ยกคดี “น็อต #กราบรถกู” อิทธิพลโซเชียลต่อคดี จากทำร้ายถึงข่มขืนใจ

ห้วงสัปดาห์นี้ #กราบรถกู แพร่ว่อนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือสังคมโซเชียลอื่นๆ นอกจากแฮชแท็กยอดฮิต ยังนำไปสู่การทำคลิปล้อเลียนคำว่า “กราบรถกู” อย่างแพร่หลายอีกด้วย

ที่มาของวลีเด็ดนี้ เริ่มจากเพจเฟซบุ๊กโพสต์คลิปเหตุการณ์ ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณถนนเจริญกรุง ใกล้ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อหนุ่มเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อมินิคูเปอร์สีเหลือง-ดำ ทะเบียน ญย 8585 กรุงเทพมหานคร ดึงคนขี่รถจักรยานยนต์ไปต่อยสองครั้งสองครา พร้อมสั่งสอนที่ชนรถแล้วหนี ก่อนจะบังคับให้กราบรถหรู

ต่อมาแน่ชัดว่า คนขับรถมินิ เจ้าของหมัดที่ตั๊นหน้าคนขี่รถจักรยานยนต์ เป็นนักแสดงและพิธีกรหนุ่มวัยรุ่น นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต เวคคลับ นั่นเอง

ขณะที่ทางตำรวจ สน.ยานนาวา เจ้าของพื้นที่ ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน ตำรวจรับแจ้งเหตุรถเฉี่ยวชนกันบริเวณซอยเจริญกรุง 44 ถนนเจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก ใกล้ห้างโรบินสัน บางรัก ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อมินิคูเปอร์ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน ญย 8585 กรุงเทพมหานคร จอดนิ่งสนิทอยู่เลนขวา มุ่งหน้าโรบินสัน บางรัก โดยมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 ไอ สีขาว ทะเบียน 1 กด 8816 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม

นายกิตติศักดิ์ สิงโต อายุ 25 ปี หรือบอย คนขี่รถจักรยานยนต์ ให้การว่า ถูกรถแท็กซี่ชนท้าย ก่อนจะเสียหลักพุ่งไปเฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ จากนั้นรีบขี่ตามรถแท็กซี่ไป แต่ตามไม่ทันจึงวนรถกลับมา กระทั่งเจ้าของรถมินิคูเปอร์เดินมาชากคอเสื้อ พร้อมด่าทอก่อนจะทำร้ายร่างกาย และให้กราบรถ ขณะเกิดเหตุไม่ได้ตอบโต้อะไร

กระทั่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันที่ สน. ก่อนจะกล่าวขอโทษกันโดยไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ เพียงแต่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น

 

เรื่องดูเหมือนจะไม่เป็นคดี และน่าจะจบในวันนั้น ทว่า เมื่อคลิปเหตุการณ์ถูกแพร่ออกไป ครอบครัวนายกิตติศักดิ์ จึงรับไม่ได้ ประกอบกับไม่สามารถติดต่อนายอัครณัฐ คู่กรณีได้

กระทั่งค่ำวันที่ 6 พฤศจิกายน น.ส.สุธิรา หงษ์ทอง อายุ 53 ปี น.ส.สุกัญญา สิงโต อายุ 29 ปี แม่และพี่สาวพานายกิตติศักดิ์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงหนุ่มในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย จากนั้นเวลา 19.50 น. น็อต เวคคลับ พร้อม นายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความส่วนตัว ปรากฏตัวที่ สน.ยานนาวา เพื่อรับทราบข้อหาและให้ปากคำเพิ่มเติม โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับผิดว่าเป็นเพราะความอารมณ์ร้อนและรักรถมาก จึงทำให้เกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ก่อนจะขอโทษคู่กรณีและครอบครัว

แต่แล้วเรื่องราวก็คล้ายจะพลิกผันอีกรอบ เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน นายกิตติศักดิ์ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ยอมรับว่า ชนแล้วหนีจริง แต่ที่วนรถกลับเพราะจุดนั้นเป็นที่ชุมชนและมีกล้องวงจรปิดเยอะ จึงคิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องถูกจับได้ ต่างจากคำให้สัมภาษณ์ในครั้งแรก

อย่างไรก็ดี น.ส.สุธิรา แม่ของนายกิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า ที่นายกิตติศักดิ์ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น อาจเกิดจากความสับสนที่ถูกสัมภาษณ์หลายครั้ง เมื่อครั้งที่เกิดเรื่องวันแรก ลูกชายเล่าว่าโดนแท็กซี่ชนจึงเสียหลักไปชนรถยนต์คู่กรณี และขี่รถตามแท็กซี่ไป ทั้งนี้ ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะพูดไปหมดแล้ว ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินการ

และในวันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 19.30 น. น็อต เวคคลับ เจ้าของรถมินิคูเปอร์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา อีกครั้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานข่มขืนใจผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน

ครั้งนี้ น็อตยกมือไหว้พร้อมกล่าวคำขอโทษ

 

กรณี น็อต เวคคลับ จึงเป็นคดีตัวอย่าง ที่โลกโซเชียลจุดกระแสสังคม และมีบทบาทขับเคลื่อนการดำเนินคดี จากที่สองฝ่ายยอมเจรจาและตกลงยุติคดี กลับต้องเริ่มต้นคดีขึ้นใหม่

พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า ขณะนี้แจ้ง 2 ข้อหาแก่ดาราหนุ่ม มีฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน

อย่างไรก็ดี รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ยานนาวา แจงว่า สำหรับคลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้น ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานทางคดี แต่สามารถนำมาประกอบสำนวนเพื่อแสดงพฤติการณ์ทางคดีได้ ว่าได้กระทำเช่นนี้จริง ทั้งนี้ การตัดสินจะเป็นดุลยพินิจของศาล

ส่วนการเผยแพร่คลิปดังกล่าว พ.ต.ท.ทวีป ยืนยันว่า ไม่ถือว่าเป็นการบีบบังคับให้ตำรวจต้องดำเนินคดี

“แท้จริงแล้วมีบัญญัติในกฎหมายอยู่แล้วว่าการทำร้ายร่างกาย เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ อย่างไรก็จะต้องเปรียบเทียบปรับ แต่จะปรับมากหรือน้อยให้พิจารณาเป็นกรณีไป ต้องยอมรับว่าในสังคมมีลักษณะการกระทำที่กลายเป็นประเพณี หากทั้ง 2 ฝ่ายพึงพอใจไม่เอาความต่อกัน และไม่อยากมีประวัติคดีติดตัว มักจะใช้ประเพณีไกล่เกลี่ยให้จบ และไม่เป็นคดีเท่านั้น ในกรณีของดาราหนุ่มและคู่กรณีนั้น เมื่อคู่กรณีประสงค์จะแจ้งความฐานทำร้ายร่างกายก็สามารถกระทำได้ ข้อหาจะเพิ่มเป็นทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่นั้น ต้องรอผลตรวจวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้นว่าต้องรักษาหรือพักฟื้นกี่วัน จึงจะนำมาพิจาณาว่าถือว่าสาหัสหรือไม่ มีเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่แล้ว” รอง ผกก. (สอบสวน) เผย

น็อต#กราบรถกู จึงเป็นกรณีตัวอย่างเมื่อคลิปวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ถูกแชร์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างหนัก จนกลายเป็นประเด็นฮอตอิชชู่ ไม่อาจยอมความกันได้ ที่สำคัญยังสะท้อนเรื่องการมีสติ ระงับอารมณ์

ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป