ต่างประเทศ : อีกมุมมองเกาหลีเหนือ ผ่าน โอ ชอง ซอง

“เกาหลีเหนือ” ประเทศที่เรื่องราวภายในอันแสนดำมืดถูกเปิดเผยออกมาทีละเล็กทีละน้อย ผ่านชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์

และล่าสุด “โอ ชอง ซอง” ทหารชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์ วัย 25 ปี ได้ให้ภาพเหล่านั้นชัดเจนขึ้น ผ่านบทสัมภาษณ์ในสื่อญี่ปุ่นและสื่อเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆ นี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสันนิษฐานที่ระบุว่า “ชาวเกาหลีเหนือรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจที่จะจงรักภักดีกับคิม จอง อึน เท่าใดนัก”

ซังเค ชิมบุน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ยืนยันว่า นายทหารที่หลบหนีข้ามพรมแดนในเขตปลอดทหารในหมู่บ้านปันมุนจอมที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ที่ผ่านมานั้น เป็นลูกชายของนายทหารระดับสูงรายหนึ่งในเกาหลีเหนือ

นายทหารรายนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อเขาตัดสินใจขับรถไปใกล้กับชายแดนในเขตปลอดทหาร กระโดดลงจากรถและวิ่งเข้าสู่ชายแดนเกาหลีใต้ผ่านม่านกระสุนจากเพื่อนทหารเกาหลีเหนือ ทั้งจากปืนพกและปืนเอเค 47 ที่สาดเข้าใส่กว่า 40 นัด

และในจำนวนนั้น 5 นัดถูกยิงทะลุร่างของโอ ชอง ซอง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

โอได้รับการช่วยเหลือจากทหารเกาหลีใต้และนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยการขนส่งทางอากาศเพื่อเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และแพทย์ทหารเกาหลีใต้เรียกทหารหนุ่มรายนี้ว่า “โหลแก้วแตก เราใส่เลือดเข้าไปในตัวเขายังไงก็ไม่พอ”

ทว่าโอก็รอดชีวิตมาได้

 

โอระบุกับสื่อญี่ปุ่นและสื่อเกาหลีใต้ว่า ตอนนี้เขาเป็น “คนใหม่พร้อมกับชื่อใหม่” ในเกาหลีใต้ และสิ่งแรกที่เขาเห็นหลังจากฟื้นคืนจากการผ่าตัดยื้อชีวิตจากกระสุนปืน นั่นก็คือ “ธงชาติเกาหลีใต้”

พร้อมเล่าว่า ทหารที่ยิงปืนเข้าใส่ตนนั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักกันดี แต่ก็เข้าใจว่าเพื่อนต้องทำตามหน้าที่

“หากเขาไม่ยิง พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง หากผมอยู่ในจุดเดียวกับเขา ผมก็จะทำในแบบเดียวกัน” โอระบุ และว่า เหตุผลที่ต้องหนีมายังเกาหลีใต้เป็นผลจากปัญหากับเพื่อนในกองทัพ โดยปฏิเสธที่จะอธิบายรายละเอียด

โอเล่าว่า เขาได้รับการรักษาตัวอยู่นานถึงเกือบ 4 เดือนและยังต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง และเล่าว่า แพทย์ต้องนำเส้นประสาทที่แขนออกไปทำให้แขนตนไม่มีความรู้สึกเมื่อใช้นิ้วกด

โอเล่าว่า ตนเกิดในครอบครัวทหาร เข้าร่วมกองทัพในปี 2010 ทำงานเป็นนายทหารยศระดับกลางในฐานะพลขับให้กับนายทหารระดับสูงในเขตปลอดทหาร

อย่างไรก็ตาม โอระบุว่า ภาวะอดอยากยังคงเป็นชีวิตส่วนใหญ่ของประชากรในประเทศยากจนแห่งนี้ “หากคุณไม่มีเงินหรืออำนาจ คุณก็ตายอยู่ในคูน้ำ” โอระบุ

อดีตนายทหารเกาหลีเหนือผู้ที่ระหว่างรักษาตัวถูกตรวจพบพยาธิอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก ผลจากการที่เกาหลีเหนือใช้อุจจาระเป็นปุ๋ยสำหรับการเพาะปลูก ระบุด้วยว่าในเกาหลีเหนือนั้น “คนส่วนใหญ่มีพยาธิ”

“ในกองทัพ ทหารใช้จานชามซ้ำโดยที่ไม่ได้ล้าง แต่พยาธิก็ไม่เติบโตหากร่างกายไม่แข็งแรง ในกรณีผมที่มีพยาธิก็เพราะร่างกายผมแข็งแรง”

 

โอเล่าด้วยว่า แม้ตนจะเกิดในครอบครัวนายทหาร เป็น “ประชากรระดับบน” และมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีกับผู้นำเกาหลีเหนือแต่อย่างใด

“ในเกาหลีเหนือ ผู้คนโดยเฉพาะคนอายุน้อยรุ่นใหม่ไม่ได้ใส่ใจคนอื่น ใส่ใจการเมืองหรือแม้แต่ผู้นำเท่าไรนัก และไม่ได้มีความจงรักภักดีแต่อย่างใด” โอระบุ และเล่าว่า ตนก็ไม่ได้สนใจกับการจงรักภักดีผู้นำ และไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะรู้สึกอย่างไรด้วย

นอกจากนี้ โอยังระบุด้วยว่า “คนในยุคผมราว 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สนใจหรือจงรักภักดีกับคิม ไม่ใช่เพียงเพราะการที่ไม่สามารถทำให้คนอยู่ดีกินดีได้เท่านั้น แต่เป็นเพราะระบบสืบทอดอำนาจทางสายเลือดยังคงมีต่อเนื่องต่อไปด้วย”

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า คนในประเทศเกาหลีเหนือนั้นชอบสินค้าญี่ปุ่นมาก โดยยกตัวอย่างถึงรถยนต์นิสสันเพโทรล จะมีให้เจ้าหน้าที่ทางการใช้โดยเฉพาะ

“ชาวเกาหลีเหนือประณามญี่ปุ่นเกี่ยวกับการเมือง แต่เคารพญี่ปุ่นในเรื่องเศรษฐกิจ” โอระบุ

นับเป็นการเปิดอีกมุมมองของเกาหลีเหนือให้เราได้เห็นสภาพสังคมภายในได้ไม่มากก็น้อย