ในหลวงในความทรงจำ โดย วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

คนที่อายุเลย 50 ปีขึ้นไปคงจะต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไม่มากก็น้อย

เพราะในวัยของคนรุ่นนี้ได้ทันเห็นพระองค์ท่านทรงทำพระราชกรณียกิจต่างๆ ทุกวี่ทุกวันจนบางครั้งกลายเป็นความชินตาไป จนในวันนี้นาทีนี้มานึกย้อนนึกดูก็จะรู้สึกว่า พระองค์ท่านช่างทรงทำอะไรให้แผ่นดินไทยมากเสียจริง

ในมุมส่วนตัวของผมได้นึกย้อนดูว่า เราเคยสัมผัสใกล้ชิดพระองค์ในด้านใดบ้าง

ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สมัยเป็นนักเรียนชั้นประถม เราเคยถูกโรงเรียนเกณฑ์ให้ไปยืนตั้งแถวริมถนน เพื่อเตรียมต้อนรับขบวนเสด็จ

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก รู้สึกดีที่ได้หยุดเรียน แม้ว่าจะต้องเดินเรียงแถวไปตั้งแถวบนฟุตปาธท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานก็ยอม ดีกว่าต้องนั่งในห้องเรียน ในมือก็จะมีธงไตรรงค์เป็นธงกระดาษผืนเล็กๆ ที่ติดมากับด้ามไม้ระหว่างรอก็จะเล่นกันตามประสาเด็ก จนบางทีแผ่นธงฉีกขาดบ้าง ด้ามไม้หักงอบ้าง จนถูกครูเอ็ดเอาก็หลายหน

หลังยืนรอกันเป็นนาน ก็เริ่มรู้สึกว่าจะมีอะไรแล้วล่ะ เพราะเห็นตำรวจทหารเริ่มจัดระเบียบตัวเอง ครูก็เริ่มจุ๊ปาก “หยุดเล่นนักเรียน มาแล้วๆ”

เสียงจ้อกแจ้กจอแจเงียบลง แล้วเสียงรถแล่นก็ค่อยดังใกล้เข้ามา ในความรู้สึกของเด็กตัวเล็กๆ ขบวนเสด็จนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะจะมีรถนำขบวนหลายคัน แล่นกันมาด้วยความเร็ว แล้วถึงค่อยตามมาด้วยรถพระที่นั่ง ที่เด็กๆ ก็จะชะเง้อมองว่าคันไหน

พอจับได้ว่าคันไหนก็ไม่ทันจะได้เห็นพระองค์ท่านที่ประทับในรถสักเท่าไหร่ รถก็แล่นไปเสียแล้วด้วยความเร็ว จำได้แต่มือที่โบกธงไหวๆ ยังโบกสะบัดอยู่

แล้วแถวก็แตกกระจายกลับโรงเรียนกัน

gheewhrheher

เมื่อโตขึ้นได้มาเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านในรูปแบบเดิม คือตั้งแถวรอรับขบวนเสด็จอีกแล้ว

เพราะทุกปีพระองค์ท่านจะเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนิสิตที่จบการศึกษา

คราวนี้เราเป็นน้องใหม่ใส่ชุดขาวล้วน ผูกเน็กไทสีน้ำเงินที่มีสัญลักษณ์พระเกี้ยวน้อย ไม่ต้องถือธงกระดาษ แต่คอยยืนตรงถวายคำนับเมื่อขบวนเสด็จผ่าน

คราวนี้ได้เห็นพระองค์ท่านชัดเจนมากกว่าตอนเป็นเด็ก เพราะรถขบวนไม่ได้แล่นเร็วเหมือนครั้งนั้น เป็นการแล่นในเขตมหาวิทยาลัยจึงไม่ต้องใช้ความเร็วนัก

เราได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ที่หันมามองเหล่านิสิต แล้วแย้มพระโอษฐ์นิดๆ ช่างเป็นบุญตาเหลือเกินแล้ว

 

ต่อมาจากน้องใหม่ก็กลายเป็นบัณฑิต คราวนี้เราได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่านมากขึ้นอีกเพราะจะต้องยืนต่อหน้าที่ประทับเพื่อรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์

ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว ที่ต้องทำอย่างรวดเร็วเป็นระเบียบและเป็นระบบมาก จนเรารู้สึกว่าเร็วอย่างนี้แล้วจะทันได้เห็นพระองค์ท่านชัดๆ เหรอไง

