อภิญญา ตะวันออก : การค้าฝิ่นและพายุสีคราม

ชั่วโมงบินที่สูงของบาบาล ทำให้ไอเกิล อาซูร์ ไม่อาจรั้งเขาอีกต่อไป บาบาลออกมาฉายเดี่ยว พร้อมกับบีชคราฟต์-18 เครื่องบิน 2 เครื่องยนต์ที่เขาครอบครอง

นี่คือฉากเริ่มต้นของขบวนการขนฝิ่นจากสามเหลี่ยมทองคำชายแดนพม่า-ไทย-ลาว ที่โยงใยผ่านกลุ่มมาเฟียจีน และบาบาลนั่นเองที่ทำหน้าที่ส่งมันไปเก็บไว้ ณ คลังสินค้าติดชายฝั่งทะเลของสนามบินฮ่องกง

ว่ากันตามตรง เกี่ยวกับขบวนการค้าฝิ่นนี้ สมัยฝรั่งเศสอินโดจีนก็เคยสั่งซื้อฝิ่นดิบ นัยว่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ แต่สำหรับชาวม้งและเหตุผลของการค้าคือ เสรีภาพ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าขบวนการคอมมิวนิสต์และฝ่ายสนับสนุนอาวุธ

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดเสียทีเดียวที่ฝิ่นจากที่ราบสูงลาวจะถูกส่งไปไซ่ง่อน และต่อไปยังสำนักงานยาสูบแห่งชาติเวียดนาม ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าการขนส่งสินค้านี้จะถูกขนถ่ายไปยังนครปลายทางของประเทศตะวันตก

จึงไม่แปลกหากอดีตทหารฝรั่งเศสอินโดจีนจะช่ำชองต่อสถานการณ์ที่ว่านี้ และราคาเกือบทั้งหมดของมันก็ถูกจ่ายคืนมาเป็นอาวุธสงคราม และความช่วยเหลือทางทหารในนามของม้งกู้ชาติ

สำหรับกีย์ หมูบิน! วัน เดือน ปีเหล่านี้ที่ลาว คือการเอาชนะความหวาดกลัว ที่เป็นดั่งมิตรแท้ของชีวิต แต่ก็เกินกว่าจะสลัดตัวเองออกจากตำนานแห่งการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่มีวันจะทลายลงได้

เล่ากันว่า บาบาลจอมเวหา เคยขับที-28 หนึ่งใน 2 ลำที่ใช้สำหรับบินไล่ล่าสัตว์ในป่าเมืองไทย และสำหรับปฏิบัติการขนส่งสินค้าพิเศษที่ว่านี้ เขาจึงเหินมันไปถึงฮ่องกง ท้าทายเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดที่ดำเนินการตรวจค้น

เร็วกว่านั้นที่จะพาดพิงว่า จากการแทรกแซงที่มาจากไทย ให้มีนักบินอเมริกัน 2 นายเกิดหายตัวไปหลังจากลงจอดสนามบินแห่งหนึ่งโดยฝีมือของลาวคอมมิวนิสต์ จากนั้นไม่นาน ปฏิบัติการแก้แค้นเอาคืนทั้งแบบพวกตะวันตกและเอเชียก็เกิดขึ้นตามมา

แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า นักบิน 2 นายนั่นทำงานเป็นสายลับให้ฝ่ายใด…

 

หลังจากร่วมบินกันมาถึง 4 ปี วาระอันแยกย้ายของลอร์ดบาบาลและกีย์ หมูบิน! ก็มาถึง อย่างไรก็ตาม บาบาลในตอนนั้นยังคงบริการลำเลียงสินค้าจากเวียงจันทน์ไปลาวตอนเหนือ ทั้งนี้ มันคือการลำเลียงเชลยม้งที่เสี่ยงต่อการลุกฮือของฝ่ายคอมมิวนิสต์

ไม่นานนัก การล่มสลายของไซ่ง่อนและตามมาด้วยอวสานในลาว และนั่นทำให้ราคา “ค่าหัว” ของบาบาลสูงแพงลิบลิ่ว โชคดีที่มันจบลงตรงที่บาบาลถูกบังคับให้ออกจากลาวไปตลอดชีวิต

มันคือบั้นปลายชีวิตของลอร์ดนักบินผู้ยิ่งใหญ่ที่จบลงด้วยชีวิตอันสามัญ ในโลกใบใหม่ที่ขาดด้วยอิสรภาพ และห่างไกลกับอดีตอันโลดแล่นที่เต็มไปด้วยการผจญภัยในเวหา ที่ทำให้เขาอิ่มไปด้วยความสุขอันล้นพ้น เช่นเดียวกับความตาย

