วงค์ ตาวัน : ฝ่ายขวาในระบบเลือกตั้ง

วงค์ ตาวัน

เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ทำเอาโลกทั้งโลกต้องวิเคราะห์เบื้องหน้าเบื้องหลังกันยกใหญ่ รวมทั้งต้องตั้งรับความเปลี่ยนแปลงนโยบายของพญาอินทรีมหาอำนาจที่จะตามมาอย่างมากมายหลายด้าน

โดยภาพรวมแล้ว ตลอดการปราศรัยหาเสียงได้บ่งบอกแนวคิดจุดยืนของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นพวกขวาจัด ชาตินิยมสุดโต่ง หยาบคาย ก้าวร้าว เหยียดผิว เพศ เชื้อชาติ ศาสนา

นี่คือปมประเด็นที่ต้องจับตามองกันว่า สังคมสหรัฐเข้าสู่ยุคอนุรักษนิยมเอียงขวา ไม่ใช่สังคมที่เชื่อในแนวเสรีนิยมแล้วหรือ

บทวิเคราะห์ของผู้รอบรู้การเมืองต่างประเทศ ได้อธิบายว่า เสียงที่เทคะแนนให้ทรัมป์นั้น โดยหลักๆ มาจากชาวอเมริกันที่มีแนวคิดเอียงขวา และเสียงจากคนรากหญ้า

รวมทั้งคนกลางๆ ที่มองว่าแนวทางของเดโมแครตยุคโอบามา ซึ่ง นางฮิลลารี คลินตัน จะต้องสืบต่อแน่นอน คือ แนวทางเสรีนิยม การเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม

“อันเป็นแนวทางที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนอเมริกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปัญหาผู้อพยพมหาศาลจากสงครามในตะวันออก นำมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม และรวมถึงการก่อการร้าย”

พูดเรื่องการก่อร้ายเมื่อไร ชาวสหรัฐต้องหวาดผวาอย่างหนัก เพราะตกเป็นเป้าโจมตีรุนแรงมาโดยตลอด

คนสหรัฐส่วนใหญ่เลยเชื่อว่า สังคมอเมริกาต้องได้รับการคุ้มครองจากผู้นำแข็งกร้าวอย่างนายทรัมป์มากกว่า เพราะเป็นผู้ปฏิเสธหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงมีนโยบายเข้มงวดต่อคนอยู่อาศัยในสหรัฐอยู่แล้ว ที่เป็นคนเชื้อสายมุสลิม

อีกส่วนหนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ กระทบต่อปากท้องคนรากหญ้า ทำให้ทรัมป์ได้คะแนนเสียงจากคนชั้นล่าง

“เพราะเป็นมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่เชื่อว่ามีความสามารถในการแก้ไขเศรษฐกิจ อีกทั้งความหยาบคาย ทำให้ดูเป็นคนลูกทุ่งติดดิน ต่างจากฮิลลารีซึ่งดูเป็นผู้ดีไปหน่อย ทั้งคนอเมริกันเชื่อว่า เป็นตัวแทนกลุ่มทุน ชนชั้นสูง”

นักวิเคราะห์ที่รอบรู้ มองว่าหลายเหตุผลดังกล่าว ทำให้อเมริกาจึงเข้าสู่ยุคผู้นำสายอนุรักษนิยม

สำหรับคนไทยเรา สนใจใคร่รู้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้กันอย่างมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงในชาติมหาอำนาจ ส่งผลมาถึงไทยเราอย่างแน่นอน ทั้งการเมือง การทหาร การค้าขาย

แต่เหนืออื่นใด คนไทยจำนวนไม่น้อย เห็นความสำเร็จของฝ่ายขวาในอเมริกาผ่านการเลือกตั้งแล้ว

อยากให้ฝ่ายอนุรักษนิยมในบ้านเรา เชื่อมั่นในระบบเลือกตั้งกับเขาบ้าง!!

