ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | เมนูข้อมูล |
ผู้เขียน | นายดาต้า |
เผยแพร่ |
เพราะมีอำนาจเต็ม และใช้อย่างเอาจริงเอาจัง จนไม่มีใครอยากจะยุ่งให้ตัวเองและครอบครัวต้องเดือดร้อน เหมือนที่ได้เห็นจากการจัดการกับผู้มีความเห็นต่าง ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าการทำเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับส่วนรวม ประเทศชาติ คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะวางเฉย ปล่อยให้ทำไป
ทำให้จะทำอะไรก็ได้ดั่งใจ ไม่เคยมีอุปสรรคมาขัดขวางไม่ให้กระทำได้ง่ายๆ
แต่แทนที่จะตระหนักถึงสถานะพิเศษที่ภาวะปกติทำไม่ได้
กลับกลายเป็นก่อความคิดว่าได้สร้างผลงานมากมายให้กับประเทศนี้ เพราะจำนวนภารกิจและโครงการต่างๆ ที่ทำไป
อวดตัวถึงความสำเร็จตามปริมาณโครงการที่ทำให้เกิดขึ้น
โดยไม่เฉลียวใจว่า “คุณภาพการบริหารจัดการ” นั้นไม่ใช่การทำให้มาก สร้างโครงการให้เยอะ แต่เป็นการทำให้เรื่องสมควรจะทำ เหมาะสมตรงกับความจำเป็นที่ต้องมี ต้องใช้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย
การทำเยอะ มากโครงการนั้นอาจจะเป็นเรื่องสูญเปล่า หรือกระทั่งกลายเป็นการไปสร้างสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาได้
ความเป็น “นักบริหาร” กับ “นักทำ” ต่างกันตรงนี้
ตรงทำไปเรื่อย โดยไม่รู้ว่าทำไปทำไม กับทำโดยเห็นชัดเจนว่าเพื่อเป็นส่วนประกอบส่วนไหนของความสำเร็จในการพัฒนา
ดังนั้น แม้จะว่าจะเรียงหน้ากันมาอวดถึงผลงานมากมาย เชื่อมั่นถึงขนาดไม่มีใครทำงานได้มากมายเช่นนี้มาก่อน
แต่ที่สุดแล้ว ทุกอย่างวัดกันที่ผลอันเกิดขึ้น
ขณะที่เรียงหน้ากันมาสร้างความเชื่อว่า “เศรษฐกิจดี” จากผลงานที่ทำมา
เมื่อเร็วๆ นี้ “นิด้าโพล” ทำการสำรวจเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยปี 2561” คำตอบในภาพรวมออกมาว่า ร้อยละ 61.92 บอกว่า แย่ลง ร้อยละ 27.12 บอกว่า เท่าเดิม
มีแค่ร้อยละ 10 เท่านั้นที่เห็นดีเห็นงามไปด้วยโดยตอบว่า ดีขึ้น
ผลงานที่โอ้อวดด้วยความมั่นอกมั่นใจมากมาย ไม่ใช่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อตามที่อวดโอ่เลย
ในขณะที่พยายามจะไม่ยอมรับว่ามีความแตกต่างกันระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ กับรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารยึดอำนาจ โดยพยายามใส่ความคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในรูปแบบใดก็เหมือนกัน ไม่ใช่เป็นรัฐบาลเผด็จการแล้วเป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำงานคล่องตัวกว่า
ทว่าแม้จะพยายามใส่ความคิดเช่นนี้เข้าสมองประชาชนมาเกือบ 5 ปี ประชาชนกลับดูไม่ซึมซับกับความคิดแบบนี้นัก
ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” ชิ้นนี้ ในคำถามที่ว่า “คิดว่าหลังการเลือกตั้งในปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหรือไม่” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 60.16 ตอบว่า จะดีขึ้น โดยให้เหตุผลว่ามีความมั่นใจต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีแนวทางในการบริหารและพัฒนาประเทศได้ดีกว่า และต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ร้อยละ 31.60 ตอบว่า จะเหมือนเดิม ด้วยเหตุผลว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่แก้ยาก ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมด้วย และไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็เหมือนเดิม
ขณะที่มีแค่ร้อยละ 4.56 เท่านั้นที่ตอบว่าจะแย่ลง เพราะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก และไม่มีความต่อเนื่องในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
โดยที่ร้อยละ 3.68 ไม่ระบุ และตอบว่า ไม่แน่นอน
ทั้งที่มีความเชื่อมั่นอย่างสูงยิ่งว่าทำงานมากกว่า และแสดงออกให้ได้รับรู้อยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสพูด ทำนองว่ารัฐบาลที่ผ่านมาไม่เห็นทำอะไร
แต่การทำงานที่มากกว่าไม่ได้ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการพัฒนาได้เท่ากับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ภาพสะท้อนความรู้สึกประชาชนผ่าน “นิด้าโพล” ออกมาเช่นนี้
จึงมีความน่าสนใจยิ่งว่า “ผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562” ที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ จะสะท้อนตามความเห็นประชาชนดังกล่าวหรือไม่
ท่ามกลางความพยายามทุกวิถีทาง โดยไม่เลือกวิถี และไม่สนใจว่าจะก่อความรู้สึกอย่างไร เพียงให้ได้รับชัยชนะ
ความรู้สึกนึกคิดของความเชื่อประชาชนส่วนใหญ่ จะแสดงผ่านผลการเลือกตั้งออกมาแบบไหน