การละทิ้งอดีตแห่งความตื่นเต้นไว้เบื้องหลัง และปล่อยตัวเจ่าจมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ หลังอาหารค่ำอย่างเดียวดายเช่นนั้น มันคือความทรงจำสุดท้ายของกีย์ หมูบิน! ที่มีต่อบาบาล ในค่ำคืนที่พวกเขาเล่าสู่ถึงการผจญภัย

ผ่าเถอะ! กีย์สารภาพและนึกในใจว่า

ถ้าบาบาลยังนับถือพระเจ้า เขาคงกำลังเรียนรู้วิธีไปเข้าเฝ้านักบุญ

 

ที่ผ่านมาในลาว ทั้งสองต่างปรับตัวได้ดี โดยเฉพาะกีย์ ความชำนาญในการขึ้นบินดีซี-3 ประดิษฐกรรมอากาศยานของชาวสหรัฐนับแต่ปี พ.ศ.2478 เห็นชัดว่า ความรุ่งเรืองในอุตสาหกรรมการบินที่เริ่มผลิตเครื่องยนต์ชนิดนี้ออกมานับหมื่นลำ พร้อมๆ กันนั้น มหากาพย์สงครามแห่งเอเชียแปซิฟิกก็ล่วงเลยมากว่าครึ่งศตวรรษ

ในมุมมองของกีย์ หมูบิน! ต่อนกยักษ์อเมริกันลำนี้ เขาเห็นว่าแม้จะมีรูปร่างที่เทอะทะ แต่สมรรถนะกลับเชื่อใจได้ อีกทั้งอุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็มาจาก : สภาพอากาศที่เลวร้าย, ภัยจากพวกคอมมิวนิสต์, ความประมาทของนักบินที่ฝืนสภาพร่างกาย, ตารางการบินที่ไม่ได้มาตรฐาน และการละเมิดกฎพื้นฐานสำคัญ นั่นคือ ระเบียบปฏิบัติการบำรุงเครื่องยนต์

โดยเฉพาะคู่มือและประวัติเครื่องยนต์ ตลอดจนบันทึกระยะเวลาบินที่ช่วยวัดระดับการใช้งานที่ปราศจากการบิดเบือน และทั้งหมดนี้มีที่มาจากมนุษย์งานผู้ขาดวินัย!

บางครั้งกีย์ต้องยืนกรานไม่ขึ้นบิน เพราะสภาพเครื่องที่ล้อสึกกร่อน ทรุดโทรม จนแทบไม่เห็นดอกยาง

และตัวอย่างของการเผชิญพายุใหญ่ในลาวครั้งแรกวันนั้น บาบาลและเขากำลังบินกลับจากหลวงพระบาง มันเป็นเที่ยวบินที่ 3 ของตารางบินวันนั้น ทั้งสองรู้สึกอ่อนล้า ด้วยทัศนวิสัยที่เกือบจะเป็นศูนย์จากการบินที่ระดับเพดานต่ำ แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขากลัวที่จะบินกลับไปเวียงจันทน์ในเที่ยวบินสุดท้ายของบ่าย 4 โมงเย็น

แต่ดูเหมือนความเกรี้ยวกราดดุร้ายราวกับผีพุ่งไต้จะพาดผ่านทางเหนือของลาวอย่างฉับพลัน จนทำให้ดวงตานักบินพร่าพราย เสียงกัมปนาทที่ปกคลุมคำรามราวกับการระเบิดของซูเปอร์โนว่าที่สั่นสะเทือนเครื่องยนต์จนเอียงกระเท่ไปข้างหนึ่ง จากการโยนอย่างรุนแรงของมวลอากาศขนาดมหาศาลและจากแรงลมที่กระโชก จนเครื่องบินโยกตัวขยับไปมาราวม้าเต้นรำ

ดาโกต้าไม่เพียงแต่จะสำลัก ขลุกขลัก อึกอัก ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และไม่มีเทคโนโลยีใดๆ สนับสนุน ความช่วยเหลือจากศูนย์การบินที่ขาดการติดต่อ นี่คือฉากของการต่อสู้กันไปมาราว 30 นาทีเต็ม ที่กีย์พยายามควบคุมเครื่องยนต์ให้อยู่ในระนาบการบินอีกครั้ง โดยที่เขาไม่อาจละสายตาจากทัศนวิสัยอันดุร้ายนั่น ลำไส้ของกีย์เริ่มปั่นป่วน เมื่อปีกข้างหนึ่งเอียงกระเท่

แต่ในที่สุด จู่ๆ เขาก็รู้สึกประทับใจต่อเจ้านกเหล็กตัวนี้ และความเชื่อมั่นที่ว่า “เราจะบินต่อไปๆ และเครื่องยนต์จะไม่มีปัญหาใดๆ”

แม้จะเชื่อมั่นและชื่นชมในความสงบที่ตามมา แต่กีย์แทบไม่รู้เลยว่า ช่วงเวลาแห่งความระทึกใจนี้ มีผู้โดยสารคนใดที่สวดมนต์ภาวนาและรับมือกับความตายอย่างชาวพุทธเยี่ยงนั้นบ้าง ในทันทีที่หลุดออกมาได้จาก “ปฏิคมพายุ” อันหฤโหด

ค่ำวันนั้น บาบาลนั่นเองที่สารภาพว่า เขารู้สึกกลัวอย่างจับจิต

ไชโย! กีย์ หมูบิน! ยินดีอย่างประหลาด

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่บาบาลยอมรับในการบินของเขา โดยไม่ทวนความใดๆ ในภาวะที่เหนือการควบคุมนั่น ช่างบังเอิญที่มันไม่เกิดขึ้นจริง

มิฉะนั้นแล้วพวกเขาคงไม่มีโอกาสกลับมาเล่าเรื่องนี้

 

แม้จะพบว่าลาวตอนเหนือมีสภาพอากาศแปรปรวนสุดอันตราย แต่ด้านหนึ่งก็สวยงามราวกับภาพวาดของจิตรกร สำหรับวันที่อากาศแจ่มใส จุดสวยงามที่สุดคือระหว่างหลวงพระบาง-ไซยะบุรีที่ค่อนไปทางเหนือที่เรียกว่า “ห้วยไซ” พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ไปอยู่บนเส้นทางแม่น้ำโขง แต่เป็นเส้นทางที่เหลื่อมไปตามแนวทิวเขา

จากเวียงจันทน์ กีย์และสหายคู่ใจเคยบินผ่านที่ราบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง ในระดับความสูง 8,500 ฟุต กล่าวว่า นี่คือระยะที่ช่วยให้พวกเขาสามารถแยกจำแนกหมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ ที่คงวัฒนธรรมเพาะปลูกแบบดั้งเดิมและสมบูรณ์แบบ ราวกับภาพของโมเสกอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับระดับความสูงของตำบลวังเวียง ที่ธรรมชาติได้มอบความชุ่มชื้นแห่งป่าเขตร้อน บนที่ราบสูง “ตรัญ นินห์” อย่างอ่อนโยนและสมบูรณ์เขียวขจี ณ ระดับความสูง 8,400 ฟุตของแนวเทือกเขาภูเบีย

จากหุบเขาลึกเร้นที่ส่องมองลงไป นี่คือทุ่งดอกป๊อปปี้ที่แสนจะลึกลับและเต็มไปด้วยสีสันแห่งขาวแดง

 

โดยส่วนตัวแล้ว กีย์เองเริ่มเดือดร้อนกับภาวะเศรษฐกิจและชีวิตที่ต้องดำเนินไปในสถานการณ์เช่นนั้น ว่ากันว่าไม่เพียงแต่เขาต้องขับรถพาตัวเองเพื่อไปสนามบินวัดใต้ชานกรุงเวียงจันทน์ในตอนเช้าเท่านั้น แต่มันยังหมายถึงในตอนค่ำที่ไม่อาจทราบว่าจะเหลือรอดชีวิตกลับมาหรือไม่?

กระนั้น อารมณ์มั่นคงของเขาก็ผิดแผก เมื่อเทียบกับหมูบิน! คนอื่นๆ ที่ล้วนแต่มีสาวถิ่นเคียงข้างกาย พวกเธอแต่ละนางสวยงามในแบบตน และสมกันดีบ้างไม่ดีบ้างกับนักบินลายครามพวกนั้น

แต่การบินลงตอนใต้ดูจะง่ายกว่าทางตอนเหนือ กระนั้น อันตรายสำคัญกลับเป็นอารมณ์ชินชาต่อภูมิทัศน์เส้นทางที่อาจทำให้นักบินวางใจ

ช่วงเวลาแบบนั้นเองที่ “ปากเซ” เกิดสั่นสะเทือน และสิ่งที่กีย์เผชิญคือภัยเงียบของ “พายุสีคราม” พายุที่สงบงามแต่สุดอันตรายในลาวตอนล่าง ตามที่บาบาลนิยาม

และโลกหลับใหลตลอดกาลที่อาจรอเขาอยู่

กีย์ หมูบิน! เสียบไฟอัตโนมัติขณะพักผ่อนราวกับถูกมนต์สะกดไว้ในสภาพที่หลับใหล จนลูกเรือของเขาเกิดเอะใจในความเงียบที่ไม่ปกตินั่น พลันตัดสินใจเข้ามาปลุกกีย์และบาบาล

ทั้งสองเป็นหนี้ชีวิตลูกเรือในวันนั้น มิฉะนั้นแล้ว จุดหมายปลายทาง ณ กรุงไซ่ง่อน คงเป็นได้แค่ความฝันแห่งการหลับใหล

ณ ทุ่ง “พายุสีคราม” ที่ไม่มีวันหวนกลับ