วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร/ ชุมนุมผู้กล้า เซียงหยาง (166)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

ชุมนุมผู้กล้า เซียงหยาง (166)

 

เรื่องสำคัญระดับนี้ เรื่องซึ่งมากด้วยความละเอียดอ่อนระดับนี้ มีหรือที่อึ้งย้งจะไม่นำความไปหารือกับก๊วยเจ๋ง

“เจ๋งกอกอ พวกเราใช่ขาดส่งเทียบผู้กล้าฉบับหนึ่งหรือไม่”

“ขาดส่งเทียบอันใด” เป็นคำถามด้วยความสงสัยจากก๊วยเจ๋ง “พวกเราตรวจทานอยู่หลายเที่ยว หาได้ขาดตกบกพร่องไม่”

“ข้าพเจ้าก็คาดคิดเช่นนี้” อึ้งย้งสำนองรับแต่ก็ยังอดสงสัยมิได้

“พวกเรากริ่งเกรงล่วงเกินนักสู้ผู้กล้าใด ต่อให้ไม่มีชื่อเสียงเท่าใดแม้ทราบว่าผู้อาวุโสที่ล้างมือซ่อนตัวเป็นเวลาหลายสิบปีไม่ยอมรุดมายังจัดส่งเทียบผู้กล้าไป แต่จากการพบเห็นในวันนี้แสดงว่ามีบุคคลที่มีความเป็นมาใหญ่หลวงบังเกิดความขุ่นข้องใจคิดจัดงานชุมนุมผู้กล้าขึ้นในเมืองเซียงหยางประชันขันแข่งกับพวกเรา”

ตรงกันข้าม ก๊วยเจ๋งกลับคิดไปอีกทาง

“ผู้กล้าหาญท่านนี้มีอุดมการณ์เดียวกับพวกเรานับว่าประเสริฐแท้ พวกเราสนับสนุนเขาให้เป็นเม่งจู้ให้เขานำเหล่านักสู้ผู้กล้าต่อต้านกับอริราชศัตรู เรา 2 สามี-ภรรยาจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง”

นี่คือจุด “ต่าง” อย่างสำคัญระหว่างก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง

 

ปัจจัย 1 เพราะว่าก๊วยเจ๋งไม่ได้โยงเรื่อง “ผู้กล้า” เข้ากับพฤติการณ์ลับๆ ล่อๆ ของบุคคลซึ่งใช้นาม “อึงกง” อันอึ้งย้งสงสัยว่าอาจโยงสายยาวไปยังเอี้ยก่วย

เอี้ยก่วย ซึ่งลึกๆ อึ้งย้งก็มิอาจยอมรับได้อย่างสนิทใจ

ปัจจัย 1 เพราะว่าก๊วยเจ๋งไม่ได้รับรู้เงื่อนงำความสัมพันธ์ระหว่างเอี้ยก่วยกับก๊วยเซียงระหว่างเดินทางจากเกาะดอกท้อมายังเมืองเซียงหยาง

เป็นความสัมพันธ์อันมากด้วยความโลดโผนอย่างยิ่ง

ปัจจัย 1 เพราะจิตหนึ่งใจเดียวของก๊วยเจ๋งปักอยู่กับการชุมนุมผู้กล้าและหวังจะอาศัยผู้กล้าเข้าร่วมส่วนกับการรวมพลังต่อต้านการรุกเข้ามาของพวกมองโกล

คำพูดนี้ของอึ้งย้งจึงบ่งบอกทิศทางอย่างแจ่มชัด

“แต่ดูจากการกระทำของคนผู้นี้ไม่คล้ายมาต่อต้านอริราชศัตรู เขาจัดส่งนามบัตรเชื้อเชิญเตี่ยเล่าเจียกเอี้ยแห่งเมืองซิ่งหยาง หลวงจีนไว้ผมหนวกใบ้แห่งภูเขาโอวอา เตียตั่วอัวจื้อแห่งเมืองฮั่นเค้ามา”

