักไปทางการปรับให้ผิวดูเรียบเนียน ปรับโครงหน้า ขากรรไกร ใครอยากมีกรามชัดๆ หรือใครอยากมีหน้าเรียวๆ แบบเกาหลี ก็คงมีให้เลือกทั้งหมด

อันที่จริงแล้วในตอนนี้แม้กระทั่งกล้ามซิกซ์แพ็กของผู้ชายก็สามารถใช้แอพพ์สร้างขึ้นได้แล้วเหมือนกัน

ความสะดวกสบายที่มาพร้อมฟีเจอร์นี้ก็อย่างที่บอกว่าเราจะดูดีเสมอทุกครั้งที่วิดีโอคอลล์ จะไม่มีช่วงเวลาหน้าซีด หน้าโทรม หน้าซูบ ให้เขินอายอีกต่อไป

แต่แน่นอนว่านี่จะมาพร้อมกับคำถามข้อสำคัญว่า แล้วต่อไปในอนาคตอันใกล้เราจะไว้ใจได้ยังไงว่านี่คือหน้าตาของคนที่เรากำลังคุยด้วยจริงๆ

ที่ผ่านมา เวลาที่เราไม่เชื่อภาพโปรไฟล์ของใครสักคน วิธีที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นได้คือการขอคุยแบบเปิดกล้องเพื่อจะได้เห็นหน้ากันแบบชัดๆ

แต่ต่อไปคนที่เราเห็นผ่านการโทร.วิดีโอหากันกับตัวจริงของคนนั้นอาจจะไม่เหมือนกันเลยก็ได้

คราวนี้วิธีเดียวที่เราจะรู้ว่าใครหน้าตาเป็นยังไงก็คือการต้องเจอตัวเป็นๆ กันเท่านั้น

รูปโฉมของเราบนโลกออนไลน์จะยิ่งห่างไกลจากชีวิตจริงเรื่อยๆ จนน่าจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เราจะเคยชินว่าตัวตนบนอินเตอร์เน็ตของทุกคนก็เป็นเหมือนอวตารนั่นแหละ ไม่มีใครดูเหมือนภาพที่เห็นบนออนไลน์หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ตัวจริงเหมือนออนไลน์แค่สักยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็เก่งแล้ว

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการปรับแต่งใบหน้าให้ดูดีขึ้นนั้นอาจจะไม่ได้ดูดีในสายตาของทุกคน เพราะว่าความสวยความงามก็เป็นเรื่องการรับรู้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนหรือแต่ละวัฒนธรรม บางคนอาจจะชอบฟีเจอร์ที่ทำให้หน้าเนียน ตากลมโต ขนตาฟ้อนงอนยาว หน้าเรียวเล็ก ในขณะที่บางคนอาจจะมองลักษณะทั้งหมดที่ว่ามาว่าเหมือนมนุษย์ต่างดาวในจินตนาการของคนไม่ผิดเพี้ยนเลยก็ได้

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือเราจะอยู่กับภาพนิ่งและวิดีโอที่ผ่านการปรุงแต่งมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ ชวนให้คิดว่าในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีการสลับขั้วเกิดขึ้น เน็ตไอดอลหรือคนที่ได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์อาจจะเปลี่ยนจากคนที่แต่งหน้าแต่งตัวสวยหล่อ ดูดี แพง หรือวาบหวิว กลายมาเป็นคนที่แสนจะธรรมดา ไม่แต่งหน้า แต่งตัวน้อยๆ มีไลฟ์สไตล์ง่ายๆ ดั้งจมูกแบนกว่าค่าเฉลี่ย ใบหน้าแป้นป้านไม่ผ่านการตกแต่งด้วยแอพพ์ มีกระ ฝ้า หรือสิว กระจายตัวอยู่ตามผิวหน้า

เพราะจุดบกพร่องและความไม่สมบูรณ์แบบนี่แหละที่อาจจะกลายเป็นเสน่ห์ที่ผู้ติดตามโหยหาที่สุด