 

เหตุผลที่การเมืองไทยวนเวียนในอ่าง มีเสรีประชาธิปไตยช่วงหนึ่ง แล้วก็ต้องโดนสะดุดหยุดซ่อมเป็นพักๆ เป็นเพราะว่ากลุ่มอนุรักษนิยมซึ่งกุมอำนาจนอกระบบการเมืองปกติ มักไม่ยอมให้ประชาธิปไตยเติบโตจนควบคุมไม่อยู่

ขณะเดียวกัน ประชาชนคนไทยที่มีแนวคิดการเมืองแนวขวาจัด มักอกหักจากการเลือกตั้ง เพราะพรรคแนวทุนนิยมเสรีที่เกลียดชัง กวาดชัยชนะท่วมท้นเสมอๆ ในหลายปีที่ผ่านมา

ส่วนพรรคเก่าแก่ที่มีแนวทางรับกับฝ่ายอนุรักษนิยม มักจะพ่ายแพ้เลือกตั้งจนมองไม่เห็นแสงสว่าง

“กลุ่มฝ่ายขวาในบ้านเรา ทั้งที่เป็นกลุ่มอำนาจนอกระบบ และที่เป็นกลุ่มประชาชนชนชั้นสูงและชนชั้นกลางในเมือง จึงมักพึ่งพาบริการกองทัพ นั่นเป็นเหตุให้ประชาธิปไตยไทยล้มลุกคลุกคลานมาตลอด”

ทั้งในห้วงระยะหลัง ไม่เพียงประชาธิปไตยที่โดนล้มคว่ำจนล้าหลัง แต่ยังส่งผลให้ศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจถดถอยอย่างมาก จากที่เคยเป็นเสือในภูมิภาคนี้ วันนี้กลายเป็นแค่เสือหมอบ หรือเสือสลบ

แต่ปัญหาปากท้อง ราคาข้าว พืชผลการเกษตรตกต่ำ ย่อมกระทบต่อชนชั้นรากหญ้าเป็นหลัก ส่วนชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง ยังสามารถประคองตัวเองไปได้ เลยยังไม่รู้สึกเดือดร้อน

ยังไม่คำนึงว่า ตราบใดที่ประชาธิปไตยมีปัญหา จะถูกโลกปิดล้อมทางการค้าการลงทุน ส่งผลให้เศรษฐกิจทรุดหนัก

ทิศทางของฝ่ายอนุรักษนิยมขวาจัดในบ้านเรา จึงยังเชื่อในระบบการเมืองที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเสรีประชาธิปไตย เพราะไม่ต้องการให้พรรคการเมือง นักการเมือง ในแนวทางทุนนิยมเสรี ได้มีโอกาสเข้าสู่อำนาจได้อย่างเต็มที่

“วันนี้จึงมักชูถ้อยคำที่ว่า ประชาธิปไตยที่เป็นแบบไทย ประชาธิปไตยที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง แต่ความหมายก็คือ ประชาธิปไตยที่ไม่เต็มใบ แค่ครึ่งใบ หรือแค่เสี้ยวใบเท่านั้น!!”

เมื่อเรานั่งมองการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าระบบการโหวตจะต่างกันกับเรา

แต่สิ่งสำคัญก็คือ นี่คือประชาธิปไตยที่เป็นมาตรฐานสากล คือ ทุกอย่างกำหนดโดยเสียงในมือประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

“พรรคการเมือง หรือผู้สมัครเป็นผู้นำ ประกาศแนวทางการเมืองได้อย่างชัดเจน เช่น กรณีนายทรัมป์ เดินเอียงขวาสุดๆ มาเลย แล้วคนส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจเลือก โดยคาดหวังว่าสถานการณ์ที่ถูกคุกคามโดยการก่อการร้าย และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ต้องใช้คนแบบนี้”