ก๊วยเจ๋งทั้งแตกตื่นทั้งยินดี ยกมือตบโต๊ะผุดลุกขึ้น

“คนผู้นี้หากสามารถเชื้อเชิญเตี่ยเล่าเจียกเอี้ย หลวงจีนไว้ผมหนวกใบ้และพวกมา เมืองเซียงหยางจะมีขุมกำลังกล้าแข็งขึ้น ย้งยี้ บุคคลเช่นนี้ควรที่พวกเราจะคบหาสักครา”

เห็นหรือยังว่าก๊วยเจ๋งต่างจากอึ้งย้ง

แต่แล้วเมื่อวันชุมนุมผู้กล้ามาถึง รายละเอียดอันเป็นข้อสงสัยของอึ้งย้งก็ค่อยกระจ่างสว่างแจ้งมากยิ่งขึ้น

 

ด้านหนึ่ง เหล่านักสู้ผู้กล้าเดินทางมาพร้อมกัน จัดโต๊ะ 400 กว่าโต๊ะ ทางฝ่ายปกครองเมือง ทั้งข้าหลวงใหญ่ แม่ทัพรักษาเมืองเฮ้งเกียงและพวกพากันคารวะสุราต่อผู้กล้าจากทุกสารทิศ ระหว่างงานเลี้ยงทุกผู้คนเอ่ยถึงความป่าเถื่อนของทหารมองโกล

ล้วนคับแค้นเดือดดาล ตั้งใจต่อสู้เสี่ยงชีวิต

ค่ำคืนนั้นแต่งตั้งก๊วยเจ๋งเป็น “ผู้นำ” (เม่งจู้ ) ของงานชุมนุม ทุกผู้คนกรีดเลือดสาบานตนขอถวายชีวิตต่อสู้กับข้าศึกผู้รุกราน

อีกด้านหนึ่ง ลูกสาวคนเล็ก ก๊วยเซียง กลับนั่งดื่มกินอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง

อึ้งย้งจะอย่างไรก็เป็นห่วงธิดาคนเล็กจึงกล่าวกับก๊วยพู “เจ้าไปเรียกหาม่วยม่วยมาชมดูความครึกครื้นสนุกสนาน ฉากอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ในชีวิตผู้คนไม่แน่ว่าจะมีโอกาสพบพานสักครั้ง”

แม้ก๊วยพูไม่ยอมไป แต่ได้ให้ก๊วยพัวลู่ น้องชายไปตาม และคำตอบที่ได้มายิ่งทำให้ประหลาดใจ

“ยี่เจ้บอกว่านางจัดงานพบปะสังสรรค์ผู้กล้าภายในห้อง ยี่เจ้มีแขกเหรื่อจริงๆ ประกอบด้วย 3 บุรุษ 2 สตรี นั่งดื่มสุราอยู่ภายในห้องของยี่เจ้”

อึ้งย้งขมวดคิ้วเห็นว่าธิดานางนี้ยิ่งมายิ่งกำเริบเสิบสาน

ไหนเลยเชื้อเชิญบุรุษเข้าไปดื่มกินในหอห้องของโกวเนี้ยอายุเยาว์ได้ ฉายาภูตบูรพาน้อยตั้งได้ไม่ผิดแม้แต่น้อย

แต่เรื่องที่อึ้งย้งนึกว่าไม่เป็นจริงกลับเป็นจริง

 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำมั่นสัญญาที่เอี้ยก่วยเคยให้ไว้กับก๊วยเซียง โดยเฉพาะการเชิญผู้กล้าเข้าร่วมในงานวันเกิด

เพียงแต่บรรดา “ผู้กล้า” ที่มาล้วนเป็น “ตัวประหลาด”

เป็นตัวประหลาดเหนือกว่าความคาดหมายหรือตระเตรียมจะรับมือ ไม่ว่าจะของก๊วยเจ๋ง ไม่ว่าจะของอึ้งย้ง

นี่คือความน่าตื่นตาตื่นใจ 1 อันเนื่องแต่เอี้ยก่วย