ตัวช่วย ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————

ตัวช่วย

————

กรณี จินนี่Effect ที่แรงเหนือความคาดหมาย

หลัง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ควง‘จินนี่’ ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ ไปลงพื้นที่ ห้างแพลตตินั่ม ประตูน้ำ

แล้วก่อความสนใจในหมู่ชาวเน็ต และ สังคมไทยล้นหลาม

แต่ คุณหญิงสุดารัตน์ ในฐานะ”แม่”และในฐานะ “นักการเมือง” คงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

จะขยายผลความสำเร็จ จาก”จินนี่”ต่อไป

หรือจะให้ ลูกสาวในวัยใสกลับไปอยู่ในสังคมของตนเอง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองอีก

เหตุที่คุณหญิงสุดารัตน์ ต้องคิดให้หนักคิดให้ดี ก็เพราะ กรณี จินนี่Effect มีทั้งด้านบวก และลบ

ชื่นชมก็มาก วิพากษ์วิจารณ์ก็สูง

ยิ่งสำหรับ เมืองไทย ผู้หญิงกับการเมืองนั้น มีจุดละเอียดอ่อนมากมาย

“คุณหญิงแม่” จะยอมให้ ลูกสาววัยละอ่อน ลุยโคลน ให้แปดเปื้อน หรือไม่

นี่เป็นสิ่งที่ต้องคิด

เพราะในตอนนี้คุณหญิงสุดารัตน์ มิได้เป็นผู้สมัครส.ส.ธรรมดา

หากแต่ดำรงตำแหน่ง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย

และอยู่ในความคาดหมายว่า จะเป็น 1 ใน 3 รายชื่อ ที่พรรคเพื่อไทยที่จะจะเสนอขึ้น ชิง นายกรัฐมนตรี

เธอจึงเป็น”เป้าใหญ่”ทางการเมือง ที่ต้องเผชิญแรงปะทะ แรงเสียดทานมาก กว่าธรรมดา อีกหลายเท่า

ทั้งในพรรค และนอกพรรคด้วย

การตัดสินใจ ตั้งแต่เรื่องส่วนตัว อย่าง”จินนี่” ไปจนถึงย่างก้าวทางการเมือง จึงต้องผิดพลาดไม่ได้ หรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด

ซึ่งก็ยากมาก

เพราะต้องไม่ลืมว่า นับตั้งแต่วันที่เธอถูกคาดหมายว่า จะเป็น ผู้นำเพื่อไทย

มีปฏิกริยาเชิงลบเกิดขึ้นมากมาย

แต่กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า เธอมี “ดี” จึงสามารถยืนหยัด อยู่ได้

แถมยังได้ตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย มาครองอีกด้วย

จึงไม่ธรรมดา และกำลังถูกมองว่าจะเรียกการยอมรับในพรรคกลับมาได้อย่างไร

ยิ่งในยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พัน” โดยพรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายให้ เป็นเสาหลักในการส่งผู้สมัครแบบเขต

ซึ่งตอนนี้ ก็มีปล่อยตัวเลขออกมา โดยอ้างอิงผลโพลว่า ควรจะได้เสียงสูงลิ่วถึง “290เสียง”

นี่คือ งานสาหัสสากรรจ์

“ขุนทัพ” ที่ไม่สดใหม่ แถมยังพ่วงเอาความไม่เป็นเอกฉันท์ในการยอมรับ ออกไปลุยศึก ย่อมเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

แต่กระนั้น หากสดับตรับฟังข่าว ดูเหมือนว่า ฟากฝั่งคุณหญิงสุดารัตน์ ตัดสินใจ ที่จะใช้ “290เสียง” เป็นประโยชน์

มากกว่าจะเห็นว่าเป็นเป้าหมายอันโหดหิน

ด้วยอาจประเมินว่า “290 เสียง”น่าจะข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้ไม่น้อย

เพราะปฏิกริยา ต่อ 290 เสียงไม่ใช่ เสียงยี้ หรือปฏิเสธ หากแต่มีน้ำหนักก้ำกึงของความเชื่อไม่เชื่อ อยู่ไม่น้อย

ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย นั่นคือสามารถยึดกุม”ความเชื่อ”ตรงนี้เอาไว้ได้อยู่

290 เสียง จึงถูกจงใจปล่อยออกมา แม้จะมีเสียงคัดค้านจากคนในพรรคบางส่วนก็ตาม

เพราะนอกจากขู่ฝ่ายตรงข้ามได้

ผลพลอยได้อีกประการหนึ่ง ก็คือ ฝ่ายในพรรคซึ่งอยู่ในปีก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และมีท่าทีไม่ยอมรับคุญหญิงสุดารัตน์ อาจตัดสินใจง่ายขึ้น

ในการย้ายไปสังกัดพรรคแบงก์ย่อย อย่างพรรค ไทยรักษาชาติ(ทษช.)ที่เน้นการได้ส.ส.ปาร์ตี้สิต์ มากกว่า

ซึ่งนั่นก็ทำให้ แรงเสียดทานคุณหญิงสุดารัตน์ ในพรรคเพื่อไทย ลดน้อยลง ทำงานง่ายขึ้น

แต่ก็นั่นแหละการทำให้เชื่อว่าจะได้เสียง 290 ก็มีโอกาสย้อนกลับมาเป็นแรงกดดันคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างหนักหน่วงว่ามีศักยภาพสูงเพียงพอหรือไม่

จะมีจุดขายหรือภาพพจน์สดใจ มาเรียกคะแนนได้เพียงใด

นี่คือการพิสูจน์คุณหญิงสุดารัตน์”อย่างแท้จริง

จะพึ่งตัวช่วยด้วยการดึง‘จินนี่’มาคลุกโคลนช่วยอย่างเดียว คงไม่พอ