วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ /สู่ร่มกาสาวพัสตร์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อดีต ปัจจุบัน อนาคต

 

โยมแม่ส้มจีน พี่สาว น้องชาย ถวายเครื่องไทยธรรม โยมแม่ส้มจีนเอ่ยปากฝากฝังพระปานกับท่านเจ้าอาวาสตามประสาแม่ รับศีลรับพรเสร็จ จึงกราบลากลับ

เมื่ออยู่ตามลำพัง พระปานรับฟังโอวาทและการปฏิบัติตัวเมื่อเข้ามาจำพรรษาที่วัดนี้ พระปานผ่านการครองผ้ากาสาวพัตร์มานานหลายเดือนและศึกษาการอยู่ร่วมในสมาคมพระ จึงพอเข้าใจการปฏิบัติตน

เสร็จจากฟังแนวทางปฏิบัติและโอวาทแล้ว ท่านเจ้าอาวาสให้พระพี่เลี้ยงนำพระปานไปส่งที่กุฏิ

ในกุฏิเมื่อเวลาบ่ายคล้อย พระปานปลดเปลื้องจีวร นุ่งห่มแต่สบงกับอังสะ สำรวจภายในห้อง ไม่ต่างอะไรกับกุฏิที่วัดเขาสุกิม เพียงแต่ไม่มีทางเดินจงกรม นอกห้องมีระเบียงไม่กว้างนัก ถัดจากนั้นเป็นบันไดลงไปข้างล่าง หน้าบันไดเป็นพื้นซีเมนต์สำหรับยืนล้างเท้าก่อนขึ้นกุฏิ

มีที่นอนบางๆ ผืนหนึ่ง มุ้งวางบนหมอน มีผ้าห่มสองผืน เข้าใจว่าอากาศกลางคืนถึงดึกคงหนาวเย็นไม่ใช่เล่น รอบห้องไม่มีอย่างอื่น พระปานจัดของที่บรรจุมาในถุงทะเลสำหรับเดินธุดงค์ มีจีวรอีกชุดหนึ่ง และหนังสือที่ติดมาวางไว้ตรงหัวนอน เสื่อผืนหนึ่งม้วนไว้ตรงปลายเท้าที่นอน

จัดวางบาตรไว้ใกล้หัวนอน คว่ำบาตรเกยกับฝาบาตร พร้อมผ้าเช็ดบาตร ที่ตั้งและสายสะพายบาตร

เสร็จแล้วพระปานตั้งใจจะลงจากกุฏิไปทำความสะอาดลานหน้ากุฏิ พอดีกับลูกศิษย์วัดนำน้ำปานะมาถวายยามบ่าย รับประเคนแล้วนั่งบนขั้นบันไดดื่มน้ำปานะแก้กระหาย ก่อนทำความสะอาดกวาดลานหน้ากุฏิ

กลับขึ้นบนกุฏิเตรียมสรงน้ำก่อนไปทำวัตรเย็นที่โบสถ์ แล้วร่วมประชุมฟังเทศน์ที่ศาลาการเปรียญ

 

ท่านเจ้าอาวาสบอกถึงอีกสองวันจะเข้าพรรษา จะต้องเตรียมอะไรบ้าง ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่บอกเพื่อเป็นการเตรียมตัวและแจ้งให้พระที่มาอยู่ใหม่ เช่นพระปานกับพระอีกสองสามรูป รวมทั้งเณร และชีปะขาว ผู้ที่ต้องมาอยู่วัดปฏิบัติธรรม รับใช้พระสงฆ์-สามเณรนานนับเดือนก่อนอุปสมบทได้ทราบ

พิธีกรรมวันเข้าพรรษา พระปานศึกษาจากหนังสือมาบ้าง พอทราบว่าต้องปฏิบัติอย่างไร อาทิ ในวันเข้าพรรษา พระภิกษุ-สามเณรต้องเตรียมดอกไม้ธูปเทียนเพื่อใช้สักการะปูชนียวัตถุในวัด และสามีจิกรรมตามธรรมเนียม แล้วร่วมพิธีพร้อมกันในพระอุโบสถ

เมื่อวานทายกทายิกานำเครื่องสักการะมาถวายพระภิกษุ-สามเณร มีดอกไม้ธูปเทียน และผ้าอาบน้ำฝน ทั้งยังมีพิธีหล่อเทียนขนาดใหญ่เรียกว่าเทียนประจำพรรษาสำหรับจุดตลอดสามเดือนในพระอุโบสถ

พระปานจำได้ว่าเมื่อยังเป็นเด็กเป็นวัยรุ่น เคยไปเที่ยวงานแห่เทียนประจำพรรษาที่วัดฝั่งธนบุรี คือวัดโพธินิมิตร ที่มีขบวนแห่เทียนใหญ่ประจำปีเป็นขบวนเดินออกจากวัดโพธินิมิตร ผ่านเข้าไปในสวนออกมาที่ตลาดพลูแล้วอ้อมไปวัดมอญ วัดกลาง วัดอินทาราม (วัดใต้) ข้ามถนนกลับเข้าวัดโพธินิมิตรตามเดิม

ตลอดเส้นทาง ชาวบ้านนำน้ำหวาน โอเลี้ยง มาตั้ง มีถ้วยให้ขบวนและคนเดินตามแห่ดื่มแก้กระหาย

ถึงวันเข้าพรรษา มีพิธีทำสามีจิกรรม คือการขอขมาลาโทษต่อกันทั้งพระภิกษุและสามเณรในวัด

