เกษียร เตชะพีระ l วาทกรรมความเป็นไทย : เชื้อชาติไทยยืดได้หดได้

เกษียร เตชะพีระ

วาทกรรมความเป็นไทย : 2) เชื้อชาติไทยยืดได้หดได้

ท่าทีทิ้งเพื่อนบ้านไม่ไยดีนับญาติด้วยดังกล่าวในตอนที่แล้วของชาติไทยมากลับตาลปัตรเอาในสมัยรัฐบาลพลตรีหลวงพิบูลสงครามเรียกร้องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและหัวเมืองชายแดนกัมพูชา “คืน” จากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสในช่วงหลังของปี พ.ศ.2483

ทำให้สถานการณ์ชายแดนอีสานและตะวันออกตึงเครียด เกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกำลังทัพฝรั่งเศสในอินโดจีนหลายครั้ง

จนรัฐบาลพิบูลฯ ประกาศสงครามกับอินโดจีนฝรั่งเศสในที่สุดเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ.2484

ภาวะคับขันเผชิญหน้ามหาอำนาจชาติศัตรูตอนนั้น เรียกร้องให้ไทยต้องหาพวกเพิ่มเสริมพลัง

ดังนั้นเองการปรับท่าทีหันหลังกลับตาลปัตร 180 องศาไปหาชนชาติเพื่อนบ้าน ผูกเสี่ยวนับญาติเกี่ยวดองเป็นพี่น้องด้วย ขยับขยายเส้นพรมแดนชุมชนชาติไทยในจินตนากรรมให้แผ่กว้างออกไปผนวกครอบกลืนพวกเขาเข้ามาเป็นสมาชิก เพื่อดึงให้ห่างออกจากฝรั่งเศสศัตรู จึงเกิดขึ้นอย่างพลิกผันเหลือเชื่อเหนือความคาดหมาย

ดังจะเห็นได้จากคำชี้แจงของพันเอกหลวงพรหมโยธี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรื่องการเรียกชื่อชนเชื้อชาติไทยในอินโดจีน ลงวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2483 ดังต่อไปนี้ (คงตัวสะกดไว้ตามต้นฉบับเดิม) :

ที่ ๘/๒๒๘๒๑

๒๔๘๓

(ตราครุฑ)

คำชี้แจงทหาร

เรื่อง การเรียกชื่อชนเชื้อชาติไทยในอินโดจีน

เนื่องด้วยสถานการณ์ทางอินโดจีนกำลังเข้าคับขันและอัตคัดขาดแคลนยิ่งขึ้น บรรดาพี่น้องของเราที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ในเขตต์ประเทศนั้นต่างอพยพกันเข้ามาอยู่ร่วมกับไทยในพระราชอาณาเขตต์มากขึ้นทุกวัน ในกรณีนี้ได้ปรากฏมีผู้เข้าใจผิดเรียกนามชาติภาษาของพี่น้องพวกนี้ว่า ญวน, เขมร, ลาว ซึ่งฟังแล้วรู้สึกคล้ายจะเป็นชาวต่างประเทศหรือต่างด้าวเหมือนเช่นชาติอื่นๆ ทั่วไป ฉะนั้น จึงเห็นควรชี้แจงให้ทราบไว้ว่า บุคคลที่มักเรียกกันว่า ญวน, เขมร, ลาวนั้น ที่แท้มีเชื้อชาติเดียวกันกับไทย หาใช่มาทางสายอื่นไม่ นับเป็นคนเลือดเดียวกันโดยแท้ โดยเหตุฉะนี้จึงไม่สมควรที่จะเรียกชื่อภาษาให้เป็นอื่นไป ควรจะเรียกกันฉันท์ญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต เช่น พี่น้องไทยในประเทศญวน, พี่น้องไทยในแคว้นลาว และพี่น้องไทยในแคว้นกัมภูชา ดั่งนี้เป็นตัวอย่าง

อนึ่ง เนื่องในการปฏิวัติของพี่น้องไทยในประเทศญวนเพื่อก่อกู้อิสสรภาพของตนในขณะนี้ ได้มีผู้เข้าใจผิดเรียกเหตุการณ์นั้นว่า “กบฏ” และเรียกตัวบุคคลว่า “พวกกบฏ” อันคำว่า “กบฏ” นั้น แปลว่า คด, โกง, พยศร้าย, ล่อลวง เป็นคำสำหรับใช้แก่ชาติเดียวกันที่ทรยศต่อกัน ดังเช่นชาวฝรั่งเศสบางส่วนที่ขัดขืนอำนาจของรัฐบาลฝรั่งเศสเอง เป็นต้น เรียกว่ากบฏ แต่การกระทำของพี่น้องไทยในประเทศญวนคราวนี้ไม่ใช่เป็นการคด, โกง, หรือทรยศล่อลวงผู้ใด เป็นการปฏิวัติเพื่อเอกราชและอิสสรภาพของประเทศชาติตนเอง ฉะนั้นจะเรียกว่ากบฏหาได้ไม่ จึงขอให้บรรดาข้าราชการกลาโหมพึงเข้าใจตามที่ชี้แจงมานี้

