อภิญญา ตะวันออก : กีย์ หมูบิน กับการพบกัปตันบาบาล

“หลังคาทางเดินเข้าโรงแรมสีเหลืองโทปาส ความยาวแปดและกว้างสามเมตร คงเป็นประโยชน์ในช่วงมรสุม ความโอ่โถงหรูหราของตัวอาคาร (ที่รับมรดกมาจากสถาปัตยกรรมโคโลเนียล) ดูจะไม่เข้ากับพนักงานต้อนรับในเครื่องแบบสีแดงที่ช่วยเข็นกระเป๋าเดินทางของเขามุ่งไปห้องเช็กอิน”

บันทึกที่เต็มไปด้วยวิธีคำนวณบริบท พื้นที่ และวัสดุใช้สอย และลักษณะอันต่างที่พบอยู่ในความคิดแบบกีย์ หมูบิน ต่อโรงแรม “เซษฐาโอเตล” แห่งนครเวียงจันทน์ ในปี 2511 ที่มีห้องพักสะดวกสบาย ห้องอาบน้ำฝักบัวสะอาด และอาหารค่ำที่รวดเร็วมาตรฐาน” คือที่พักชีวิตต่างแดนของเขา

ทำให้ทราบว่า ธุรกิจชั้นสูงของเหล่าอีลิตลาวสมัยนั้น นอกจากสายการบินแล้วก็รวมเอาโรงแรมไว้ด้วย

“หลังอาหารค่ำ ผมนั่งรอกัปตันอันจาบาลที่ไนต์คลับของโรงแรม ห้องเต้นรำที่นี่โอ่โถง มีกว้างราว 150 ตารางเมตร มีแขกยึดครองแพลตฟอร์มทั้งหมด ใต้เงาแสงไฟสลัว นอกจากศิลปินนักดนตรีฟิลิปปินส์ ผู้มีน้ำเสียงทุ้มละมุนโสต ขณะยิ้มบางที่มุมปากให้กับคู่รักหนุ่ม-สาว ที่กำลังหมุนตัวอยู่บนฟลอร์เต้นรำ มีโต๊ะกลมเก้าอี้หวายสี่ตัว พนักงานเดินโต๊ะที่บาร์ถัด ถามเป็นภาษาฝรั่งเศส ผมจึงสั่งโซดากับวิสกี้มาดื่ม”

เมื่อเดินไปอีกห้องหนึ่ง ที่ไม่สังเกตเห็นแต่แรก กีย์พบว่า ที่นั่นมีเด็กผู้หญิงหน้าตาดีนั่งเรียงรายเป็นจำนวนมาก “พวกเธอเป็นเหมือนผีเสื้อสาวที่กระพือปีก และแสดงออกอย่างสนุกสนาน ยามที่ให้บริการ ขณะวางเครื่องดื่มบนโต๊ะที่มีแต่ฝรั่งตะวันตก” (น.34)

แต่กีย์ปฏิเสธความกระตือรือร้นของเหล่าพวกเธอ และความเป็นคนที่ไม่ค่อยตลกนั่น ทำให้เขาไม่สู้จะให้เวลากับความน่าหลงใหลในเวียงจันทน์แบบนั้นสักเท่าใด

ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว ในการพบกับบินห์-อดีตกัปตันเขมรยุคหมูบิน! คนหนึ่ง ในแต่ละครั้ง ทำไม “โฮจิมินห์เทร็ลบินห์” จึงวนเวียนอยู่แต่ในบาร์แห่งหนึ่งแถวสุขุมวิทอย่างคุ้นเคย มันคือสถานที่ที่เขามักจะแวะเวียนเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนในแวดวงผู้คนอาชีพเดียวกัน แม้ว่าขณะนั้นเขาจะมีชีวิตนอกสารบบ ไม่ต่างจากทหารปลดประจำการก็ตาม

มันเป็นสารบบชีวิตที่ติดมาของพวกหมูบิน!

 

กีย์กล่าวว่า เขามีเหตุผลสองประการที่จะชื่นชมยินดีต่อกัปตัน-บาบาล (Babale-สมญาและชื่อจัดตั้ง) ที่กีย์เพิ่งจะพบเป็นครั้งแรก และครั้งที่ 2 ในวันต่อมา มันคือลักษณะพิเศษที่น่าประทับใจในความสดชื่นแจ่มใสจากการพักผ่อนน้อยที่ไม่ถึงห้าชั่วโมงนั่น ที่นอกจากช่วยลบภาพมุมมองในบาร์ที่ต่างจากบาบาล (ในบาร์) อย่างสิ้นเชิงแล้ว ยังไม่เห็นคราบอาการเมาค้างสักนิด

ภารกิจแรกที่ทั้งสองทำร่วมกันคือ เช็กสมรรถนะของเจ้าดาโกด้า โดยการค่อยๆ หมุนไปทางแท็กซี่ของทางบินขึ้น กำหนดจุดคงที่โดยเลือกเครื่องกำเนิดไอโฟล ที่ความเร็วรอบ 2,350 รอบต่อนาที และรับน้ำหนักที่ 21.50 นิ้ว รวมทั้งการทดสอบใบพัด

จากนั้น พนักงานแอร์โฮสเตสสาว บริษัทสายการบินลาวแอร์ไลน์สได้แจ้งจำนวนผู้โดยสาร 30 ท่าน ที่เราจะช่วยกันส่งมอบบริการการเดินทางด้วยความมั่นใจ ด้วยว่าโชคชะตาของพวกเขา มันอยู่ในกำมือของเรานี่!

พลันเมื่อทุกอย่างลอยตัวอยู่ในสภาวะสงบ บาบาลออกคำสั่งให้กีย์ติดต่อกับหอควบคุมการบิน เขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากต่อภารกิจนี้ โดยไม่รีรอ กีย์รวบรวมกระบวนความรู้ ออกคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบนั่น กีย์เปิดตัวด้วยคำว่า : “แท็กซี่ ออกตัวไปหลวงพระบาง” แต่พลัน คำตอบที่กลับมาด้วยสำเนียงแบบอเมริกันนั่น มันทำให้เขาถึงกับสตั้นพูดไม่ออก และไม่เข้าใจในความหมายด้วย

บาบาลถามกีย์สั้นๆ เขาแนะบทเรียนน้อยที่ไม่มีอยู่ในโรงเรียนการบิน

“สวัสดีหอคอย นี่ “คานิบาล”! เรากำลังมุ่งหน้าไปหลวงพระบาง” ด้วยเสียงที่ไม่ยี่หระด้วยภาษาอังกฤษที่เขาใช้สั่งการนั่น

“คานิบาล-บาบาล!” สมญาของพวกชอบกัดหัวกบาลคน! หึ หึ ฟังดูน่าสยดสยอง บาบาล หมอดูจะก่อกบฏต่อระบบผูกขาดการบินพลเรือนในแบบฝรั่งเศสที่มันควรจะอยู่ในสายเลือดของตน

แต่นั่นแหละ เห็นได้ชัดว่า พอได้ยินชื่อ “คานิบาล!” เท่านั้น หอควบคุมการบินลาวก็เชื่อง และตอบกลับมายังเครื่องอย่างทันที

 

หลวงพระบาง-ราชธานีเก่าแห่งเหล่าราชวงศ์ลาวที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และใช้เวลาเดินทางอากาศจากเวียงจันทน์ไม่ถึง 1 ชั่วโมง สำหรับนักบิน พวกเขากลับมองหลวงพระบางอย่างนี้ว่า : เต็มไปด้วยทิวทัศน์แห่งภูเขา ที่เปรียบเสมือนวงดนตรีออเคสตร้า เรียงรายกันเป็นลูกระนาดที่ความสูงจากระดับ 1,200 ถึง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยเฉพาะในวันที่อากาศแจ่มใส และความเข้าใจต่อหลวงพระบางก็จะแจ่มใสมากเข้าไปอีก

เรามาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย บาบาลขอให้กีย์แวะไปที่สถานีตำรวจของสนามบิน และใช้โอกาสนั้นลงนามลายเซ็นบนแผนที่เส้นทางของตน

“นี่เป็นระบบการทำงานแบบหนึ่งกับหน่วยงานราชการและพวกโปรโตคอล ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาใช้คำถามกับพวกเราอย่างปกติทั่วไป” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกีย์เป็นชาวต่างชาติหน้าใหม่ที่สตึเดินทางข้ามถิ่นเป็นครั้งแรก

ในที่สุด การสัมภาษณ์ที่น่าอึดอัดนั่นก็สิ้นสุดลง มันทำให้กีย์รู้ซึ้งถึงคำว่าศิลปะการป้องกันตัวอย่างคาราเต้ และความรู้ภาษาอารบิกที่พ่วงมาแต่ไม่เป็นประโยชน์อะไรสักนิด! ก็แค่…ประสบการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์นัก ตามที่เขาได้ทำความรู้จักกับตำรวจลาวพวกนั้น

จากปฏิกิริยานี้ ทำให้เข้าใจว่า นอกเขตข้าราชการลาวในเวียงจันทน์แล้ว พวกเขาดูไม่เป็นมิตรต่อพวกต่างชาติ (และลักษณะบางอย่างที่กำลังตามมาแบบคอมมิวนิสต์) กีย์มองคนเหล่านี้ด้วยท่าทีที่ตนคล้ายเป็นหุ่นหัวกะโหลกที่ว่างโหวง สำหรับประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการเหินเวหาเหนือแผ่นดินประเทศลาวครั้งแรก

กีย์เข้าใจมันอย่างรวดเร็วต่อความปรารถนาดีของเขา ที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองใดๆ โดยเฉพาะการขับเครื่องบินของเขาที่คล้ายจะเกิดปัญหาตรงแกนเครื่องยนต์ บาบาลดูจะใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นที่จะสอนเทคนิคนี้ เขาสอนให้กีย์บังคับแถบหางเสือด้วยวิธีที่นุ่มนวลและไม่ลังเลที่จะโยนไอ้หมูบิน! หน้าทื่อเรียนรู้กับความกดดันที่น่าสะพรั่นพรึงนั่น และหัวเสียทุกครั้งที่กีย์เป็นฝ่ายทำให้เขาต้องลงไปกองกับพื้น

แต่การสิ้นสุดของเที่ยวบินที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกัปตันกับนักบินผู้ช่วยคนใหม่นี้ จะมีผลต่อชมรมหมูบิน! ที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติกลุ่มหนึ่งในอนาคต!