การอธิษฐานพรรษา ให้ภิกษุและสามเณรนั่งคุกเข่าพร้อมกัน หันหน้าไปทางพระพุทธรูปประธาน พนมมือว่านโมแล้วเปล่งคำอธิษฐานพร้อมกันสามจบว่า

อิมสสึ อาวาเส เตมาสํ วสสํ อุเปมิ กราบพระสามครั้ง นั่งพับเพียบเจริญพระพุทธมนต์ต่อท้ายอธิษฐานพรรษา เสร็จแล้วเป็นพิธีถือนิสัยโดยเฉพาะพระนวกะที่พรรษายังไม่ถึง 5 พรรษา เช่นพระปาน ต้องถือนิสัยต่อท่านเจ้าอาวาส

พิธีกรรมวันเข้าพรรษาที่พระปานอ่านยังมีอีกหลายประการ ในวันเข้าพรรษาพระปานต้องถือปฏิบัติ

 

เสร็จจากภารกิจที่ศาลาการเปรียญ พระที่มาร่วมประชุมต่างเดินกลับกุฏิ ทางเดินค่อนข้างเรียบ มีแสงสว่างจากไฟฟ้าบนเสาไฟฟ้าเป็นระยะ สองข้างทางเป็นต้นไม้ มีชื่อต้นไม้และภาษิตติดไว้เป็นเครื่องเตือนใจ

กุฏิพระตั้งบนเนินเขา ห่างจากที่พักของแม่ชี ที่อยู่ใกล้โรงครัว ส่วนอุบาสกอุบาสิกา อยู่ใกล้กับศาลาการเปรียญ เป็นห้องโถงโล่ง แยกสองหลังของชายกับหญิง

กลับถึงกุฏิ พระปานเปิดไฟในห้อง แล้วผลัดเปลี่ยนจีวรออก อากาศเริ่มเย็น จึงนำจีวรสำหรับนุ่’ห่มนอนมาครอง กางมุ้งแล้วตลบชายมุ้งด้านหนึ่งขึ้นบนหลังคามุ้ง จัดเตรียมหมอน วางผ้าห่มไว้บนหมอน

เอี้ยวตัวจะหยิบหนังสือที่วางไว้ข้างหมอนหัวนอน ตั้งใจอ่านสักประเดี๋ยวจึงนั่งสมาธิ แต่เมื่อมือสัมผัสกับย่าม ใจกลับเปลี่ยนกะทันหัน ซุกมือเข้าไปในย่ามหยิบการ์ดแต่งงานของจงจิตออกมาแทน

อ่านข้อความในการ์ดแบบไม่ได้ตั้งใจเอาความ เพียงเห็นชื่อคู่สมรส คือจงจิตกับอุทัย เท่านั้น พระปานกลับหวนถึงวันที่เมยมาเยี่ยมที่กุฏิหลังวันปีใหม่ คิดถึงที่รุ้งน้องสาวบอกว่าพบจงจิตกับใครก็ไม่รู้ คงเป็นอุทัย ไม่ใช่ใครอื่น กับคิดถึงบรรยากาศแรกพบหน้าจงจิต ตอนนั้นยังเกรงว่าความหลังความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจะผุดพุ่งขึ้นมาในจิตในใจ แต่เมื่อพูดคุยกัน กลับเห็นว่าเธอเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง

พระปานยังกลับคิดว่า เพราะรู้แน่ชัดว่าจงจิตตัดขาดจากเขาแน่นอน โอกาสที่จะหวนกลับไปในสภาพหอมหวานอย่างเคยหมดสิ้นลง สังเกตจากการพูดคุย เมื่อเขาจะพูดถึงบางเรื่องอันเป็นส่วนเกี่ยวพันกับเธอและเขา จงจิตมักเปลี่ยนเรื่องทันที

ที่สุด ถึงวันนี้ วันที่พระปานตัดสินใจจำพรรษาที่วัดป่าแห่งนี้ เมื่อกลับไปคิดถึงความจำของเธอในจดหมายฉบับสุดท้ายของเขา ที่ว่า

“กาลเวลาเท่านั้นที่จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งแผลในหัวใจคน มันจะแปรเปลี่ยนไปสู่หนทางที่ดีกว่า หากเราสามารถทนได้ ประคับประคองใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด

“อดีตไม่ใช่สิ่งที่ควรลืม แต่จงขังมันไว้ในความทรงจำ อย่าให้มันมาเป็นเครื่องบั่นทอนชีวิตและอนาคต เราทุกคนมีสิทธิคิดถึงอดีตได้ แต่จะคิดถึงเหมือนกับเราคิดถึงความหลังทั่วไป ทั้งทุกข์ทั้งสุข แล้วเก็บมันขังไว้อย่างเดิม มุ่งหน้าเผชิญกับปัญหาในปัจจุบัน-” ครับ ผมเคยบอกคุณอย่างนั้น

พรุ่งนี้…เมื่อออกพรรษา พระปานตัดสินใจแล้วว่าจะออกธุดงค์กับพระผู้ใหญ่สักพักหนึ่ง ปล่อยให้อดีต เมื่อวานนี้คือกาลเวลาที่จะรักษาแผลในหัวใจ อย่าให้เป็นเครื่องบั่นทอนชีวิตและอนาคต คือพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึง พระปานคิดถึงปัญหาในปัจจุบัน คือวันนี้ เพราะอดีตผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง สมดังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้

พระปานบอกกับตัวเอง และส่งกระแสจิตระหว่างทำสมาธิไปถึงจงจิตให้คิดถึงเช่นกัน เท่านั้น

ระหว่างความรักของเขา-ปาน กับเธอ-จงจิต