พอวันจริงที่บัณฑิตส่วนใหญ่จะมีกิจกรรมถ่ายภาพกันตั้งแต่เช้ามาแล้ว ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย บางทีบวกความหิวและเพลียเข้าไปอีก เลยเป็นว่าตอนที่มานั่งรอในหอประชุมช่วงบ่ายเพื่อรอเวลาเสด็จ หลายคนจึงมีงีบหลับให้เห็นกันทั้งหอประชุม

แต่เชื่อไหม เมื่อได้เวลาเสด็จมาถึง ประสาทของเราจะตื่นขึ้นมาทันที รู้สึกตัวระวังเขม็งขึ้นมา ตามองไปบนเวทีเพื่อรอเห็นพระองค์มาประทับ แล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้น พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงปรากฏพระวรกายบนเวที

หลังพิธีการต่างๆ ผ่านไปก็ถึงคราวนาทีสำคัญที่นิสิตจะทยอยเรียงแถวกันขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร ที่ฝึกเอาไว้ก็ต้องท่องให้ดีว่ากี่ก้าวนะ โค้งตรงไหน ยื่นมือยังไง

แล้วผมก็ได้เข้าไปใกล้พระองค์ท่านทุกทีๆ ถ้าเป็นหนังช่วงนี้จะต้องมีดนตรีตื่นเต้นหน่อย จนถึงคิวของเรา ที่เคยคิดตอนซ้อมว่าเร็วๆ อย่างนี้แล้วจะทันมองพระองค์ท่านหรือ กลายเป็นว่าพอถึงเวลาจริงเราก็มิกล้าที่จะเงยหน้ามองพระองค์ท่านชัดๆ อย่างที่ตั้งใจ ได้แต่มองระดับมือที่ยื่นออกไป และเห็นพระหัตถ์ของท่านที่ยื่นปริญญามาให้

เท่านี้ก็ตื่นเต้นและรู้สึกประทับใจมากแล้ว

 

หลังจากนั้นพอจบมาก็ได้เข้าทำงานในวงการบันเทิงแทนวงการสถาปนิกตามที่เรียนมา คือได้ทำที่บริษัท เจเอสแอล จำกัด ซึ่งทำงานผลิตรายการโทรทัศน์เป็นหลัก

หลังจากบริษัทแข็งแรงเป็นที่รู้จักมากขึ้น งานของบริษัทก็ได้ขยายไปสู่การจัดงานอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งแต่ก่อนยังไม่มีมากเท่าตอนนี้ และหนึ่งในประเภทงานที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับบริษัทและตัวผมก็คือ งานที่ได้รับใช้พระราชวงศ์

เริ่มจากการจัดงานแสดงพระราชทาน ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่พระราชทานให้กับประชาชน ข้าราชการ ในท้องที่นั้นๆ เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีเสด็จไปทรงงานตามภูมิภาคต่างๆ เป็นเวลาหลายเดือน

อย่างทางภาคใต้ก็จะประทับที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทางภาคเหนือก็ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่สกลนครก็เป็นพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์

ในวันจัดการแสดงก็จะมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีเสด็จทอดพระเนตร ร่วมกับข้าราชการ และประชาชนซึ่งเผอิญสเกลของพื้นที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก จึงได้มีโอกาสเห็นพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดมากทีเดียว

และแน่นอนก็จะตื่นเต้นเหมือนทุกครั้ง แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือความรู้สึกของพระเมตตาที่มีมาให้แก่ประชาชนของพระองค์ท่าน

เมื่อการแสดงเสร็จลงก็จะไปตั้งแถวส่งเสด็จร่วมกับนักแสดงทั้งหลาย ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงมีปฏิสันถารกับนักแสดงและทีมงานอย่างกันเอง

 

นึกๆ แล้วเราก็มาไกลเหมือนกัน

จากตอนเด็กที่ยืนโบกธงกระดาษหยอยๆ มองตามรถในขบวนเสด็จแทบไม่ทัน กลายมาเป็นคนที่ได้มีโอกาสทำงานถวายพระองค์ท่าน ได้มาอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ประทับเป็นเวลานาน จะมองกี่หนกี่ครั้งก็ได้

ได้เห็นพระองค์ท่านใกล้ๆ ตอนส่งเสด็จ

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีโอกาสถวายงานอีกหลายครั้ง ที่จะขอยกยอดไปเล่าในฉบับต่อไปนะครับ