ทราย เจริญปุระ : ยิ้มแม่…ในฝัน

เรื่องที่ต้องปิดบังมันคงเยอะเกินไป หมักหมมเป็นของเสียก่อพิษร้ายอยู่ในตัว สร้างความเศร้าอันเป็นอนันต์ในห้วงเวลาที่เราเผลอ และทะลุมารยาทสังคมเคลือบหนายามตื่นมาปรากฏตัวในฝัน

เวลาที่ฝันถึงแม่ในแบบหายดี ยิ้มแย้ม เดินเหินได้ กลายเป็นความน่ากลัว รอยยิ้มของแม่ประกาศตัวในความฝัน ว่าฉันกลับมาแล้ว อำนาจที่เธอมีอยู่เป็นเพียงเรื่องลวง จงคืนทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ฉัน

ในความฝัน ฉันปิดประตูใส่รอยยิ้มของผู้ชนะจากใบหน้าแม่ ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ และรู้สึกว่าตายเสียดีกว่า จะให้ฉันได้สัมผัสความสุขของการเป็นเจ้าของตัวเองทำไม ถ้าสุดท้ายแล้วแม่ก็ยังกลับมาทวงคืน

ในความฝันนั้นอัดอั้นตันใจ ข้อความคอมเมนต์ผุดลอยจากความว่างเปล่าถึงความเลวทรามต่ำช้าของเรา

ลูกอกตัญญู เนรคุณ ชีวิตมันดีได้เท่านี้แหละ

ในความจริงฉันตื่นขึ้น ย่องเงียบกริบลงไปชั้นล่างของบ้านที่โล่งกว้างและเยียบเย็น เปิดประตูแบบเบามือไปยืนอยู่หน้าห้องแม่

ไม่มีสัญญาณใดว่าแม่จะลุกขึ้นมาประกาศชัยชนะ

ฉันโล่งใจ และรู้สึกเลวร้ายที่กล้าโล่งใจกับความเหี่ยวเฉาเดินเข้าหาความตายของแม่

เดินขึ้นมาบนห้องอีกครั้งด้วยความผะอืดผะอม ทิ้งตัวลงในห้องน้ำหน้าชักโครก อาเจียนเอาความเลวออกไป แต่มันไม่เคยไปไหนเลย เหงื่อหยดซึมเปียกแผ่นหลัง อากาศในห้องดูจะหนาวเกินไป

และรอยยิ้มแม่ยังค้างอยู่หน้าประตูเหมือนยิ้มเจ้าเล่ห์จอมปลอมของแมวเชสเชียร์

“เรื่องฝัน” เป็นนวนิยายขนาดสั้นที่เล่าถึงฟริโดลิน-นายแพทย์ใหญ่รวยเสน่ห์ มีชีวิตเพียบพร้อม ทั้งภรรยาผู้เลอโฉม ลูกเล็กน่ารัก และหน้าที่การงานมั่นคง แต่ในคืนแห่งอารมณ์แปรปรวนร้อนรุ่ม เขาต้องผจญภัยไปในด้านมืดของตัวเอง

…การกระทำมากมายของเขาในคืนนั้นสะท้อนความอัปลักษณ์ในจิตใจออกมาอย่างเปิดเปลือย รวมทั้งในความรู้สึกที่เขามีต่ออัลแบร์ทีเน่

ภรรยาที่เขาทั้งรักและแค้นอย่างลึกซึ้งพอๆ กัน

เดือนเกิดของฉันกลายเป็นความทุกข์อย่างแท้จริงเมื่อฉันได้มีอำนาจเหนือตัวเองแล้ว แต่ยังไม่อาจสั่งหรือจัดการให้ตัวเองมีความสุขได้

ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะโทษอะไรได้สารพัดว่าเป็นเหตุของความเศร้า ฉันต้องทำงานในวันเกิดเพราะไม่ได้ควบคุมวันเวลาของตัวเอง พ่อฉันตายหลังวันเกิดฉันไม่ถึงอาทิตย์

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง

มันมีอะไรมากกว่านั้น ละเอียดลออกว่านั้น และมืดดำกว่านั้นที่คอยฟักตัวอยู่ในหัวใจ ใช้เวลาร่วมปีในการก่อตัวเพื่อจะผุดพลุ่งขึ้นมาในดินแดนไร้ความควบคุมที่เรียกว่าความฝัน

