อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ความรักผ่านบทเพลง

In Love We Trust-บทเพลงรัก

เธอเริ่มต้นร้องเพลงรักตั้งแต่เมื่อใดนั้น เธอจำวันที่ที่แน่นอนไม่ได้ อาจเป็นเมื่อวันก่อน เมื่อปีก่อน หรือหลายปีก่อนก็เป็นได้

ทุกครั้งที่เธอพยายามขบคิดถึงครั้งแรกที่เธอเริ่มต้นร้องเพลงรัก ความรู้สึกนึกคิดของเธอจะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

และแทนการค้นพบวันเวลาที่แน่นอน เธอกลับค้นพบว่าตนเองกำลังครวญเพลงรักบางเพลงอยู่โดยไม่รู้ตัว

บทเพลงจำนวนมากนั้นเดินทางมาจากไหน เธอไม่อาจรู้ได้

บทเพลงจำนวนมากนั้นมาจากแห่งหนใด เธอไม่อาจแน่ใจ

เธอเพียงแค่รู้สึกถึงมัน บทเพลงเหล่านั้นก็จะหลั่งไหลออกจากตัวของเธอ เพลงแล้วเพลงเล่า เธอขับร้องและขับร้องอยู่เช่นนั้นจนร่างกายของเธอสิ้นเรี่ยวแรง ไม่มีความต้านทาน ไม่มีแรงขัดขืน

หลายครั้งที่เธอรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงทางผ่านของบทเพลงเหล่านั้น

บทเพลงเหล่านั้นมีชีวิต พวกมันอยากแสดงตนและพวกมันเลือกเธอเป็นเวทีแห่งการแสดง

และดังที่การแสดงนั้นไม่มีเชื้อชาติ วรรณะ บทเพลงที่ถูกขับร้องออกจากตัวเธอจึงไร้ดินแดน ในวันหนึ่งเธอพบตนเองร้องเพลงรักในภาษาจีนที่มีชื่อว่า เย่วเลียงไต้เปี่ยวหว่อเตอซิน หรือพระจันทร์แทนใจฉัน ทั้งที่เธอไม่เคยเรียนรู้ในภาษาจีนเลย

…หนี่เวิน หว่ออ้าย

หนี่โยว่ ตัวเซิน

หว่ออ้าย หนี่โยว่ จีเฟิน

หว่อตีฉิง แหย่เจิง

หว่อตีอ้าย แหย่เจิง

เย่วเลียงไต้เปี่ยวหว่อ เตอซิน

หนี่เวิน หว่ออ้าย

หนี่โยว่ ตัวเซิน

หว่ออ้าย หนี่โยว่ จี่เฟิน

หว่อตีฉิง ปุเปี้ยน

หว่อตีอ้าย ปุเปี้ยน

เย่วเลียงไต้ เปี่ยวหว่อตีซิน…

 

และมีบางวันขณะที่เธอกำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะ เธอครวญเพลง La Vie en Rose หรือชีวิตของดอกกุหลาบออกมาทั้งที่เธอไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสแม้เพียงคำเดียว ผู้คนในสวนหยุดฟังเธอ บางคนถึงกับนั่งลงกับม้านั่งหิน พวกเขาถูกสะกดด้วยเสียงของเธอ พวกเขาถูกสะกดด้วยความรักที่มีอยู่ในบทเพลง

…Des yeux qui font baisser les miens

Un rire qui se perd sur sa bouche

Voil? le portrait sans retouches

De l”homme auquel j”appartiens

Quand il me prend dans ses bras

Il me parle tout bas

Je vois la vie en rose

Il me dit des mots d”amour

Des mots de tous les jours

Et ?a me fait quelque chose…

 

หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้น ทำให้เธอตระหนักว่าเพลงทั้งหลายล้วนถูกขับร้องโดยไม่ผ่านการฝึกฝน มีบางสิ่งที่ลึกลับ อธิบายไม่ได้อยู่เบื้องหลังบทเพลงเหล่านั้น

ในวันที่เธอขับร้องเพลงเย่วเลียงไต้เปี่ยวหว่อเตอซิน เธอดื่มชาจีนที่ได้มาใหม่แต่เช้าตรู่

ในขณะวันที่เธอขับร้องเพลง La Vie en Rose เธอดื่มไวน์แดงไปจนเมามายเมื่อคืนก่อน อาจเป็นการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เธอดื่มหรือกินเข้าไป สำหรับใครบางคนสิ่งที่ดื่มหรือกินอาจแปรสภาพเป็นสารอาหารแต่สำหรับเธอแล้วมันแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลง

กระนั้นแม้เธอจะตระหนักได้ถึงการเชื่อมโยงที่ว่า แต่สิ่งใดเล่าที่คอยควบคุมการแปรสภาพที่ว่า ใช่ความทรงจำของเธอที่มีต่อความรักหรือว่าเป็นความเจ็บปวดที่เธอเคยมีต่อความรัก สิ่งนี้เธอไม่มีบทสรุป อาจต้องใช้เวลา

เธอนึก “ฉันต้องปลดปล่อยบทเพลงรักให้มากมายกว่านี้พอที่ฉันจะเห็นการเชื่อมโยงของมันได้”

เธอปลอบใจตนเอง