กาละแมร์ พัชรศรี : ชเวดากอง ครั้งหนึ่งต้องไป

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเดินทางไปกลับพม่า 3 รอบด้วยกัน!!!

เช้าไป เย็นกลับ มาทำงานแล้วไปต่อ กลับมาทำงานแล้วไปต่อ

ไม่ได้รับงานทัวร์หรือเป็นไกด์ หรือทำงานสายการบิน แต่มีใจที่อยากไปก็เท่านั้น

เมื่อได้ศึกษาพุทธศาสนามากขึ้น ทำให้ยิ่งรักและศรัทธา และด้วยแรงศรัทธานี้ทำให้เราอยากไปเจดีย์ชเวดากองสักครั้ง

จำได้ว่าตอนที่ได้ไปครั้งแรก ตะลึงกับภาพที่อยู่ข้างหน้ามาก องค์เจดีย์สีทองอร่ามตา คนพม่าเดินทางมาสักการะกันไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

และการไปในวัดของพม่านั้น เราต้องถอดรองเท้าตั้งแต่ก่อนเข้าวัดเลยทีเดียว เป็นการทำความเคารพสถานที่ที่นั้น แต่งตัวก็ต้องให้เรียบร้อย กระโปรงต้องคลุมน่อง ไม่ใช่แค่คลุมเข่า ถ้าไม่ได้ใส่ไป ก็ไปหาได้ที่วัด เพราะเขาจะมีให้เปลี่ยน

ไม่ใส่สายเดี่ยว

 

มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสำคัญต่อพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เพราะมีพระเกศาธาตุ หรือเส้นผมของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่

ความศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาของคนพม่านั้นถือว่ายิ่งใหญ่มาก เห็นได้จากลูกเล็กเด็กแดง ไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อมีโอกาสจะต้องบวชเป็นเณรหรือชีตั้งแต่ตัวเล็กๆ อายุน้อยๆ

ยิ่งช่วงเทศกาล ชาวพม่าจะเข้าวัดบวชชีบ้าง บวชพระบ้าง หรือไปช่วยงานในวัดก็ยังดี

เรียกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้บวชเรียน

เวลาจะใส่บาตรก็ขอให้ได้ทำอาหารด้วยตัวเองแล้วใส่บาตร ถวายดอกไม้หอมสวยงาม

และอีกสิ่งหนึ่งคนพม่าถือว่าเป็นมงคลของชีวิตมากๆ คือ การได้ถวายทองไว้ที่เจดีย์ชเวดากอง

ซึ่งเรื่องนี้ฉันได้ยินมาสักพักแล้ว ใจนั้นคิดเสมอว่า สักครั้งในชีวิตเราต้องถวายทองเอาไว้หุ้มเจดีย์แห่งนี้ให้ได้

พยายามถามคนที่ได้ไปว่าเราต้องทำอย่างไร ต้องมีเส้นสายหรือไม่ หรือฝากเงินไปได้ไหม

ในที่สุดฉันก็ทำด้วยตัวของฉันเอง…

 

พอได้สอบถามไกด์ที่ไปด้วย เขาก็บอกว่าตอนช่วงนี้เราสามารถทำบุญถวายทองได้ เพราะเขากำลังบูรณะองค์พระเจดีย์พอดี ฉันเลยไม่รอช้า แจ้งความจำนงพอดี

ตอนแรกทำบุญเปิดไฟเจดีย์ก่อน เราสามารถระบุได้ว่าจะทำบุญเปิดไฟวันไหน หรือไม่ระบุก็จะเป็นของวันนั้นเลย ตกเป็นเงินวันละ 15,000 จ๊าด (ตกเป็นเงินไทยประมาณ 320 บาท)

บริจาคแล้วได้ใบประกาศใบใหญ่มาก เขียนชื่อ เขียนวันของเราเสร็จสรรพ

ส่วนถวายทองนั้น 5 ปีจะมีการทำครั้งหนึ่ง ถ้ายังไม่ถึงเวลาจะบูรณะเขาก็จะไม่เปิดรับ หรือถ้าเต็มแล้วก็ไม่รับเช่นกัน นี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะได้ทำพอดิบพอดี

แผ่นหนึ่งก็ 810,000 จ๊าด (ประมาณ 18,000 บาท)

เขาจะมีเจ้าหน้าที่มาถ่ายรูปกับเรา พร้อมใบประกาศนียบัตร

ไกด์เล่าว่า มีครั้งหนึ่งเกิดพายุถล่มหนักมากที่ย่างกุ้ง พัดเอาทองหลุดจากเจดีย์ไป ภายใน 5 วัน คนพม่าเอาทองกลับมาคืนครบถ้วน

ไม่มีใครเอาทองจากเจดีย์ไปเลย

 

นอกจากนี้ ไปเจดีย์ชเวกองก็ต้องไปรดน้ำพระประจำวันเกิด ซึ่งเขาจะมีป้ายวันต่างๆ ติดไว้ที่เสา วิธีคือรดตามอายุแล้วบวกอีก 1 เช่น อายุ 40 ปี ก็รดไป 41 ขัน มี 4 อย่างที่ต้องรดคือ พระพุทธรูปประจำวันเกิด เทวดา เสา และสัตว์ประจำวันเกิด เราก็หาร 4 ตกที่ละ 10 ขัน และอีก 1 ขันเราก็รดที่พระพุทธรูปก็ได้ ไล่เรียงการรดคือ พระพุทธรูปก่อน แล้วไปรดเทวดา และไปรดที่เสา และมาที่สัตว์ด้านล่าง

สิ่งที่ต้องไปสักการะอื่นๆ มีอีกมากมายในชเวดากอง เช่น พระสุริยันจันทรา ที่คนมาขอเรื่องทำธุรกิจ ค้าขาย

เทพทันใจและพระอินทร์ที่ท่านยืนอยู่คู่กัน

พระอุปคุต ให้แคล้วคลาดปลอดภัย ในที่ทุกสถาน

พระราหู ขจัดอุปสรรค ทำอะไรให้สำเร็จ

พระธรรมะเศรษฐี พระพุทธรูปที่ผู้สร้างเจดีย์สร้างไว้

แม่ยักษ์ ผู้ปกป้อง ดูแลเจดีย์

จุดอธิษฐาน ขอพร

และอีกมากมายที่มีเรื่องราวเล่าขาน ยิ่งได้ฟังก็รู้เลยว่าชาวพม่ามีความเลื่อมใสศรัทธาต่อเจดีย์ชเวดากองแค่ไหน

นอกจากนี้ ฉันยังได้ตักบาตรพระ เณร ชี 800 กว่ารูป และได้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลสงฆ์อีกด้วย

 

เมื่อก่อนฉันไม่รู้หรอกว่า พุทธศาสนามีความสำคัญกับเราแค่ไหน จนเมื่อถึงเวลา เราถึงได้รู้ว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำนุบำรุง รักษา ปฏิบัติ ช่วยเผยแผ่เท่าที่ทำได้ เพราะเรารู้แล้วว่า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านำไปใช้ได้จริง เมื่อลงมือทำแล้วชีวิตดีขึ้น และเราได้รู้ถึงความเสียสละอย่างใหญ่หลวงมานับครั้งไม่ถ้วนของพระองค์

ไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ดีกว่า รักษาสิ่งที่ท่านทำไว้ สำนึกและลงมือทำ

น้อมส่งบุญในสิ่งที่ฉันได้ตั้งใจทำดีแล้วนี้ถึงผู้อ่านมติชนสุดฯ และทีมงานทุกคนด้วยค่ะ