ประกาศเสียงดังๆ “สาหัส” ฉบับประจำวันที่ 7-13 ธันวาคม 2561

 

หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  และ มวลหมู่มหาประชาชน มากด้วยความหวัง

ความหวังที่ประเทศจะดีขึ้น จากการ”ปฏิรูป”ภายใต้การนำของ คณะรัฐประหาร

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นายสุเทพ ประกาศสนับสนุน”รัฐบาลของเรา”ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และนายกรัฐมนตรี อย่างเต็มที่

ทั้งในการทำงาน และทั่งการปูทางที่จะบริหารงานต่อไป

ขนาด ยอมเสียสัตย์ ย้อนกลับมาเล่นการเมือง  ด้วยการตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.).

เพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ให้สืบอำนาจต่อไป

 

แต่แล้ว เมื่อนายสุเทพและแกนนำพรรค ออกเดินเพื่อคาระแผ่นดิน และรณรงค์หาสมาชิกพรรค

สิ่งที่ก้องสองหูของนายสุเทพ กลับไม่ใช่เสียงเยินยอคณะรัฐประหาร

แต่กลับเป็นเสียงคร่ำครวญของมวลมหาประชาชน ทั้งเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ถึงความเดือดร้อนอันเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ

ทำให้นายสุเทพ และแกนนำพรรครปช. อยู่เฉยไม่ได้

ต้องยกทีมออกมา สะท้อนเสียงคร่ำครวญของประชาชนเหล่านั้น

นายสุเทพถึงขนาดใช้คำ ว่า “สาหัส”

สาหัสกับการใช้ชีวิตของประชาชนชั่นล่าง

ซึ่งเป็นภาพที่แตกต่างจากภาพที่รัฐบาลและทีมเศรษฐกิจ บอกกล่าวกับคนทั้งประเทศว่า เศรษฐกิจประเทศฟื้นแล้ว

และคนในทีมทีมเศรษฐกิจเหล่านี้ กำลังเป็นแกนนำในการจัดตั้งพรรคการเมือง

ในนามพรรคพลังประชารัฐ

ที่มีเป้าหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์ ครองอำนาจต่อไป

 

แต่ “ภาพ” นั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายสุเทพเห็นและสัมผัส เมื่อ ออกคาระแผ่นดิน

ทำให้ จากที่เคยประกาศสนับสนุนในทุกกรณี

ตอนนี้ กลับมีคำถาม ว่าระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา

ประชาชนได้รับอะไรจากคณะรัฐประหาร นอกจากความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ

แล้วยังมีความพยายาม ที่จะ “สืบอำนาจต่อไปอีก”

แม้นายสุเทพ ยังไม่ถึงขนาดประกาศไปยืนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

แต่การประกาศเสียงดังๆ เรื่องเศรษฐกิจอัน “สาหัส”

ก็ได้สะท้อนอะไรบางอย่างของ คสช.และรัฐบาล ได้อย่างระทึกใจ

นายสุเทพ กำลังเปลี่ยนไป หรือ เรียกร้องความสนใจจาก “คนกันเอง”