ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 พฤศจิกายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ดนตรี |
ผู้เขียน | วารี วิไล |
เผยแพร่ |
การเมืองช่วงปลายโรดแม็ป ทำให้วงการเพลงกระเพื่อมหนักไปด้วย
นอกจากกรณี Rap Against Dictatorship กับเพลง “ประเทศกูมี” ยังเกิดปมร้อนใหม่ เมื่อกลุ่มนักร้องหญิง BNK48 ที่มีแฟนคลับเป็นกลุ่มก้อนคนรุ่นใหม่ เจอคลื่นการเมืองเข้าเต็มๆ
BNK48 เป็นเสมือนสาขาประเทศไทย เวอร์ชั่นไทย ของวงญี่ปุ่น AKB48 ประกอบด้วยสาวน้อยนักร้องนักเต้นชาวไทย 30 คน ล่าสุดระบุว่า มีสมาชิก 51 คน
เป็นพัฒนาการใหม่ของธุรกิจบันเทิง จากวงเกิร์ลกรุ๊ปตามรูปแบบเดิม อาศัยความนิยมในดนตรีและรูปแบบการแสดงของนักร้องญี่ปุ่น ใช้เพลงที่แปลจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น แล้วหารายได้ด้วยคอนเสิร์ต อีเวนต์ สร้างความผูกพันกับแฟนเพลง แฟนคลับ
แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เมื่อ “เฌอปราง อารีย์กุล” กัปตันสาวของวงรับเชิญจากรัฐบาล และนักแสดงหลายคนเข้าทำเนียบเมื่อเดือนกันยายน เพื่อให้นายกฯ แสดงความขอบคุณ ที่ช่วยเหลือจัดรายการ “เดินหน้าประเทศไทย”
ไม่กี่วันต่อมา เฌอปรางปรากฏตัวใน “เดินหน้าประเทศไทย” ตอนพิเศษ
บทบาทของเฌอปรางทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รวมถึงนักวิชาการดัง ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ที่ปัจจุบันอยู่ในญี่ปุ่น และเป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงท่าทีสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่
เรื่องลุกลาม เมื่อผู้มีบทบาทในพรรคอนาคตใหม่อีกคนออกมาระบุว่า ปวินไม่ได้เป็นกรรมการพรรค ทำให้เกิดการตอบโต้กันไปมา ก่อนที่พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาชี้แจงว่าพรรคไม่เคยมีมติหรือท่าทีในเรื่องนี้
แถมยังไม่จบ เมื่อพรรณิการณ์ระบุตอนหนึ่งว่า พรรคย้ำเสมอว่าศิลปินควรมีเสรีภาพในการแสดงจุดยืนทางการเมือง หากเชื่อมั่นในระบอบอำนาจนิยมจริงๆ ก็มีสิทธิที่จะสนับสนุนรัฐบาลทหาร
กลายเป็นหัวข้อถกเถียงต่อไปอีกว่า แล้วการสนับสนุนเผด็จการ สนับสนุนรัฐบาลทหาร ถือเป็นสิทธิด้วยหรือ?
นั่นคือความเป็นมาคร่าวๆ ของกรณี “BNK48” ที่ต่างไปจากกรณี “ประเทศกูมี”
สำหรับวงการศิลปินไทย รู้กันว่ามักหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถ้าจะยุ่งก็จะเอนเอียงไปทางผู้กุมอำนาจ
ขณะที่ศิลปินต่างประเทศ มักแสดงจุดยืนที่ก้าวหน้าทางสังคมและการเมืองอย่างเปิดเผย
แต่ในประเทศไทย เพลง “ประเทศกูมี” ถูกต้านจากคนวงการเพลงด้วยกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับอำนาจรัฐ ข้อหาหนึ่งที่พูดกันคือ ไปยุ่งการเมืองทำไม
ในอดีต คำรณ สัมปุณณานนท์, ไพบูลย์ บุตรขัน แต่งเพลงสะท้อนชีวิตคนยากจน คนหาเช้ากินค่ำ ชาวไร่-ชาวนา หรือจิตร ภูมิศักดิ์ แต่งเพลงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตคนส่วนใหญ่ดีขึ้น เพลงบางส่วนสนับสนุนการต่อสู้ของขบวนการปฏิวัติไทย
ศิลปินรุ่นใหม่ในยุค 2516 อย่าง “คาราวาน-กรรมาชน-คุรุชน-โคมฉาย ฯลฯ” มารับช่วงทำเพลงรับใช้การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ หลัง 14 ตุลาฯ 2516 ก่อนจะเข้าป่าในปี 2519
ปี 2520-2521 แนวรบดนตรีของคนรุ่นใหม่ แทนที่โดยวงดนตรีในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยเนื้อหาที่อ่อนลง
วงเพื่อชีวิตรุ่นคาราวาน-กรรมาชน กลับออกมา แม้จะยังเล่นดนตรี แต่บทบาทก็เลือนไป
ใน “สงครามสี” จากปี 2549 มาจนปัจจุบัน เกิดสภาพแบ่งข้าง การประท้วงในปี 2556-2557 มีวงฝ่ายซ้ายเดิมๆ ไปขึ้นเวทีด้วยเพลงที่เคยใช้สนับสนุนการต่อสู้ของฝ่ายประชาชน ขณะที่ศิลปินฝ่ายซ้ายเดิมบางส่วนไปสนับสนุนการต่อสู้ของอีกฝั่ง
และมีน้ำเสียงที่ต่างกันเมื่อเกิดรัฐประหาร 2557 ที่ยืดยาวมาจนปัจจุบัน
รู้ๆ กันว่ารัฐประหารไม่เปิดโอกาสให้เพลงและศิลปินฝ่ายประชาธิปไตย และยังพยายามช่วงชิงคะแนนเสียงและความชอบธรรมผ่านศิลปินที่ได้รับความนิยม
ฝุ่นตลบและคลื่นลมที่เกิดขึ้น มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การเมืองนั่นเอง