คงเป็นที่ทราบแล้วสินะว่าใครกันที่เป็นผู้บัญชาการ ณ ที่แห่งนี้ และบาบาลได้ถ่ายทอดเทคนิคที่จำกัดใดบ้างอันเป็นความรู้แก่ตน สำหรับกีย์ แม้จะต้องเก็บซ่อนความอัปยศอดสูบ้างในบางครั้ง แต่สิ่งที่จะทำให้เขาอยู่รอด คือความนับถือและเชื่อมั่นในตัวเอง

เพื่อนเอ๋ย จงเชิดหน้าเรียนรู้วิธีเจียมเนื้อเจียมที่เป็นเหมือนเครื่องทรมานวันนี้เข้าไว้ ในวันที่มันจะเปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็นเกียรติยศแห่งความสำเร็จ”

 

ลอร์ดบาบาลนั่นละ กระทาชายผู้สร้างแรงบันดาลใจ (ที่ปนด้วยความหดหู่ในบางครั้ง) และบางอย่างที่อำพรางในเรื่องราวของเขา

กีย์บอกว่า ตอนที่ได้พบกันนั้น บาบาลบอกเขาว่าเขาใกล้จะห้าสิบสี่ปีแล้ว แต่กีย์ไม่มีวันจะหลงกล เป็นที่รู้กันในแวดวงนักบิน อายุดูจะเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการเปิดเผย อย่างที่ทราบ พออายุหกสิบปี พวกสำนักงานการบินพลเรือนก็จะไม่ต่อใบอนุญาตให้ขึ้นบิน บาบาลเองก็ดูจะทราบ และนั่นทำไมว่าเขาพยายามจะปกปิดอายุจริงของตัวเอง

เขาเป็นเหมือนนักมวยจอมสังเวียน หรือไม่ก็ยอดไวน์รสเลิศที่บังเอิญถูกนำมาขายในราคาถูกๆ แถวสโมสรทหารในกรุงเวียงจันทน์ อย่างไงอย่างงั้น

ทุกช่วงชีวิตของเขา ราวกับทุกอย่างให้ไว้เป็นโบนัสที่เหลือของชีวิต บาบาลมักชอบอะไรซ้ำๆ บ้าง เว้นแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาจะทำมันหรือเปล่า ในที่นี้ ไม่จำเป็นต้องสาธยายเลยว่าบาบาลเป็นใคร? ในวงการพวกนักบินพลเรือนนั่น และยิ่งด้วยสถานการณ์แบบนั้น พวกเขาต่างมีอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกขานกัน

ลอร์ดบาบาลที่ว่านี้ คืออดีตนายทหารกองทัพฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในพวกที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นับแต่ที่เข้าร่วมยุทธการในปี พ.ศ.2483 และต่อมาอีก ในปฏิบัติการร่วมกับสหราชอาณาจักรและฝ่ายพันธมิตรฝ่ายอเมริกัน บาบาลดูอยากจะบอกเล่าเรื่องนี้กับกีย์แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับความตั้งใจที่จะลืมเลือนวันขึ้นบก ณ ชายหาดนอร์มังดีเช้าวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2487

ในปี พ.ศ.2493 บาบาลเข้าร่วมทำงานในเวียดนามตำแหน่งหัวหน้านักบินของบริษัทไอเกิล อาซูร์ (Aigle Azur) ภายใต้ภาวะที่เสี่ยงภัยนั้น บาบาลคือหนึ่งในนักบินที่รอดตายจากสมรภูมิเดียนเบียนฟูคนสุดท้าย (2497)

และไฟประลัยกัลป์แห่งสงครามเวียดกงที่เกื้อกูลต่อมา จากความช่ำชองใน DC-3 และชั่วโมงบิน เฉพาะปี 1970/2513 ปีเดียว บาบาลคือเจ้าสถิติเวลาบิน 200-250 ชั่วโมงต่อเดือน! หลับตาสิว่า เขายังเป็นเจ้าของสถิติการบิน 3,000 ชั่วโมงตลอดกาล! ที่แม้แต่ยอดนักบินของแอร์ฟรานซ์ที่ทำได้ก็แค่ 1,800 ชั่วโมงเท่านั้น

สถิติยอดเยี่ยมแบบนี้กระมัง ที่นำพาให้เขาเข้าสู่วงจรขบวนการขนยาฝิ่น และม้งอิสระในอีกต่อมา