กรองกระแส / เลือกตั้ง 2562 เผด็จการ ประชาธิปไตย อนาคตประเทศ

กรองกระแส

 

เลือกตั้ง 2562

เผด็จการ ประชาธิปไตย

อนาคตประเทศ

 

ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของพรรคอนาคตใหม่

คือการปราฏขึ้นของ 2 แนวรบ 2 แนวทางในทางการเมืองซึ่งสะท้อนความแตกต่างออกมาอย่างสิ้นเชิง

เหมือนดำกับขาว เหมือนมืดกับสว่าง

3 พรรคแรกประกาศอย่างเด่นชัดว่าเห็นด้วยกับรัฐประหาร เห็นด้วยกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลอันมาจากรัฐประหาร เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจทางการเมืองของ คสช.อันมีพื้นฐานมาจากการรัฐประหาร

บางคนถึงกับสรุป “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

ขณะเดียวกัน 3 พรรคหลังประกาศอย่างเด่นชัดว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ไม่เห็นด้วยกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลอันมาจากรัฐประหาร ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจทางการเมืองของ คสช.อันมีพื้นฐานมาจากการรัฐประหาร

พวกเขาเห็นตรงกันว่า ต้องจัดการกับ “รัฐธรรมนูญ” อันเป็นผลพวงของ “รัฐประหาร” มีแต่การทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะนำพาประเทศไปสู่มิติใหม่ในทางการเมืองอย่างแท้จริง

 

แนวรบ 2 แนว

เลือกตั้ง 2562

 

เด่นชัดอย่างที่สุดว่าการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นในเดือนพฤษภาคม 2562 ไม่มีทิศทางอื่นนอกจาก 2 ทิศทาง 2 แนวรบนี้เท่านั้น

1 ทิศทางแห่งการสนับสนุน คสช. 1 ทิศทางแห่งการรับรองความสำเร็จของ คสช.

1 ทิศทางแห่งการคัดค้าน ต่อต้าน คสช. 1 ทิศทางแห่งการไม่ให้การรับรองผลงานภายหลังการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาว่าเป็นความสำเร็จ ตรงกันข้าม กลับเป็นความล้มเหลวและนำพาประเทศเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความอับจน

นี่คือ 2 แนวรบที่จะต้องสัประยุทธ์กันอย่างชนิดหมัดต่อหมัด คำต่อคำ

ในที่สุดแล้ว คสช.ก็จะต้องประกาศจุดยืนและท่าทีของตนออกมาว่าจะเลือกอยู่กับพรรคการเมืองใด โดยเปิดเผย ตรงไปตรงมา เพื่อเป็นปัจจัยนำไปสู่การตัดสินและเลือกของประชาชนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด พรรคการเมืองใด

แท้จริงแล้ว การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคือการให้คะแนนว่านับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา คสช.ประสบความสำเร็จหรือว่าล้มเหลว

หากเห็นว่าสำเร็จก็เลือกพรรคฝ่าย คสช. หากเห็นว่าล้มเหลวก็เลือกพรรคฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับ คสช.

 

ไม่มีสามก๊ก

มีแต่ 2 แนวราบ

 

มีความพยายามจะเสนอทฤษฎีอันเป็นผลสะเทือนมาจากยุค “สามก๊ก” ในตอนปลายราชวงศ์ฮั่นของจีนเข้ามาประสานกับการเมืองไทยหลังการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เหมือนกับจะเป็นอีก “ทางเลือก” ของสังคมไทย

แต่ความเป็นจริงของรัฐประหารอันสะท้อนความต่อเนื่องจากเมื่อเดือนกันยายน 2549 มายังเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 โดยเฉพาะในยุคแห่ง คสช.ได้สร้างความแจ่มชัดให้บังเกิดขึ้นในความรับรู้ของคนไทยมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

สถานการณ์ได้ค่อยๆ แยกจำแนกแต่ละพรรคการเมืองออกมาเหมือนกับในเบื้องต้นมีพรรคตระกูลพลังกับพรรคตระกูลเพื่อ

แต่ในที่สุดความแจ่มชัดนั้นก็ยืนยัน

ฝ่ายหนึ่ง คือ พรรคฝ่ายของผู้ที่เห็นด้วยกับรัฐประหาร เห็นด้วยกับ คสช. เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ฝ่ายหนึ่ง คือ พรรคฝ่ายของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ไม่เห็นด้วยกับ คสช. ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ คสช.

นี่แหละคือความเป็นจริง ณ เบื้องหน้าประชาชน

 

เลือกตั้ง 2562

อนาคตประเทศ

 

การเลือกตั้งในปี 2562 ได้มาถึงจุดที่สำคัญเป็นอย่างมากของการตัดสินใจเลือกของประชาชน นั่นก็คือ เห็นว่ากระบวนการบริหารอย่างที่เห็นนับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นอย่างไร เป็นทิศทางที่จะต้องสืบต่อต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปี อย่างมาก 20 ปีหรือไม่

หรือว่ายังมีทิศทางอื่นที่เป็นประโยชน์และเป็นคุณกับประเทศชาติและสังคมไทยมากกว่า ประเทศชาติและสังคมไทยไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแต่กับ คสช.และยุทธศาสตร์ของ คสช.

“ปฏิมา” ทางการเมือง คสช.คือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

การดำรงคงอยู่ของ คสช.คือ การดำรงคงอยู่ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 หากไม่ต้องการให้ คสช.ดำรงคงอยู่ การปฏิเสธ คสช.จึงมีบทบาทและความหมาย เพราะเท่ากับเป็นการปฏิเสธโดยไม่เลือกเพื่อที่จะนำไปสู่การจัดการกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

เพื่อเบิกสถานการณ์ใหม่ให้ประเทศชาติพ้นไปจากยุค คสช.และผ่านจากเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย