จดหมาย มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 พ.ย. 2559

พระมหากษัตริย์ของเรา

วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นวันที่เศร้าสลดของพสกนิกรในไทยและทั่วโลก

รู้สึกใจหาย แต่จิตก็ยังคงระลึกถึงพระองค์ว่ายังอยู่

ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน

เข้ามาแล่นอยู่ในสมองของผม

การดำรงตน อยู่ในฐานะพระมหากษัตริย์ ฐานะประมุขของประเทศไม่ง่ายเลย

ทรงลำบาก ตรากตรำ เพื่อพสกนิกร

โดยเฉพาะท้องถิ่นที่ทุรกันดาร และทุกเรื่องที่ฝ่ายบริหารขาดตกบกพร่อง ทรงคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้

ไม่ว่าจะเป็น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวิวัฒนาการใหม่ๆ ฯลฯ

แม้กระทั่งกษัตริย์ และผู้นำประเทศทั่วโลก นำวิธีการปฏิบัติ วิธีการแก้ปัญหา ไปปรับใช้

แม้กระทั่งวิธีคิดของพระองค์ ก็นำไปเป็นแบบอย่าง ถึงขนาดองค์การสหประชาชาติ ถวายรางวัลและให้ทั่วโลกเอาเป็นแบบอย่าง

แม้แต่กษัตริย์บางประเทศก็ทรงนำแบบอย่างของพระองค์ไปปฏิบัติก่อนหน้าแล้ว

ที่มีคำกล่าวว่า “ทรงทศพิธราชธรรม” ที่ผู้นำรัฐบาลในอดีตบางคนอธิบายว่า ทรงว่าใครก็ไม่ได้ จะทรงชมใครก็ไม่ได้ เพราะจะเกิดการแบ่งแยก

จะทรงว่าหรือติชมใครตรงๆ ก็ลำบาก ต้องทรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม

บางครั้งทรงเห็นปัญหา พระองค์ทรงลงมาดูปัญหาด้วยพระองค์เอง

พระองค์ท่านทรงติดดิน ถึงขนาดมีชาวบ้านเห็นพระองค์ท่านทรงขับรถยนต์มาดูรายละเอียดความเป็นอยู่ของพสกนิกรด้วยพระองค์ท่านเองทีเดียว

ฐานันดรกษัตริย์ ทรงสืบเชื้อสายมายาวนาน ย่อมต้องไม่มีสิ่งใดเป็นที่ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาทอยู่แล้ว

ทั้งยังมีพี่เป็นกษัตริย์ มีเพื่อนกษัตริย์อยู่ทั่วโลก ทรงพระเกษมสำราญได้อย่างกษัตริย์ทั่วไปอยู่แล้ว

แต่ปรากฏดังที่พสกนิกรทั่วโลกเล็งเห็นแล้วว่าหลังจากพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์และทรงไปแนะนำพระองค์ยังประเทศต่างๆ ตามประเพณีแล้ว พระองค์ไม่เสด็จต่างประเทศอีกเลย

พระองค์ทรงมีพระเสโทที่ทุกคนเห็นจนชินตาในการเยี่ยมเยียนดูแลทุกข์สุขประชาราษฎร์

ทรงมีเพื่อนไปตามที่ต่างๆ ก็คือพสกนิกรของพระองค์เอง

และที่ทรงเป็นที่พระเกษมสำราญก็คือ การได้เห็นพสกนิกรของพระองค์ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง

ไม่น่าเชื่อว่าระดับบริหารที่มีวุฒิภาวะมากพอ ไม่สามารถแก้ปัญหาและดูแลทุกข์สุขชาวบ้านโดยไม่รบกวนเบื้องพระยุคลบาทได้

เวลาบางส่วนของพระองค์ ได้ถูกแบ่งมาช่วยแก้ปัญหาความไม่ลงรอยกัน แบ่งพรรคแบ่งพวก

แต่ที่น่าละอายใจกับพวกที่มีความรู้กฎหมายดีพอ กลับไม่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา กลับให้เป็นภาระของพระองค์

ทรงลงมาอธิบายข้อกฎหมาย ที่ย้อนแย้งกันนั้น จนเป็นที่เข้าใจกัน และนำไปปฏิบัติ เรื่องถึงได้สงบลง

ตอนที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ต่างประเทศ มีประชาชนจำนวนมากไปส่งเสด็จพระองค์ท่าน และมีบางคนพูดเสียงดังบอกพระองค์ว่า “อย่าทิ้งประชาชน”

