จิตต์สุภา ฉิน : มาถึงจุดที่…มีเซ็กซ์ในรถยนต์ไร้คนขับ

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

แม้จะรู้ดีว่ารถยนต์ไร้คนขับไม่น่าจะเป็นเทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทยได้ง่ายๆ

อันเนื่องจากโครงสร้างถนนอันแสนจะวุ่นวาย ไร้ระเบียบและกฎการจราจรที่ฝ่าฝืนกันแทบจะทุกวินาที

แต่ซู่ชิงก็ยังอดมีความหวังไม่ได้ว่าสักวันหนึ่งจะได้นั่งกระดิกเท้าสบายใจเฉิบอยู่บนรถที่ขับตัวเองได้และพาซู่ชิงไปทุกที่

จะได้กางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กออกมานั่งทำงาน ปั่นคอลัมน์ให้ทันเดดไลน์

หรืออ่านหนังสือเล่มโปรด ไม่ต้องติดแหง็กอยู่หลังพวงมาลัยอย่างหัวเสียอีกต่อไป

นอกจากรถยนต์ไร้คนขับจะทำให้เราใช้เวลาว่างบนรถให้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้นแล้ว การมาถึงของมันอาจจะเป็นการปฏิวัติรูปแบบการทำธุรกิจหลายประเภทพร้อมๆ กันเลยก็ได้

ลองจินตนาการดูว่าเวลาเราต้องขับรถทางไกลไปต่างจังหวัดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ถ้าหากระยะทางมันไกลเกินไปเราก็จะต้องแวะพักโรงแรมข้างทางจริงไหมคะ พักผ่อนนอนหลับให้เต็มอิ่ม เช้าตรู่ก็ค่อยออกเดินทางต่อ

แต่ถ้าหากเรามีรถยนต์ไร้คนขับที่สามารถขับตัวเองต่อไปได้เรื่อยๆ ความจำเป็นของการต้องนอนค้างอ้างแรมก็หายไป

รถยนต์ของเราจะกลายเป็นโรงแรมเคลื่อนที่ นอกจากจะทำให้เราถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วขึ้นโดยเราไม่เหนื่อยเท่าเดิมแล้ว ก็ยังทำให้เราประหยัดเงินได้อีก

 

ไม่ใช่แค่ธุรกิจโรงแรมเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่ร้านอาหารเองก็เหมือนกัน จากเดิมที่เราจะต้องแวะร้านอาหารข้างทาง เมื่อรถยนต์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องรับประทานอาหารได้ มันก็จะกลายเป็นร้านอาหารติดล้อให้กับเราได้เหมือนกัน

เราอาจจะเตรียมทำอาหารมาเองจากบ้านเพื่อกินระหว่างทาง หรือแวะซื้อฟาสต์ฟู้ดตามปั๊มน้ำมันแล้วก็กระโดดกลับขึ้นไปบนรถ

ความจำเป็นของการต้องแวะกินอาหารระหว่างทางก็จะลดน้อยลงหรืออาจจะเหลือศูนย์เลยก็ได้

นี่อาจจะเป็นโจทย์ให้กับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารต้องนำกลับไปขบคิดต่อว่าหากยุคสมัยของรถยนต์ไร้คนขับมาถึง ธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไรให้ไม่ถูกดิสรัปต์จนอลหม่านปั่นป่วนกันไปหมด

เราลองสำรวจกันต่ออีกสักหน่อยค่ะว่ายังมีความน่าจะเป็นอะไรอีกบ้างที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่รถยนต์ของเราถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องติดล้อที่ขับเคลื่อนตัวเองได้

ใบ้ให้นิดหนึ่งว่าผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่าคนอเมริกันเกือบ 60% ยอมรับว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ในรถยนต์มาก่อน

 

ใช่แล้วละค่ะ รถยนต์อาจจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมอย่างว่า สะท้อนให้เห็นว่านอกจากเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต การทำงาน การกินอาหารของเราแล้ว ยังจะเข้ามาเปลี่ยนกันถึงการประกอบกิจกรรมบนเตียงของมนุษย์ด้วยเลยทีเดียว

สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดไปก็คือการปฏิวัติโฉมหน้าของอุตสาหกรรมค้าประเวณีโดยเฉพาะในเมืองที่การค้าประเวณีสามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย

อาจจะเกิดธุรกิจที่เรียกว่า “เซ็กซ์ติดล้อ” ที่สามารถขับเคลื่อนตัวเองไปหาลูกค้าได้ถึงที่ รับลูกค้าขึ้นมาบนรถ และทำทุกอย่างให้จบเป็นวันสต๊อปเซอร์วิสอยู่ภายในรถยนต์คันเดียวในแบบที่รถไม่จำเป็นต้องจอดอยู่กับที่เฉยๆ

ข้อดีคือ นอกจากจะเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วฉับไวสะดวกสบายแล้ว ก็อาจจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมขายตัวด้วย

เชื่อว่าต่อให้เป็นเมืองที่การค้าประเวณีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ก็จะแอบรับเอาเทคโนโลยีนี้เข้าไปใช้ด้วยเช่นกัน

 

อีกประเด็นสำคัญที่จะต้องชี้ให้เห็นก็คือ เวลาเราพูดถึงรถยนต์ไร้คนขับ ภายในรถมันไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาเหมือนกับรถยนต์ที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้คือ มีเบาะที่นั่งซ้าย-ขวาข้างหน้า และเบาะที่นั่งแถวหลัง ที่ทุกคนหันหน้าเข้าหาถนนเหมือนกันทั้งหมด

แต่รถยนต์ไร้คนขับจะถูกออกแบบใหม่หมดจดให้เหมือนห้องขนาดเล็กภายในบ้าน ดังที่เรามักจะเห็นกันจากรถยนต์คอนเซ็ปต์ที่นำไปจัดแสดงไว้ตามงานเทคโนโลยีหรืองานรถยนต์ต่างๆ

บางแบรนด์ก็ทำให้ห้องโดยสารกลายเป็นห้องอ่านหนังสือ ในขณะที่บางแบรนด์ก็ออกแบบให้เบาะที่นั่งทั้งหมดหันหน้าเข้าหากันเพื่อให้ผู้โดยสารสนทนากันได้อย่างออกรสออกชาติ

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากรถยนต์ไร้คนขับจะถูกออกแบบและตกแต่งให้มีความนุ่มสบายของเบาะที่นั่งและที่นอน สบายเสียจนคนอดใจไม่ไหวและใช้ประโยชน์มันมากไปกว่าการนอนหลับพักผ่อนนั่นแหละค่ะ

แอบขำนิดหนึ่งตรงที่มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาทำวิจัยจริงจังและรับประกันเลยว่า ไม่ต้องห่วง คนจะมีเซ็กซ์กันในรถยนต์ไร้คนขับแน่นอน

และให้ลองนึกภาพไว้เลยว่าในอนาคตข้างหน้าเวลาที่เรานั่งรถไปตามท้องถนน เราอาจจะเห็นเพื่อนคันข้างๆ กำลังนัวเนียกันสุดฤทธิ์ จนต้องมีระบบที่คอยตรวจจับว่าใครกำลังแอบมีเซ็กซ์อยู่บ้าง

นอกจากจะต้องคอยตรวจตราเรื่องเซ็กซ์แล้วก็จะต้องคอยดูกิจกรรมอื่นๆ ที่มาเป็นแพ็กคู่ อย่างการเล่นยา หรือการดื่มแอลกอฮอล์

แต่เอ๊ะ จะว่าไปแล้วการดื่มแอลกอฮอล์ในรถยนต์ไร้คนขับที่เราไม่ได้ขับเองก็จะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไปนี่นา

 

ไม่ได้มีแต่การทำลายของเก่า แต่โอกาสใหม่ๆ ก็ถูกสร้างขึ้นมาได้เหมือนกัน ผลการศึกษาเดียวกันนี้ยังบอกว่าในยุคของรถยนต์ไร้คนขับ คนจะไปเข้าร่วมงานอีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ กันมากขึ้น อันนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะไม่ต้องกังวลปัญหาอย่างการไปงานสัปดาห์หนังสือฯ และไม่มีที่จอดอีกต่อไป เพราะปล่อยให้รถขับตัวเองกลับบ้านไปได้

อ่านมาทั้งหมดนี้ก็ชวนให้คิดเหมือนกันนะคะว่าบ่อยครั้งเรามักจะนึกไม่ถึงว่าเทคโนโลยีใหม่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราคนเดียวไปอย่างไรบ้าง

เวลาเราพูดถึงรถไร้คนขับ สิ่งแรกและอาจจะสิ่งเดียวที่เรานึกถึงก็คือความสะดวกสบายของการไม่ต้องขับรถเองอีกต่อไป แต่เรามักจะไม่ทันได้นึกไปว่า แล้วการมาถึงของมันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ดูแว้บแรกเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย อย่างร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่อุตสาหกรรมทางเพศได้อย่างไร

ซึ่งการจะคาดเดาว่ามันจะเข้ามาเปลี่ยนอะไรบ้างก็อาจจะเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็ได้

แต่ถ้าเซ็กซ์ติดล้อจะมาจริงๆ ยอดขายฟิล์มกันแดดหนาๆ ทึบๆ ก็น่าจะพุ่งสูงขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว