ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
บทเรียนไทยรักไทย
รัฐประหาร พลังประชารัฐ
เลือกตั้ง ต้นปี 2562
พลังดูดจากพรรคพลังประชารัฐที่เห็นผ่านวันที่ 26 พฤศจิกายน ไม่เพียงแต่ส่งผลสะเทือนโดยตรงไปยังพรรคเพื่อไทยอันเป็นเป้าหมายใหญ่ หากแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนา ก็หนีไม่พ้น
มีบทสรุป 1 ไม่ว่าจะมาจากภายใน “คสช.” ไม่ว่าจะมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐ เห็นร่วมกันว่า พลังดูดอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาปกติในทางการเมือง
เพราะพรรคไทยรักไทยก็เคยทำเช่นนี้ก่อนการเลือกตั้งปี 2544 และก่อนการเลือกตั้งปี 2548
จึงนำไปสู่อีกบทสรุป 1 ที่ว่าชัยชนะของพรรคไทยรักไทยอันมีผลสะเทือนและความต่อเนื่องมายังพรรคพลังประชาชนในปี 2550 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554 คือชัยชนะอันอยู่บนพื้นฐานแห่งการใช้พลังดูดจากพรรคการเมืองอื่น
เนื่องจากนับแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ในสนามการเลือกตั้ง พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย คือผู้กำชัยอย่างเป็นจริงต่อการเลือกตั้งทุกครั้งที่มี
ไม่ว่าต่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าต่อพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าต่อพรรคภูมิใจไทย
การศึกษาและทำความเข้าใจต่อชัยชนะและความสำเร็จในทางการเมืองผ่านกระบวนการเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย จึงมีความจำเป็น
โดยเฉพาะต่อพรรคพลังประชารัฐที่พยายามจะต่อยอดและลอกเลียน
เลือกตั้ง ปี 2544
ชัยชนะไทยรักไทย
บทสรุปประการหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ต่อความพ่ายแพ้อย่างซ้ำซากโดยเฉพาะนับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 เป็นต้นมา คือบทสรุปที่ว่าพ่ายแพ้เพราะใช้เงินน้อยกว่าพรรคไทยรักไทย
แต่ความจริงจากการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเสนอให้มีการปฏิรูปพรรคได้นำเสนอบทสรุปสำคัญว่า ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินมากกว่าพรรคเพื่อไทยแต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่พรรคเพื่อไทย
บทสรุปนี้สอดรับกับงานวิจัยระยะหลังไม่ว่าจะมาจากสถาบันพระปกเกล้า ไม่ว่าจะมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชัยชนะของพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นชัยชนะซึ่งต่อยอดมาจากชัยชนะของพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนมกราคม 2544 และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554
เท่ากับยืนยันว่ามิได้มีปัจจัยมาจาก “เงิน” อย่างที่ถูกกล่าวหา หากแต่น่าจะมาจากชัยชนะในเรื่อง “นโยบาย” และชัยชนะจากความสำเร็จในการแปรนโยบายเป็นการปฏิบัติที่เป็นจริง
สถานะของพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันจึงมาจากความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยเป็นสำคัญ
บทบาท ความหมาย
เลือกตั้ง มกราคม 2544
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 เป็นจุดตัดอย่างสำคัญของการเมืองไทยเพราะการริเริ่มอย่างเป็นฝ่ายกระทำของพรรคไทยรักไทย
เป็นชัยชนะเพราะประชาชนศรัทธาและเชื่อมั่นต่อ “นโยบาย”
ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกองทุนหมู่บ้านและกองทุนเมือง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายพักหนี้เกษตรกร
ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ นามธรรมแห่งนโยบายได้แปรเป็นรูปธรรมทางการปฏิบัติ
นี่คือเส้นแบ่งอย่างมีนัยสำคัญระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคการเมืองอื่น ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคกิจสังคม ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติพัฒนา
นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาการต่อสู้ทางการเมืองคือ การต่อสู้ผ่าน “นโยบาย”
พรรคการเมืองที่ไม่สามารถผลิตนโยบายออกมาอย่างสอดรับกับความต้องการของประชาชนก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ จากพรรคระดับชาติกลายเป็นพรรคระดับภาค และตกต่ำเสื่อมทรุดลงกระทั่งกลายเป็นพรรคระดับจังหวัด
พร้อมกันนั้น ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยได้สร้างสมมวลชนที่มีความภักดีต่อแบรนด์พรรคไทยรักไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะเปลี่ยนมาเป็นพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทยก็ตาม
ตรงนี้ต่างหากคือปัจจัยสำคัญยิ่งในทางการเมือง
บทเรียน ไทยรักไทย
บทบาท พลังประชารัฐ
พรรคพลังประชารัฐมีรากฐานแนบแน่นอยู่กับขบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ต้องการจะสืบทอดอำนาจของขบวนการรัฐประหารนี้ต่อไปอีกอย่างน้อยก็ 4 ปี และอย่างมากก็อยากจะอยู่อย่างยาวนานร่วม 20 ปี
แทนที่พรรคพลังประชารัฐจะมีความมั่นใจในผลงานและความสำเร็จนับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 ของตน
ตรงกันข้าม กลับฝากความหวังและความมั่นใจให้กับ “พลังดูด”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูดเอาบุคลากรจากพรรคการเมืองอื่นโดยพุ่งเป้าไปยังพรรคเพื่อไทยเป็นด้านหลัก เพราะคิดว่านี่คือความสำเร็จของพรรคไทยรักไทย
การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะให้คำตอบว่าพรรคพลังประชารัฐคิดถูกหรือไม่