นานมากทีเดียวกว่าฉันจะกล้ายอมรับกับตัวเองว่าปัญหาคืออะไรแบบไม่ต้องออกเนื้อออกตัวมากมายให้วุ่นวายว่า, ฉันผิดเอง ฉันอ่อนแอเอง ฉันไม่ทนทานเอง ฉันบกพร่องภายในมากพออยู่แล้ว เรื่องธรรมดานิดๆ หน่อยๆ ที่หลายคนเคยผ่านและหลงลืมไปจึงยังคงค้างอยู่ในตัวฉัน

ขึ้นข้อก่อรูปเป็นปัญหาที่ทำให้ฉันทะเลาะกับตัวเองได้มากกว่าที่ควรจะเป็น

ปัญหาของฉัน -ในแบบออกตัวตามสังคม- คือฉันเอง

ปัญหาของฉัน -ในแบบสัญชาตญาณบอก-คือแม่ฉัน

ทำไมทุกคนรักแม่ของตัวเองได้อย่างหมดจด ทำไมเขาทำได้ว่าสิ่งที่แม่ทำไปนั้นเพราะรักและหวังดี

ทำไมทุกคนจึงทำได้ยกเว้นฉัน

ฉันซึ่งทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้ และแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะทำได้

แต่แค่การรักแม่อย่างปราศจากความสงสัยนี่มันยากเย็นอะไรนักหนา หรือเพราะความรักที่มากเกินไปทำให้เราต่างคาดหวัง และเมื่อหวังไม่เป็นไปตามใจก็เกิดอาการอกหักเจียนคลั่งอย่างที่ฉันเป็นอยู่

ฉันก็ทำแม่อกหักใช่ไหม

เราคือคู่รักที่เกิดมาเพื่อแผดเผาทำลายกันและกันด้วยความรักและความคาดหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง

“จงระวังสิ่งที่เจ้าปรารถนา”

มันเหมือนพระเจ้าหันหลังให้ฉัน

จริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันหวังอะไร

อิสรภาพงั้นหรือ?

ฉันแค่อยากมีความสุข อยากให้มีคนชอบฉันที่เป็นฉันจริงๆ เห็นว่าสิ่งที่ฉันชื่นชอบก็มีคุณค่า

เพราะเอาเข้าจริง, ตอนนี้ฉันถูกล่ามติดกับแม่ยิ่งกว่าที่เคย แม่เป็นเหมือนสมอเรือที่ถูกทิ้งลงไปในน้ำ ติดครูดกับหินโสโครกและแนวปะการัง

ขอบฟ้าสวยแค่ไหนฉันก็ได้แค่มอง

อาจจะก้าวใกล้เข้าไปได้อีกก้าว

แต่มันก็เท่านั้น

นี่ไง, ฉันก็เป็นฉันแล้ว ฉันเลือกใส่ชุดแบบที่แม่เกลียดที่สุด สีที่แม่ไม่เคยซื้อแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะออกจากบ้านกี่โมงก็ได้ กลับบ้านกี่โมงก็ได้

แต่มันก็เท่านั้น

ฉันก็ยังต้องกลับมา ต้องเข้าไปดูแม่ ต้องตอบคำถามที่มีมาถึงแม่อย่างสุภาพ กดความลิงโลดที่เต้นขึ้นมากางใจเวลาเอ่ยคำว่า “แม่ไม่มีวันหายแล้วค่ะ”

ความปรารถนาของฉันมันน่ารังเกียจเช่นนี้นี่เอง ห้วงอารมณ์ของฉันเลยไม่เคยพานพบกับความสงบ

และแม่ยังคงส่งยิ้มกว้างเช่นแมวเชสเชียร์ในความฝัน

ยิ้มกว้างที่ดูทั้งดีใจและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน

รอยยิ้มที่ทิ้งค้างในความคิดฉัน สายตาที่จ้องมองผ่านน้ำทะเลลึก

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

ไม่มีทางที่ฉันจะกำจัดยิ้มนั้นไปได้จากหัวใจ

“เรื่องฝัน” จากนิยายภาพเรื่องTraumnovelle โดย ยาคอบ ฮินริชส์ และนวนิยายขนาดสั้นเรื่อง Traumnovelle โดย อาทัวร์ ชนิตซ์เลอร์ แปลจากภาษาเยอรมันโดย เฟย์ อัศเวศน์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 เดือนตุลาคม, 2561 โดยสำนักหนังสือไต้ฝุ่น