ฝ่ายขวาของอเมริกา หรือของประเทศที่การเมืองเป็นประชาธิปไตยเต็มตัว สามารถต่อสู้กับฝ่ายซ้าย สู้กับฝ่ายเสรีนิยม บนเวทีเลือกตั้ง ที่มีประชาชนเป็นผู้ตัดสินอย่างมีความหวังและอย่างเชื่อมั่นเคารพในหลักประชาธิปไตย

เพราะมีโอกาสพอๆ กันสำหรับทุกพรรคทุกแนวทาง ในทุกการเลือกตั้ง

แล้วเมื่อการเมืองเป็นระบบมาตรฐาน ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร สังคมประเทศโดยรวมก็ราบรื่น เศรษฐกิจและปากท้องผู้คนก็ลื่นไหลไปด้วย!

 

การหยุดประชาธิปไตยไทยหนล่าสุด ชัดเจนว่า ผู้จุดชนวนปูทางให้ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ มาจากนักการเมืองระดับนำซีกหนึ่งของพรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยม โดยอาจจะหมดหวังที่จะเอาชนะการเลือกตั้ง

จึงสมคบกับกล่มอนุรักษนิยมที่กุมอำนาจนอกระบบ กระทำทุกอย่าง เพื่อทำให้บ้านเมืองถึงทางตัน จนทำให้กองทัพต้องออกมาควบคุมสถานการณ์

แล้วด้วยข้ออ้างต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าจะไม่ให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วไว หวังใช้ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดในการกวาดล้างฐานอำนาจของพรรคการเมืองที่เป็นศัตรู รวมทั้งเขียนกฎกติกาการเมือง ที่ตัดแขนขาของพรรคนั้น ไม่ให้มีฤทธิ์เดชอะไรได้อีก เมื่อเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่

สมคบกันในหมู่คนกลุ่มหนึ่ง มุ่งเป้าหมายถึงเกมอำนาจการเมือง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา ทำให้สภาพเศรษฐกิจของบ้านเราในวันนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบากทุกด้าน

“เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย จึงทำให้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนตกต่ำ”

หากย้อนเวลากลับไปยังช่วงปลายปี 2556 ที่พรรคเพื่อไทยกระทำผิดพลาด จนทำให้นักการเมืองอีกฝ่าย สามารถจุดชนวนเรียกประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมประท้วงขับไล่รัฐบาล

เป็นการลุกฮือของฝ่ายอนุรักษ์ขวาจัดในบ้านเมืองเราครั้งใหญ่ ทั้งขวาจัดที่เป็นกลุ่มอำนาจนอกระบบ ขวาจัดที่เป็นชนชั้นสูง ชนชั้นกลางในเมือง

จนกระทั่งเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอย ด้วยการยุบสภา

“ถ้าวันนั้น นักการเมืองฝ่ายขวาที่นำการประท้วง ตัดสินใจเลือกหนทางการเลือกตั้ง!”

นำพามวลชนที่บอกว่ามากมายมหาศาลนั้น ไปร่วมกันใช้อำนาจในมือของประชาชนนั่นแหละ พิพากษารัฐบาลที่ทำผิดพลาด และทำให้พรรคตัวเองได้เข้าสู่อำนาจบริหารประเทศตามแนวทางของพรรคตน ตามวิถีทางที่ถูกต้องและสง่างาม

ถ้าเลือกวิธีนี้ โอกาสชนะเลือกตั้งในวันนั้นมีสดใสอยู่แล้ว อันจะทำให้ประชาธิปไตยไทยก้าวต่อไป เศรษฐกิจไม่สะดุด กลับไม่เลือกหนทางนี้

“เพราะโดยรวมแล้วฝ่ายขวาในบ้านเรา ไม่ศรัทธา ไม่คาดหวังในการเลือกตั้ง”

ดูการเมืองอเมริกาวันนี้ ดูชัยชนะของนายทรัมป์ ประธานาธิบดีอนุรักษนิยมขวาจัด

น่าจะช่วยให้ฝ่ายขวาในไทยเรา หันกลับมาเชื่อมั่นแนวทางประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งบ้าง!