การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ จริงที่สุดก็คือการที่…

เกือบจะหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ตัวฉันยังสั่นกระตุกอยู่เบาๆ อีกห้าหกครั้ง ก่อนที่พี่โสมละมือห่าง อดไม่ได้ที่จะโอบแขนรัดรอบคอนั้นไว้อีก ในอ้อมอกกว้างที่ยังแนบร่างชิดกันอยู่ ฉันรู้สึกพอใจกับมัน

“ดีไหม” หล่อนกระซิบถาม

“อือ” ฉันแค่ผงกหัวตอบ “เหนื่อย”

“ดีสิ ออกกำลังกาย” หล่อนว่า ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ

ฉันได้กลิ่นเหงื่อของตัวเอง และอีกมากกว่านั้นที่รวยรินขึ้นมาจากซอกขา มีความเหนอะหนะเพิ่มมากขึ้นในตัว ต่างจากร่างสูงกลับยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลั้วมา

“อีกมั้ย”

“บ้า” ฉันตอบทันควัน “เดี๋ยวเขาก็มากันพอดี”

“ยังหรอก นี่แค่เดี๋ยวเดียว”

“ว่าไปเรื่อย” ฉันแย้งอีก “ตั้งนาน”

“ไม่นาน” นัยน์ตาของพี่โสมเกลื่อนยิ้ม “วันนี้เร็วมาก พี่ยังงงๆ อยู่เลย”

“งงอะไร”

“…ก็ว่า…ไปอยากมาจากไหน”

 

มีหลายต่อหลายครั้ง ที่ฉันได้เรียนรู้ว่า การพูดจาหยาบคาย หรือใช้คำพูดตรงๆ ในช่วง “พิเศษ” นั้น ทำให้ทั้งอีกฝ่ายและฉันมีความรู้สึกเข้มข้นขึ้น หลายคน…หลายร่างที่ผ่านร่างฉันไป หรือที่ฉันได้ผ่านมา ทำให้รู้เพิ่มอีกว่า ในความดิบ ความเถื่อน จนบางครั้งเสมือนพวกเราเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง ก็ทำให้ “ถึง” ได้อย่างรุนแรง

ผู้หญิงผมยาวคนนี้เช่นกัน นับตั้งแต่ฉันคลุกคลีกับหล่อนมา หล่อนเต็มไปด้วยความเข้มข้นของปรารถนา มีสิ่งที่ผิดแผกไป ระหว่างคนที่อยู่ในสายตาคนอื่น กับคนที่อยู่ต่อหน้าฉัน

หรือฉันจะเหมือนกัน…ยามอยู่กับคนอื่น อยู่กับหวาน ฉันก็ไม่เหมือนอยู่กับจอมฝัน แต่อยู่ต่อหน้าจอมฝัน ฉันก็ไม่ใช่ตัวเองอย่างที่ควรเป็น

แล้วฉันเป็นแบบไหน จริงๆ แล้วฉันเป็นคนอย่างไร

ฉันคือคนที่ต้องการรักโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องใคร่ หรือฉันคือคนที่เอาแต่ใคร่ โดยใจไม่เคยสำเหนียกรัก

ฉันรักใคร…

 

“อีกรอบนะ”

หล่อนจรดริมฝีปากลงมาแผ่วเบาข้างหู ฉันรู้ว่า พี่โสมเองแน่ใจ ในระยะไกลจากกระท่อมใต้ร่มมะแฟนกับที่เราอยู่ ไม่มีใครดูเรา หรือถ้ามองมา พวกเขาก็จะมองไม่เห็น

มันก็ให้ความรู้สึกดาลใจไม่น้อย กับการอยู่ในที่สายลมพัดพรมทั่วร่าง เรามองเห็นฟ้ากว้าง เห็นแปลงต้นกล้า เห็นก้อนเมฆสีขาวบนโน้น เห็นภูเขามีแสงเงาตกกระทบจนเกิดเป็นเฉดสีแตกต่าง เพ่งตามองดีๆ ยังเห็นถึงรอยทางที่เราปั่นจักรยานเข้าออกทุกวัน

