หนุ่มเมืองจันท์ : โรค “ผู้วิเศษ”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ไม่ได้อ่านหนังสือก่อนนอนมานาน

จนวันหนึ่งคุยกับคุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรือ “อากู๋” ของ “แกรมมี่”

เขาบอกว่าตอนนี้เขาอ่านหนังสือก่อนนอนทุกคืน

อ่านประมาณครึ่งชั่วโมง

หลับสบาย

ก่อนหน้านี้ผมเริ่มสังเกตตัวเองว่านอนหลับยากกว่าเดิม

น่าจะเป็นเพราะเล่นโซเชียลมีเดีย

จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือก่อนนอน

ล้มตัวนอนแล้วสมองยังวิ่งอยู่

หลับก็ไม่ลึก

เคยลองอ่านหนังสือก่อนนอน

แต่หนังสือที่เลือกส่วนใหญ่เป็นแนวที่สนใจคือ แนวธุรกิจ

ไม่เหมาะกับการเปลี่ยนโหมดชีวิต

แต่ก็รู้สึกเหมือนกันว่านอนหลับดีขึ้น

ผมทำบ้างไม่ทำบ้างมาพักหนึ่ง

วันนั้น พอฟัง “พี่บูลย์” เล่าเรื่องนี้

ผมเลียนแบบทันที

อ่านหนังสือก่อนนอน

แต่เปลี่ยนแนวเป็นวรรณกรรมแทน

ผมเลือก “สามก๊ก” ฉบับ “วินทร์ เลียววาริน”

ผมไม่เคยอ่าน “สามก๊ก” ทั้งเล่ม

รับรู้เรื่องราวจากการเขียนเล่าเป็นตอนๆ ของคนอื่น

ผมหยิบหนังสือเล่มนี้จากงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ

เลือกซื้อเพราะ “คำนำ” ครับ

“พี่วินทร์” บอกถึงหลักการเขียน “สามก๊ก” เล่มนี้ 5 ข้อ

ข้อแรก ใช้ต้นฉบับของ “หลอก้วนจง” เป็นหลัก อิงประวัติศาสตร์จริงเป็นรอง เป็นนิยายซ้อนนิยาย

เขาย้ำเลยว่า “นำไปใช้อ้างอิงไม่ได้”

ข้อที่สอง เล่าเรื่องแต่ละเหตุการณ์แบบ “เรื่องสั้น” แล้วร้อยต่อเป็น “นิยาย”

คล้ายกับ “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน”

มีเทคนิคแนวทดลองแบบ “อาเพศกำสรวล” นำเสนอในรูปแบบจดหมาย บันทึก หรือโยง 2 เหตุการณ์เข้าด้วยกัน

ข้อที่สาม วิเคราะห์แต่ละฉาก แต่ละเหตุการณ์ อะไรควรจะเป็นอย่างไร อะไรสมจริง อะไรไม่น่าเชื่อก็ตัดทิ้ง

ครับ ใช้อภิสิทธิ์ของความเป็น “นักเขียน” อย่างเต็มที่

ข้อที่สี่ ข้อนี้ชอบที่สุด คือ เขาเลือกการใช้ภาษาเขียนเป็นภาษานิยายกำลังภายใน แบบ “โกวเล้ง”

ผมชอบสำนวนกำลังภายในที่ “พี่วินทร์” ยกเป็นตัวอย่าง

“อกอวบอูมแฝงพลังดีดสะท้อน”

เขาวงเล็บว่า “ประโยคนี้มิอาจไม่อนุรักษ์ไว้”

ชอบมาก 555

ข้อที่ห้า ชื่อคน ชื่อเมืองสะกดตามฉบับเจ้าพระยาพระคลังหน เพราะเป็นที่ติดปากคนไปแล้ว

อ่านจบปั๊บ ซื้อเลยครับ

และด้วยกลวิธีการเขียนแบบ “จบในตอน”

หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับการอ่านก่อนนอนมาก

ผมอ่านประมาณ 2-3 ตอนก่อนนอน

สนุกมากครับ

มีอยู่ตอนหนึ่งชอบมาก

ชื่อตอน “ผู้วิเศษ”

เป็นเรื่อง “หมอเทวดา” ชื่อ “ฮัวโต๋”

เริ่มฉากแรกเป็นตอนที่ “หมอฮัวโต๋” ถูกคุมขังอยู่ในคุก

เขาอยู่ในคุกได้ 2 เดือน

ทุกวันทหารจะทรมาน “หมอฮัวโต๋” พร้อมกับถามว่า “ใครสั่งให้เจ้าคิดร้ายต่อท่านโจโฉ”

เขาตอบว่า “ท่านเข้าใจผิด”

แต่ไม่มีใครเชื่อเขา การทรมานดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

จนคืนหนึ่ง “หงองาย” ผู้คุมหนุ่มเห็นอาการบาดเจ็บของเขาจึงเข้ามาดูแล

มิตรภาพเริ่มงอกงาม

“หงองาย” แอบเอาอาหารและน้ำให้เขากิน

“หมอฮัวโต๋” เริ่มสอนเคล็ดลับวิชาหมอแก่ผู้คุมหนุ่ม

และเล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ในเรือนจำให้ฟัง

“ในชีวิตข้า รักษาคนไข้มากมาย ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทว่าการเมืองมักมายุ่งเกี่ยวกับข้า”

นั่นคือ จุดเริ่มต้นของชีวิตที่เลวร้ายในวันนี้

ทั้งหมดเกิดขึ้นจาก “คนป่วย” 3 คน

ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้มีอำนาจทางการเมือง

คนแรกคือ “ซุนเซ็ก”

“ซุนเซ็ก” ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส

“หมอฮัวโต๋” รักษาจนหาย แต่พิษในร่างกายยังอยู่

“ซุนเซ็ก” ต้องรักษาสภาพจิตใจไม่ให้โกรธ ไม่เช่นนั้นพิษจะย้อนคืน

แต่เมื่อเขาสังหาร “อีเกียด” ที่หลอกชาวบ้านว่าเป็น “ผู้วิเศษ”

เขาก็คลุ้มคลั่งตายเพราะพิษย้อนคืน

มีประโยคหนึ่งที่ “หมอฮัวโต๋” บอกกับ “หงองาย”

“คนป่วยที่อันตรายที่สุดคือ คนป่วยที่มีอำนาจปกครองบ้านเมือง ผู้นำมักคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ มีอำนาจพิเศษ และที่เลวร้ายที่สุดคือ หลงเชื่อตัวเอง”

คนที่สองคือ “กวนอู”

เขารักษา “กวนอู” จากการโดนเกาทัณฑ์พิษ ด้วยการผ่าถึงกระดูกแล้วขูดพิษที่ฝังออก

“กวนอู” หายดีแล้วไปรบต่อ

สุดท้ายโดน “ซุนกวน” ฆ่า ตัดหัวส่งให้ “โจโฉ”

“โจโฉ” ฝันร้ายแทบทุกคืน

ฝันถึงคนที่ถูกเขาสังหาร

ฝันถึงศีรษะของ “กวนอู”

ที่ปรึกษาคนหนึ่งจึงตาม “หมอฮัวโต๋” ไปรักษา

“โจโฉ” คือ คนไข้การเมืองคนที่สามของเขา

เขาวิเคราะห์ว่า “โจโฉ” เป็นเนื้อร้ายในสมอง โรคร้ายเกาะกินภายในศีรษะ

ต้องผ่าศีรษะ ขูดเนื้อร้ายออกแล้วเย็บกลับ

“โจโฉ” ระแวงคิดว่า “หมอฮัวโต๋” วางแผนสังหารเขา

สั่งให้นำตัวเขามาขังในเรือนจำ

วันหนึ่ง “หงองาย” มาบอกว่าเขาจะถูกประหารในอีก 2 วัน

“หมอฮัวโต๋” กลัวความรู้ที่สั่งสมมาจะหายไป

เขามีตำราเล่มหนึ่งเก็บไว้ที่บ้าน

“หมอเทวดา” เขียนจดหมายถึงภรรยาให้มอบตำรานี้แก่ “หงองาย”

“หมอฮัวโต๋” ถูกประหาร

ตำราเล่มนี้อยู่กับ “หงองาย”

เขาเก็บตำราไว้ที่บ้าน

เย็นวันหนึ่งเขากลับมาถึงบ้าน เห็นภรรยากำลังเผาตำราเล่มนี้

“หงองาย” โกรธจัด ด่าภรรยา

“ไยท่านเผาตำราอันทรงคุณค่า”

ภรรยาตอบว่า “ตำราแพทย์เล่มนี้ทำให้คนดีอย่างฮัวโต๋ตาย ท่านจะเจริญรอยตามฮัวโต๋หรือ”

เธอบอกว่าคนเก่งเพียงไร อยู่กับเจ้านายที่เป็นโรคขี้ระแวง ย่อมเป็นอันตรายถึงชีวิต

มิเพียงเขาจะถูกประหาร ครอบครัวก็อาจตายด้วย

“ท่านมิรู้รึว่าผู้นำทั้งปวงล้วนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้”

เขาเรียกว่า “โรคผู้วิเศษ”

อ่านจบ

นอนหลับ “ฝันร้าย” เลยครับ