พระองค์ท่านทรงกล่าวตอบว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งเรา จะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

เป็นคำพูดที่พอระยะเวลาผ่านไป หลายคนนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ชอบอ้างประชาชน แต่ไม่ได้ทำตามที่อ้าง

พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่อาจกล่าวได้ว่าเหน็ดเหนื่อยกว่า

ใช้วิธีสานประโยชน์ให้คนในชาติ เกินกว่าคนที่อยู่ในรัศมีของพระองค์ท่านเข้าใจ

ถึงขนาดอยู่ในที่มีภยันตราย มีผู้นำน้ำใส่ขันมาถวายให้พระองค์ทรงดื่มแก้กระหาย ไม่แม้แต่คิดปองร้ายพระองค์เลย กลับช่วยพระองค์ให้ดำเนินพระราชภารกิจยังที่แห่งนั้นโดยลุล่วงไปด้วยดี

วิทยาการก้าวหน้าของโลก ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ไว้ให้มากมาย และหลายสิ่งพระองค์ทรงคิดค้นให้พสกนิกรไทยได้นำไปใช้

โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ที่เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็น “ฝนหลวง” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” สำหรับปรับปรุงคุณภาพน้ำ ทั้งยังทรงแนะนำเกษตรพอเพียงและเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย

ทรงเป็นแบบอย่างกษัตริย์ทั่วโลกแล้วยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ของโลกอีกพระองค์หนึ่งด้วย

มีนักเรียนหญิงระดับประถมคนหนึ่งแข่งขันตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ ซึ่งคำถามให้บอกชื่อนักวิทยาศาสตร์ของไทยมาคนละ 1 ชื่อ

เพื่อนๆ ที่เข้าแข่งขันได้ตอบชื่อนักวิทยาศาสตร์คนอื่นไปกันหมดแล้ว นักเรียนหญิงคนนี้นึกถึงพระองค์ได้ จึงตอบคำถามไปว่า

“มีนักวิทยาศาสตร์ของไทยพระองค์หนึ่งชื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ค่ะ” คณะกรรมการจึงให้เด็กหญิงคนนี้ชนะไป

ถึงพระองค์จากไป ก็ยังอยู่ในความทรงจำ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกดวง

เพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ไว้คงขับกล่อมพสกนิกรให้ระลึกถึงพระองค์ที่ได้แนะแนวทางไว้

บางคนได้ผ่อนคลายจากเพลงของพระองค์ ผู้ที่ติดสอยห้อยตามพระองค์ นำเรื่องกราบทูลพระองค์ว่า เห็นแม่บ้านในชนบทแห่งหนึ่งนั่งซักผ้าไปด้วย ฮัมเพลงพระราชนิพนธ์ไปด้วย

พระองค์ได้ฟังดังนั้นจึงตรัสว่า “เพลงของเราดี มีประโยชน์ ทำให้เสื้อผ้าสะอาดได้ด้วย”

แม้กระทั่งเอาใจใส่สุขภาพในการกินของคนไทย ทรงเคยตรัสว่าคนไทยสมัยใหม่ชอบกินอาหารฝรั่ง อย่างแฮมเบอร์เกอร์ อย่างนี้ไม่เหมาะกับคนไทย เพราะไม่มีสารอย่างอาหารไทย แถมคนไทยปากเล็กกว่าฝรั่ง กินลำบาก…ท่านทรงห่วงใยในทุกเรื่อง และมีรายละเอียด ที่เรานึกไม่ถึง

ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของทุกปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงออกมาพบปะประชาชนทั่วประเทศ ยังจำได้ครั้งหนึ่ง พระองค์ท่านได้ตรัสไว้พอจับใจความพอสังเขปได้ว่า “คนเราจะต้องแก่กันทุกคน แต่ไม่ใช่แก่แล้วแก่เลย จะต้องมีอะไรไว้เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลาน…”

ส่วนที่ขัดข้องหมองใจกัน ก็หาหนทางประสานกัน โดยนึกถึงพระองค์เป็นที่ตั้ง

รวมใจทุกดวงเข้าด้วยกัน พาประเทศเดินไปข้างหน้า

กมล ธงชัยขาวสอาด

แม้จะยาว

แม้บางเรื่องจะผ่านการรับรู้มาแล้ว

แต่ก็เชื่อว่า หลายคนอ่านแล้ว

รู้สึกตรงกัน

คือ หยุดไม่ได้ ต้องอ่านไปจนจบ

เรื่องของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เป็นเรื่องไม่รู้เบื่อของพสกนิกร