วิเคราะห์ : ถนนสายบูรพาพยัคฆ์ กับวงศ์เทวัญway ทหารแบ่งก๊ก ลงสนามการเมือง จับตาทหาร ทีม ‘ป้อม’ – ทีม ‘แม้ว’ ศึกสายเลือดเตรียมทหาร ภาค 2

บนถนนสายบูรพาพยัคฆ์กับวงศ์เทวัญ wayทหารแบ่งก๊ก ลงสนามการเมือง จับตาทหาร ทีม ‘ป้อม’ – ทีม ‘แม้ว’ศึกสายเลือดเตรียมทหาร ภาค 2

 

นับถอยหลัง ใกล้เวลาที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะเปิดตัวว่าจะเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะพรรคก็เปิดตัวและมีอดีต ส.ส.แห่เข้าพรรคกันเป็นจำนวนมาก

แต่ทว่า ก็ได้แบะท่าเปิดทางให้พรรคการเมืองมาทาบทามเพื่อเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยการให้เข้ามาพูดคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่การพูดผ่านสื่อ

“เอาไว้ผมจะพูดอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

อีกทั้งถูกตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจในเส้นทางเดินบนถนนสายการเมืองสายนี้ไม่น้อย เพราะกระแสพรรคพลังประชารัฐและคะแนนนิยมของตนเองยังไม่ตก โดยเฉพาะพลังดูดที่ยังคงมีพลังอย่างต่อเนื่อง

โดยเป็นที่รู้กันดีว่า งานนี้ทั้งพี่ใหญ่และพี่รองคือ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็เป็นกองหนุนสำคัญเต็มที่

พล.อ.อนุพงษ์ที่คุมโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” และงบฯ มหาศาล ก็โหมลงพื้นที่ และกระจายงบฯ ให้ลงไปในทุกพื้นที่ที่แม้จะเป็นงานของรัฐบาล แต่ก็ถูกจับตามองว่าเอื้อต่อการสร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

ส่วน พล.อ.ประวิตรก็ตกเป็นข่าวในหมู่นักการเมือง ในฐานะผู้ประสานงานให้พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการเจรจากับอดีต ส.ส.เพื่อมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในห้วงที่ผ่านมา

จนทำให้เคยปรากฏข่าวอดีต ส.ส.อีสานมุดเข้าบ้าน ร.1 รอ. เจรจากับ พล.อ.ประวิตรมาแล้วหลายครั้ง

โดยโฟกัสไปที่นายพลอีสานที่ได้ชื่อว่า “เด็กบิ๊กป้อม” ที่มีบทบาทสำคัญในการเดินสายเจรจามาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จนตอนนี้นายพลคนเดิมได้ยศสูงขึ้น แต่ขยับออกมาจากภาคอีสาน แต่ยังมีบารมีและคอนเน็กชั่นกว้างขวาง

แถมมีชื่อของ พล.อ.ประวิตรเป็นใบเบิกทางด้วย

แต่เพราะในพรรคพลังประชารัฐมาจากหลายกลุ่ม หลายขั้ว หลายก๊วน จึงทำให้มีการเหยียบตาปลากันขึ้น จนทำให้อดีตนายพลอีสานถูกปล่อยข่าวสะกิดว่าไปยุ่มย่ามในพรรคมากเกินไป

ร้อนถึง พล.อ.ประวิตรต้องออกมายืนยันว่า ตนเองไม่เคยไปเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคพลังประชารัฐ ไม่เคยส่งทหารไปช่วยทำอะไรในพรรค อีกทั้งทหารในกองทัพก็สนิทกับผมทั้งนั้น เป็นเด็กผมหมด

“ใคร ทหารคนไหน เอาชื่อมา เพราะมีพวกที่ชอบเอาชื่อผมไปอ้างตลอด อ้างทุกวัน อ้างทุกเรื่อง แต่จะทำไงได้ ก็ไปเชื่อเขาทำไม” พล.อ.ประวิตรระบุ

ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตรยังคงถูกจับตามองว่ายังคงช่วยอยู่เบื้องหลัง

ไม่ว่าหลังการเลือกตั้ง หากได้กลับมาเป็นรัฐบาล ส่วน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีอยู่ต่อไปหรือไม่ก็ตาม แต่ 3 พี่น้องก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว

โดยมีบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ และเพื่อนรักเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นกองหนุนเงียบๆ อยู่อีกแรงหนึ่ง

 

ขณะที่ในอีกฟากฝั่งหนึ่ง นายทหารที่อาจถูกเรียกว่าแตงโม หรือที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็ขยับสู่สนามการเมือง

ไม่ใช่แค่มีบิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. เพื่อนรักเตรียมทหาร 10 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ และบิ๊กแมว พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯ สมช. เข้าพรรคเพื่อไทย และมีบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว

โดยเฉพาะ พล.อ.พฤณฑ์ นั้นลดบทบาทตัวเองมาตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ถูกประกบติดอยู่เป็นปี จนมาถึงรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง เพราะรู้ว่าถูก คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อน ตท.10 จับตามอง แต่ที่สุดก็ต้องลงสู่สนามการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้

แม้จะไม่ใช่คนดังที่คนทั่วไปจะรู้จัก แต่สำหรับทหารในกองทัพแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บิ๊กป๋อม หรือ เสธ.ยอร์ช พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่เพิ่งเกษียณราชการ จะเลือกเดินบนถนนสายการเมือง และเข้าร่วมกับพรรคไทยรักษาชาติ พรรคที่เชื่อกันว่าเป็นพรรคส่วนแยกของพรรคเพื่อไทย

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า นอกจากมีฉายาว่า “มากมิตร” มากคอนเน็กชั่นแล้ว พล.อ.ยศนันท์ก็ยังมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ และถูกมองว่าเป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญที่สนิทสนมกับบิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. เพื่อนเตรียมทหาร 10 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ เพราะเติบโตมาจาก ร.1 รอ. และ พล.1 รอ. มาด้วยกัน

พล.อ.ยศนันท์ เตรียมทหาร 16 ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่งของนายทหารสายวงศ์เทวัญในยุคก่อน เพราะเติบโตมาใน ร.1 รอ. ตั้งแต่เป็นรอง ผบ.พัน ร.1 พัน 1 รอ. และ ผบ.ร.31 พัน 2 รอ. ก่อนมาเป็น ผบ.พัน ร.มทบ.11 และถึงขั้นเป็น ผบ.ร.1 รอ. ในปี 2546

จากนั้นเมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามายึดกองทัพบกของสายบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี เมื่อบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อนเตรียมทหาร 10 ของนายทักษิณ ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ต่อจากบิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิวัติ คมช.

ชีวิตราชการทหารของ พล.อ.ยศนันท์ก็ถูกเบี่ยง จากที่ต้องขยับขึ้นเป็นรอง ผบ.พล.1 รอ. ตามไลน์สายวงศ์เทวัญ ก็ต้องไปเป็นรอง ผบ.มทบ.11 และหลุดไลน์ไปเป็นรอง ผอ.สำนักงานวิจัยและพัฒนา ทบ. และได้เป็นพลตรีในตำแหน่ง ผบ.พล.ร.11 ฉะเชิงเทรา

จากนั้นก็ต้องหลุดไลน์ไปโตที่หน่ายบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) เป็นรอง ผบ.นรด. และเป็น ผบ.นรด. ที่เทียบกับเป็นแม่ทัพภาคที่ 7 ที่สามารถลุ้นเป็นห้าเสือ ทบ.ได้ โดยที่เขาลุ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. แต่ก็พลาดหวัง เป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เพราะมีแต่นายทหารสายบิ๊กตู่ บิ๊กป้อม เท่านั้นที่ขยับขึ้นมา ก่อนที่จะถูกเตะโด่งไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

“ถึงเวลาแล้วที่ทหารทุกคนต้องยืนเคียงข้างประชาชน หมดยุคของอำนาจเผด็จการมาปกครองประเทศแล้ว บทเรียนจากการยึดอำนาจ 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า ประเทศชาติไม่เจริญก้าวหน้า ประชาชนเดือดร้อน…”

พล.อ.ยศนันท์ระบุ

(ซ้าย) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ขวา) พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ

พล.อ.ยศนันท์ เป็นเพื่อน ตท.16 ของทั้งบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรีและอดีต ผบ.ทบ. และบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรีและอดีต ผบ.ทอ. แต่ทว่า เป็นเพื่อนซี้ของบิ๊กอุ๋ย พล.อ.พอพล มณีรินทร์ อดีตรองปลัดกลาโหม