“…เดี๋ยวเขาก็มากัน”

“ยังหรอกน่า” หล่อนว่าอีก “นะ อีกที พี่ชอบแบบนี้”

นี่คืออีกสิ่งที่ดีระหว่างเรา หล่อนกับฉัน เรามีสิ่งที่ชอบพอใจคล้ายคลึงกัน แม้ว่านอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว แทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก

ฉันไม่อยากรู้อะไรที่หล่อนไม่ได้เล่า แต่ถ้าเล่าก็ฟัง

ฉันไม่เบื่อเมื่อได้อยู่กับหล่อน แต่ไม่เดือดร้อนอะไร หากจะไม่ได้พบกัน

แต่กับเด็กผมขอดมีบางสิ่งที่ต่างกัน ฉันคิดว่า เด็กตัวขาวขี้แยคนนั้น ที่เคยเป็นน้องสาวของอ้ายหมารอยยังน่าเอ็นดูอยู่ในห้วงทรงจำ ยังจำใบหน้าที่น่าเป็นห่วง สงสาร แต่คนที่ “โตแล้ว” นั่นสิ หลายคราวเคยคลุกเคล้าคลอเคลียกัน ฉันก็แค่ทำ

…แค่ทำไป

 

แล้วหล่อนก็ไม่ถามฉันอีก ผู้หญิงผมยาวสวมกางเกงยีนส์สีฟ้า ท่ามแสงแดดเจิดจ้าของเที่ยงวัน หล่อนเลิกชายเสื้อฉันขึ้น แตะปากร้อนเข้ามาครอบครองจุดกลมบนเนื้อนมฉัน

ยังให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อย ฉันควรจะปล่อยเรื่องทุกๆ คนหายออกจากหัวสมองไป

ไม่ควรเหลือที่ว่างให้ใครทั้งนั้น

[กินฉันเถอะ กินฉัน

ได้โปรดขบเคี้ยวและดูดกลืนทุกสิ่งเหล่านั้น

จนสูญหาย

เนื้อฉันจะอ่อนนุ่มรอละลาย

ร่างฉันจะคายทุกหยาดเหลวกลั่น

คั้นสิ

กลืนฉันลงไปเถอะ กลืนเสีย

ด้วยเปลวไฟของเธอที่แลบเลีย

ทุกที่

จะรองรับปากลิ้นด้วยยินดี

ทุกเวลานาทีจงทำลายฉัน…]

 

หล่อนมีริมฝีปากที่ร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับมือใหญ่ แต่ฉันไม่เห็นสายตาคู่นั้นเลยเมื่อใบหน้าหล่อนเอาแต่แนบคลุกซุกเข้ามา มีกลิ่นแป้งหอมจากร่างกายของหล่อนอีก พลางปะปนกับกลิ่นหญ้าลอยมาในอากาศ ต้นขาของฉันเกร็งมากขึ้นทุกที มีความฉ่ำชื้นเอ่อท้น ขณะในหัวมีบทกวีเหยียดยาว

[…ทุกเวลานาทีจงทำลายฉัน

กินฉันเถอะ กินฉันให้หมด

กลืนไปเลยทุกหยดรสชาตินั่น

พาฉันล่องไหลไปนิรันดร์

จะได้ไม่ต้องฝันถึงใครเลย]

ฉันคัดเลือกบทกวีอีกหลายบท บรรจงเขียนแต่ละบทลงในกระดาษสมุดมีเส้น ลงชื่อด้วยนามปากกาตั้งใหม่ พับมันอย่างประณีตใส่ซอง จ่าหน้าถึงสำนักงานนิตยสาร แล้วเฝ้ารออยู่ทุกวันว่า จะมีข่าวส่งมาไหม

ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า ถ้าบทกวีได้ลงในหนังสือ จะมีโอกาสเห็นบ้างไหม ในตัวอำเภอมีร้านหนังสืออยู่เพียงเจ้าเดียว เลียบๆ เคียงๆ ไปทีไรก็ไม่ค่อยเห็นนิตยสารที่เฝ้าคอย

