อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : เลือกที่จะทำ

ชะตากรรมมักพัดพาบางสิ่งมากองตรงหน้า ให้ฉันตัดสินใจ ว่าจะข้ามไป หรือหยิบมันขึ้นมา

อยู่ดีๆ ก็มีหมาตัวโตเดินเข้ามาในบ้าน จ้องตาฉัน

จะเลี้ยง หรือปล่อยไป ฉันมีโอกาสเลือก และทุกการเลือก ส่งผลต่อชีวิต

บางทางเลือกส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกินคาด หมาหลงที่ฉันรับเลี้ยงเปลี่ยนโลกภายในของฉันโดยสิ้นเชิง จากคนที่ไม่รักหมา ไม่เกลียดหมา ไม่คิดจะเลี้ยงสัตว์ให้เป็นภาระชีวิต (เช่นเดียวกับไม่คิดจะมีลูก) ฉันกลายเป็นมนุษย์ผู้รักหมาทุกตัว เห็นหมาเป็นต้องทัก รักไปหมด ไม่ว่าหมาของใคร หรือหมาข้างถนน

หมาเปลี่ยนฉันเป็นผู้หญิงอีกคน ทั้งไม่อาจกลับไปเป็นคนเดิม แม้ว่าหมาจะตาย

 

หมาของฉันชื่อสมิงพระราหู ฉันฝังมันใต้ต้นลิ้นจี่ ก่อนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา สมิงไม่เคยไปไหน สมิงยังอยู่กับเรา อยู่ในหมาทุกตัวที่เราเจอ

เป็นความสูญเสียอันอ่อนหวาน เป็นความเศร้าที่ฉันยินดีรับไว้ และปล่อยมันจากไป

เมื่อถึงเวลา ความเศร้าย่อมเจือจาง ขณะความตั้งใจเข้มข้นขึ้น

ฉันยิ้มหวาน เมื่อเขาเปิดคลิปสมิงพระราหูให้ดู เฟซบุ๊กเตือนว่า สองปีก่อนเราอยู่กับหมาของเรา

ฉันแชร์ความทรงจำนั้น เพื่อที่มันจะเตือนฉันในปีหน้าและปีต่อไป ฉันไม่มีวันลืมสมิงพระราหู และยังอยากดูคลิปนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า

“นี่ไง วาดรูปสมิงตรงนี้ ไม่ใช้ป้าย วาดรูปให้คนรู้ ว่าถึงแล้วนะ สมิงพระราหู Book Club” เขาชี้กำแพงด้านที่เป็นปูนขัดมัน เดิมทีมีชื่อร้านของน้องสาว เราเพิ่งแกะมันออก เพราะโดนภาษีป้าย (กรณีที่ยังมีป้าย ต้องเสียภาษี ไม่ว่าร้านจะเปิดหรือปิด)

เราไม่ได้ทำ Book Club โดยหวังเงินเป็นกอบเป็นกำ เราแค่อยากให้ที่ดินผืนนี้มีชีวิตอีกครั้ง อยากให้เชียงรายมีที่สำหรับคนรักการอ่าน คนที่ชอบต้นไม้ใหญ่ เราทำห้องพักไว้เผื่อเพื่อนๆ มานอน หรือสำหรับนักเดินทางที่อยากนอนในสวนลิ้นจี่

เงินไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่เงินเป็นปัจจัยที่เราต้องใช้พัฒนาที่ดิน การสร้างทำย่อมเกิดค่าใช้จ่าย เราพร้อมยอมรับ-หากจำเป็น

กรณีป้าย ไม่ใช่เรื่องจำเป็น เราไม่อยากเสียภาษี จึงวาดรูปเจ้าของ Book Club แทนป้าย

รูปโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ยิ้มหวาน หมาที่โปรดปรานคาร์โบไฮเดรต

 

เมื่อ Book Club สำเร็จ เราจะเลี้ยงหมาอีกตัว ไม่ใช่แทนสมิงพระราหู แต่เพราะเรามีความสามารถที่จะรัก-ได้อีก

เราไม่ได้ตั้งชื่อเพื่อระลึกถึงสมิง ชื่ออยู่ในใจมาเกินสองปี Book Club ก็เช่นกัน ที่เรารับมาเพิ่ม คือการดูแลที่ดินทั้งผืน รวมทั้งค่าใช้จ่ายบนที่ดิน ใช่! อาจรวมรายได้ หากเราทำให้มันเกิดขึ้น

เราจะไม่เปลี่ยนชื่อหรือล้มเลิก Book Club เพราะสมิงพระราหูตาย ตรงกันข้าม เราจะทำให้สำเร็จโดยเร็ว และดีที่สุด-ท่ามกลางข้อจำกัด

ที่ชะตากรรมพัดมากองตรงหน้ารวมเป็นก้อนเดียวกับ Book Club คือห้องพักรกๆ 5 ห้อง กับร้านที่ถูกทิ้งร้างจนปลวกกิน

จะรับหรือข้ามไป

อีกครั้งที่เราต้องเลือก เราหยิบขึ้นมา ทั้งรู้ว่ามันหนัก แน่ละ มันจะเปลี่ยนชีวิต และเราก็พร้อม

เราต้องเลือกเสมอ

ซ้ายหรือขวา ไปหรือไม่ไป กางเกงหรือกระโปรง

“จะกินข้าวนอกบ้านหรือทำเอง” เขาถาม

ฉันหัวเราะ

เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เกี่ยวกับอาหาร เรามีสิทธิเลือกทุกวัน และเราก็เลือกแบบเดิม เพราะฉันเป็นแม่ครัว

ทำอาหารง่ายๆ ดีกว่าขับรถออกไปหาร้านกิน-ฉันเดินเข้าครัวด้วยความคิดนี้เสมอ และต่อให้ไม่ได้จ่ายตลาด ครัวก็ไม่ว่างเปล่า

เรามีเห็ดหอม กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ และสันคอหมูนิดหน่อย

ฉันมุดตู้เย็น บอกวัตถุดิบเท่าที่มี หันไปทางเขา “อยากกินอะไรคะ”

“ถ้าถามสมิง สมิงจะบอกว่า อยากกินแป้ง” เขาตอบ

ไม่ใช่แค่สมิงพระราหู ฉันเองก็ชอบแป้ง ครัวของเราไม่เคยขาดแป้ง

วันนี้ฉันจะเลือกหมี่ซั่ว

 

ฉันทำผัดหมี่ซั่วบ่อย เพราะมันง่าย อิ่มในจานเดียว และถ้ามีหมี่ดีๆ ทำอย่างไรก็อร่อย

หมักหมูกับซีอิ๊วขาวและน้ำมันงา แล้วฉันก็ตั้งน้ำในหม้อใหญ่

“ของโปรดอีกแล้ว มีพริกป่นคั่วเองด้วยใช่มั้ย” เขาพูดอย่างรู้ใจ

เรากินผัดหมี่แบบคนชอบเผ็ด นอกจากโรยพริกไทยขาวเยอะๆ เรายังแอบโรยพริกป่นด้วย

ลวกหมี่ให้สุก แล้วทิ้งไว้ ทุกครั้งที่ทำหมี่ซั่ว ฉันชิมหมี่ก่อน เพื่อจะรู้ว่าควรปรุงรสเพิ่มแค่ไหน ส่วนใหญ่หมี่ซั่วจะมีรสเค็ม มากน้อยต่างยี่ห้อกันไป ฉันปรุงแค่ซีอิ๊วขาวกับน้ำมันหอยอีกนิดหน่อย สำหรับเรา ผัดหมี่ซั่วไม่ใช่อาหารเจ แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวผัดชนิดหนึ่ง (เรากินมันด้วยความรู้สึกนั้น)

หั่นเห็ดหอม กะหล่ำปลี และหอมใหญ่ ใส่น้ำมันลงกระทะนิดหน่อย ผัดหมูหมักกับกระเทียมให้สุก แล้วใส่ผักทั้งหมดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและซีอิ๊วขาว ครั้นผักสุก ก็เทหมี่ลงกระทะ กับหมี่ซั่ว ฉันจะวางตะหลิว เปลี่ยนมาใช้คีมคีบ ทั้งนี้ เพื่อถนอมเส้นหมี่ ผัดจนร้อนเข้ากันดี ก็ปิดเตา โรยพริกไทยขาวเยอะๆ

“ถ้ามีต้นหอมอีกหน่อย จะดีมากเลย” ฉันบอกเขา “แต่ยังไงจานก็สวยนะ”

“แล้วก็ไม่ต้องจ่ายเงิน” เขาว่า

นั่นละประเด็น อาหารจากครัวของเรา ต่อให้แสนธรรมดา แต่เรารู้ว่าใส่อะไรลงไปบ้าง เรารู้ว่าได้ล้างผักสะอาด เรารู้ว่าปรุงมันอย่างไร และข้อสุดท้าย เราได้ประหยัด

ชีวิตมีเรื่องให้จับจ่ายมากอยู่แล้ว มื้อไหนประหยัดได้ เราก็ประหยัด

นี่อาจไม่ใช่ผัดหมี่ซั่วที่ถูกต้อง แต่มันถูกปาก ถูกใจคนทำและคนกิน…เท่านี้ก็เกินพอ