ไม่แค่นั้น ยังมีข่าวสะพัดในกรมกองว่า มีนายทหารสายวงศ์เทวัญหลายคนที่แม้จะไม่ได้ออกหน้ามาเข้าพรรคเพื่อไทย หรือไทยรักษาชาติ แต่ก็พร้อมเป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อต่อสู้กับทหารเบอร์ใหญ่ที่หนุนหลังพรรคพลังประชารัฐอยู่

จนทำให้สนามการเมือง ศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นไม่ว่าเดือนไหนในปีหน้า เป็นประหนึ่งสนามรบการเมืองของนายทหารที่เคยกินข้าวหม้อเดียวกันมาตอนเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อย จปร. และโรงเรียนนายร้อยเหล่าทัพ

ที่ส่อเค้าว่า ศึกสายเลือดเตรียมทหาร และศึกสายเลือด จปร. ภาค 2 จะอุบัติขึ้นอีกครั้งในอีกไม่ช้านี้

ขณะที่บิ๊กติ๋ม พล.อ.อ.สมชาย เธียรอนันท์ ที่เข้าพรรคไทยรักษาชาติด้วยนั้น นอกจากเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้เตรียมทหาร 10 สายทหารอากาศของอดีตนายกฯ ทักษิณแล้ว ยังสนิทสนมกับบิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เพื่อน ตท.10 อดีต รมว.กลาโหมในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อีกด้วย

แต่ที่ดูมีนัยสำคัญไม่น้อยคือ พล.อ.อ.สมชายไม่เคยคิดอยากลงเล่นการเมือง แต่จู่ๆ ก็ตัดสินใจ และถูกจับตามองว่าเป็นสายตรงของบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะสนิทสนมกับคุณหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์ อย่างมากอีกด้วย

สมัยก่อนเป็นอดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ และลาออกมาเป็นบอร์ดวิทยุการบินฯ และเป็นคนเก่งของรุ่นในทัพฟ้า ถือว่าเป็นนายทหารอากาศสายบ้านจันทร์ส่องหล้า

ขณะที่กองทัพยังคงนิ่งสงบ ปล่อยให้นักการเมืองเคลื่อนไหวกันตามครรลอง แต่ทว่าก็มีการเกาะติดความเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา ในนามกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช.

บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ หลังจากที่ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนไม่รับประกันเรื่องปฏิวัติรัฐประหารไปก่อนหน้านี้

แต่ก็คอยทำหน้าที่กองหนุนให้รัฐบาล คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งการดูแลความสงบเรียบร้อย การสร้างความเข้าใจ การสนับสนุนโครงการไทยนิยมยั่งยืน การจัด “ศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่” เข้าไปในหมู่บ้าน

รวมทั้งการทำหน้าที่ของ ผบ.ทบ. ในการเดินสายตรวจเยี่ยมทุกกองทัพภาค รวมทั้งชายแดนใต้

โดยมุ่งเน้นไปในการทำหน้าที่นายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) และ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ทม.รอ.904 ในการเตรียมการรองรับภารกิจต่างๆ

โดยเฉพาะการสร้าง “ทหารต้นแบบในอนาคต” ด้วยการให้ทหารของ ฉก.ทม.รอ.904 มาฝึกอบรมผู้ฝึกทหารใหม่ เพื่อให้มีการฝึกทหารใหม่ในรูปแบบเดียวกันหมด เพื่อให้เป็นทหารที่มีระเบียบวินัย เป๊ะหัวจรดเท้า และตลอดเวลา

รวมทั้งการคัดเลือกนายทหารในกองทัพบกไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ และหลักสูตรจิตอาสา ที่ทำให้นายทหารในกองทัพฟิต สมาร์ตมากขึ้น โดยเฉพาะทหารในส่วนของ พล.1 รอ.

โดยมี พล.อ.อภิรัชต์เป็นต้นแบบ เพราะแสดงออกถึงความเป็นนายทหารที่สมาร์ต เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว แม้แต่การลงพื้นที่ภาคใต้หรือกองทัพภาคต่างๆ ที่แต่งชุดพราง ทม.รอ. ที่ยิ่งทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ดูเป๊ะมากขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างให้ทหารในกองทัพ

จึงทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ไม่ได้ถูกจับตามองถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ มากนัก

แต่หลายฝ่ายกำลังจับตามองบทบาทของ พล.อ.อภิรัชต์ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งครั้งนี้แบบจ้องเขม็ง

เพราะในความสงบนิ่ง ย่อมเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวทั้งสิ้น…