เคยถาม…เขาก็บอกว่า หนังสือมาน้อย ส่วนเล่มที่เคยเปิดผ่านๆ ก็ไม่เห็นมีบทกวีของฉันแต่อย่างใด

แอบคิดว่า ถ้าได้เงินค่าจ้างประจำ “วีก” ต่อจากนี้ ฉันควรจะแบ่งเอาไปซื้อหนังสือดูที จะมีหรือไม่มีบทกวีของฉันก็ช่างเถอะ

 

หล่อนยังคลุกเคล้าเอาฉันอย่างไม่เบื่อหน่าย นั่นคืออีกสิ่งที่ฉันพอใจในความสัมพันธ์ของเรา

ในวันที่แสงแดดแผดกล้าเหนือผืนดิน มีลมอบอ้าวพัดไล้เหงื่อ เมื่อเพื่อนร่วมงานอื่นๆ ยังไม่กลับมา ทุกคนรวมถึงหวานและจอมฝัน คงกำลังเพลิดเพลินอยู่กับวงอาหารในที่ห่างออกไป

…หวานจะเริงร่าอย่างทุกวันไหม

ให้ตายสิ ฉันนึกถึงทำไม

ฉันควรเอาใจตัวเองไว้กับแสงดาวในความคิดฝัน ประกายตาเย้าหยอกบนใบหน้าสีน้ำผึ้งแสนซนนั่น จินตนาการว่าที่มารุกล้ำโลมไล้ไม่ใช่ใครอื่น

แค่หลับตาฝันไป…ทั้งในตลอดแห้งผากหรือชุ่มชื้น

[แต่เธอรู้อะไรไหม

บางครั้ง ในแววตาที่ชาเฉย

กับทุกสิ่งที่คุ้นเคย

ฉันไม่เคยเป็นคนที่เธอรู้จัก

เธอไม่ควรไว้ใจฉัน

คนที่มีแต่ก้อนหินถ่วงหนัก

พวกเธอเป็นคนดี คนที่น่ารัก

เส้นทางของเธอควรมีแต่เรื่องดีดี

แต่เธอรู้อะไรไหม

ยามที่ฉันคิดมากมายอยู่ตรงนี้

ลึกแล้วในใจก็ไยดี

อยากให้ทุกคนมีแต่ความสุขใจ

แต่เธอรู้หรือเปล่า

เมฆที่ลอยเหนือภูเขามันร้องไห้

สายฝนหล่นลงเมื่อใด

ที่แอบปะปนไปคือน้ำตา]

 

ฉันรู้ว่า เนื้อตัวของฉันจะตอบรับการกระทำแบบไหน เมื่อผู้คนต่างๆ เข้ามาใกล้ อย่างผู้หญิงตัวสูงที่ก็ใช้ร่างกายของหล่อนมอบรสให้ร่างกายฉัน นอกจากนั้น ฉันรู้ว่าตัวเองจะตอบสนองอย่างไร แต่สิ่งที่ฉันไม่รู้เลยจริงๆ คือตกลงตัวเองเป็นคนแบบไหน ฉันคิดว่าถ้าได้นอนกับใครสักคน คงพอจะมีความสุข ก็ไม่ใช่ ฉันตั้งใจทำงาน แต่ก็แค่การต้องดำเนินชีวิตไป ช่างมีคำถามมากมายที่หาคำตอบไม่พบ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่า เส้นทางของฉันจะจบลงตรงที่ใด

จริงที่สุดในห้วงเวลาหนึ่งๆ ก็คือตอนที่ฉันไปถึงจุดสุดยอดก่อนการแตกสลาย จริงที่สุดในห้วงเวลาหนึ่งๆ ก็คือตอนที่ฉันกลายเป็นตัวอักษรในอากาศ ด้วยการต่อร้อยถ้อยคำในหัวเป็นบทกวี จริงที่สุดก็คือการที่ฉันกลับมาสู่การกระตุกถี่ๆ กล้ามเนื้อไหวเต้น หัวใจไหวเต้น ทั้งร้อนอ้าวและเยียบเย็นอยู่ในอ้อมอกที่ไม่เคยรัก