โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ/พระผงอายุยืนพิมรูปไข่ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนา ตาคลี

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ

 

พระผงอายุยืนพิมรูปไข่

หลวงปู่สี ฉันทสิริ

วัดเขาถ้ำบุญนา ตาคลี

 

“หลวงปู่สี ฉันทสิริ” วัดเขาถ้ำบุญนาค ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พระเกจิชื่อดัง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง

เหรียญวัตถุมงคลที่จัดสร้างแต่ละรุ่น ล้วนแต่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะเหรียญ ปี พ.ศ.2519 ถือเป็นเหรียญพระใหม่อีกเหรียญหนึ่งที่ได้รับความนิยม

แต่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ “พระผงอายุยืนหลวงปู่สี”

สร้างขึ้นในปี 2517 โดยพระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ท่าเตียน กรุงเทพฯ

หลวงปู่สีมอบผงวิเศษที่ท่านขึ้นเองให้ไปพร้อมทั้งเกศา ชานหมาก น้ำหมากของท่าน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จึงนำมาให้หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง

 

นอกจากนี้ พระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ ยังได้นำส่วนผสมที่สำคัญของท่านมาเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ผงว่าน 108 ดอกบัวบูชาหลวงพ่อโสธร ขี้ธูปจากที่บูชา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม วัดชนะสงคราม วัดอรุณราชวราราม ขี้ธูปและดอกไม้จากศาลหลักเมือง ดอกไม้บูชาพระแก้วมรกต ดอกไม้บูชาพระนอนวัดโพธิ์ และศาลหลักเมืองที่สำคัญ เป็นต้น

เป็นพระผงพิมพ์รูปไข่ องค์พระมีความกว้าง 2 เซนติเมตร สูง 3 เซนติเมตร หนา 0.5 เซนติเมตร สร้าง 22,999 องค์ มีเนื้อต่างๆ ดังนี้ เนื้อพิเศษผสมชานหมาก น้ำหมาก เกศา จีวร จำนวน 999 องค์ เนื้อพิเศษผสมชานหมาก จำนวน 2,000 องค์ เนื้อธรรมดาแก่ปูนเปลือกหอย 20,000 องค์

ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่นั่งเต็มองค์ ด้านล่างเขียนว่า “อายุยืน” เป็นลายเส้นนูน ที่สังฆาฎิ มีอักขระขอมอ่านว่า “อะ นะ อะ”

ด้านหลังมียันต์สามเหลี่ยม ในขมวดยันต์ มีอักขระขอมอ่านว่า “มะ อะ อุ” ใต้ยันต์สามเหลี่ยมเขียนเป็นอักขระขอมว่า “พุท ธะ สัง มิ อะ อะ” คือ หัวใจพระไตรสรณคมณ์ที่มีพุทธคุณครอบจักรวาฬ ด้านล่างเป็นเลขไทย “๒๕๑๗” ด้านข้างบนเขียนว่า “หลวงปู่สี ฉนทสิริ”

เป็นวัตถุมงคลที่ควรค่าแก่การเสาะหาเก็บไว้บูชา

พระผงหลวงปู่สี (หน้า)

 

หลวงปู่สีเป็นชาวอำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์ มีนามเดิมลี เมื่อมีการใช้นามสกุล ท่านใช้นามสกุลว่า ดำริ เกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.2392 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 3

อายุ 11 ปี บิดานำไปฝากกับพระอาจารย์อินทร์ พระธุดงค์ซึ่งเคยเป็นสหายเก่า จึงตามพระอาจารย์อินทร์ตระเวนธุดงค์ไปด้วยกัน จากป่าดงดิบ จ.สุรินทร์ จนกระทั่งมาถึงกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2403 จากนั้นได้พามากราบนมัสการพระสหธรรรมิก คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพกวี

ได้รับการสั่งสอนธรรมะและถ่ายทอดวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระขอม ไทย และวิทยาคม รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิจิตจนแตกฉาน

พ.ศ.2407 มีการบวชพระและเณรจำนวน 108 รูป เพื่อฉลองสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ขณะนั้นอายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรด้วย โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นพระอุปัชฌาย์ และอยู่วัดระฆังฯ เพื่อศึกษาวิชากับพระอุปัชฌาย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำผงวิเศษทั้งห้าอันศักดิ์สิทธิ์

กระทั่งปี พ.ศ.2411 พระอาจารย์อินทร์กลับจากธุดงค์แวะเยี่ยมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) สามเณรสีจึงขออนุญาตตามพระอาจารย์อินทร์กลับไปเยี่ยมบิดา-มารดา เมื่อกลับไปเห็นสภาพครอบครัวซึ่งมีความยากลำบาก จึงขออนุญาตลาสึกออกมาช่วยเหลือครอบครัว

ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างโชกโชน นอกจากช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาแล้ว ยังมีอาชีพนายฮ้อย รับจ้างคุมฝูงวัวไปขายข้ามจังหวัด

เข้ารับราชการเป็นทหารเรืออยู่หลายปี แล้วออกมาประกอบอาชีพค้าวัวค้าควายอยู่ระยะหนึ่ง

พระผงหลวงปู่สี (หลัง)

 

อายุ 39 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงตัดสินใจอุปสมบทที่วัดบ้านเส้า ซึ่งอยู่ใน อ.บ้านหมี่ ปัจจุบัน มีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์

จำพรรษาได้ระยะหนึ่ง จึงออกธุดงค์มาจำพรรษาที่ถ้ำเขาไม้เสียบ ต.ช่องแค จ.นครสวรรค์ ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นมา ท่านก็ถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก รวมทั้งประเทศลาว ประเทศพม่า เลยไปประเทศอินเดีย เกือบตลอดระยะเวลาที่ท่านบวช ได้ไปสักการะสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนามากมาย

มีโอกาสพบพานพระเกจิชื่อดังหลายต่อหลายรูป พระสหธรรมิกที่มีความสนิทสนม สนทนาข้อธรรมและแลกเปลี่ยนสรรพวิชาซึ่งกันและกัน อาทิ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน

นอกจากนี้ ยังเป็นพระอาจารย์ของพระเถระชื่อดังหลายรูป เช่น หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.ชัยนาท และหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เป็นต้น

อายุประมาณ 90 ปี ก่อสร้างวัดหนองลมพุก อ.โนนสังข์ จ.อุดรธานี และอยู่จำพรรษามาโดยตลอด จนถึงปี พ.ศ.2512 พระครูนิวิฐปริยัติคุณ (พระอาจารย์สมบูรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ไปนิมนต์มาช่วยสร้างวัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งตอนนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ จนเจริญรุ่งเรืองสืบมา

หลวงปู่สีท่านเป็นพระสมถะ ไม่ยึดติดความสะดวกสบาย จึงคงอยู่ที่กุฏิไม้เก่าๆ หลังเล็กๆ ไม่ยอมย้ายไปกุฏิหลังใหม่ที่อดีตเจ้าอาวาสตั้งใจสร้างให้

มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2520 สิริอายุ 128 ปี พรรษา 89

คณะศิษยานุศิษย์นำสังขารของท่านซึ่งไม่เน่าเปื่อย บรรจุในโลงแก้ว ประดิษฐานไว้ที่กุฏิหลังใหม่ เพื่อให้สาธุชนได้ไปกราบไหว้บูชา

ในทุกปีเมื่อครบวันมรณภาพ จะมาร่วมกันทำพิธีสรงน้ำ และเปลี่ยนผ้าไตรให้

 

บรรยายภาพ

1.หลวงปู่สี ฉันทสิริ

2.พระผงหลวงปู่สี (หน้า)

3.พระผงหลวงปู่สี (หลัง)