(ลงนาม) พ.อ.พรหมโยธี

รมช.กท.กลาโหม

ศาลาว่าการกลาโหม พระนคร

๗ ธ.ค. ๘๓

อาการจินตนากรรมความสัมพันธ์แบบนับญาติพี่น้องกับญวน, เขมร, ลาว ว่าเป็นเชื้อชาติเดียวกัน, สายเลือดเดียวกัน หรือพูดอย่างฟันธงก็คือเป็น “ไทย” ด้วยกันตามโครงการสร้างอภิมหาชุมชนรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยข้ามรัฐ (pan-Thai project) นี้ อีกนั่นแหละ ก็ไม่ยั่งยืนสถาพร

แต่มาพลิกผันกลับตาลปัตรอีกครั้งท่ามกลางสถานการณ์สงครามเย็นระดับโลกและสงครามร้อนแอนตี้คอมมิวนิสต์ในอินโดจีนช่วง พ.ศ.2506-2518 ที่รัฐบาลเผด็จการทหารถนอม-ประภาส-ณรงค์ถือหางลงขันทุ่มทุนเข้าร่วมรบเคียงข้างฝ่ายสหรัฐอเมริกาอย่างสุดตัว

โดยเปิดแผ่นดินให้อเมริกันตั้งฐานทัพและสถานีจารกรรม ส่งทหารและเจ้าหน้าที่ 50,000 คนเข้ามาประจำการ ใช้เป็นฐานบินส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดอินโดจีน เป็นต้น

รัฐบาลยังจัดส่งทหารอาสาสมัครและทหารรับจ้างไทยไปร่วมรบในอินโดจีน ด้วยคำอธิบายว่าเป็นการป้องกันตนเองจากภัยคอมมิวนิสต์แต่เนิ่นๆ โดยออกไปทำสงครามเสียตั้งแต่นอกบ้าน (คือไปทำสงครามในบ้านของเพื่อนบ้านนั่นเอง)

จินตนากรรมใหม่สมัยนั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชาติไทยกับชาติเพื่อนบ้านจึงไม่มองเขาเป็นญาติมิตรพี่น้องร่วมเชื้อร่วมแถวอีกต่อไป หากกลายเป็นอภิมหาภัยคุกคามประชิดติดชายแดนอีสาน-ตะวันออก

ดังสะท้อนออกอย่างกระชับชัดจับใจในภาพโปสเตอร์ “ตื่นเถิด…ชาวไทย” ของหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ที่ธงชัย วินิจจะกูล ได้รับอนุญาตจาก Conrad Taylor นำมาพิมพ์ขึ้นปกและประกอบหนังสือ Siam Mapped ของเขา (ดูภาพประกอบด้านบน)

ธงชัยเขียนคำบรรยายภาพนี้ว่า :-

หากหลวงพ่อสำเนียงมีโอกาสออกแบบจัดทำโปสเตอร์ดังกล่าวใหม่อีกครั้งในปัจจุบัน ภาพจินตนากรรมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนชาติไทยกับเพื่อนบ้านคงจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์โลกยุคหลังสงครามเย็น-เริ่มสงครามยาบ้า เช่น แทนที่จะอยู่พรมแดนตะวันออก ทหารผู้นั้นคงย้ายมาประชิดติดพรมแดนด้านตะวันตก, แทนที่จะเสียบค้อนเคียว เขาอาจเสียบห่อบรรจุยาบ้าแนบเข็มขัด, แทนที่รูปดาว อาจมีเม็ดยาบ้าวางเรียงกันเป็นตัวหนังสือว่า “ว้าแดง” หรือ “เหว่ยเซียะกัง” บนหมวก

และแทนที่รูปร่างของเขาจะวาดทับแผนที่เวียดนาม, กัมพูชาและลาว คราวนี้มันคงจะวาดทับแผนที่เมียนมา

“ข้อความจริงที่ว่าภูมิร่างกายกับประวัติศาสตร์มีส่วนอย่างใหญ่หลวงในการผลิตความเป็นไทยและสร้างบรรดาศัตรูของความเป็นไทยขึ้นมานั้นน่าจะแสดงให้เห็นได้ดีที่สุดด้วยโปสเตอร์แผ่นหนึ่งซึ่งอาจไม่แพร่หลายนักแต่ก็เป็นตัวอย่างแบบฉบับที่น่าตื่นตาตื่นใจของงานประเภทเดียวกัน ภาพที่ ๒๐ แสดงรูปแผนที่ลอยเด่นขึ้นมาโดยไม่มีแผนภูมิโลกใดๆ ให้อ้างอิงในฉากหลัง แต่ก็ดูออกได้ง่ายว่าเป็นแผนที่ประเทศไทย ทางพรมแดนตะวันออกมีรูปทหารนายหนึ่งคาดเข็มขัดกระสุนพร้อมสรรพ ตาเขาจ้องแผนที่ไทยเขม็งพลางอ้าปากกว้างราวจะข่มขู่หรือทำท่าจะเขมือบแผนที่ไทยนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ อันนี้เราชี้ตัวได้ง่ายโดยดูจากเครื่องแบบ ดาวบนหมวก และค้อนเคียวที่เสียบเข็มขัดของเขาอยู่ ลักษณะที่น่าแปลกตาตื่นใจที่สุดของทหารผู้นี้คือรูปร่างของเขาซึ่งวาดทับรูปแผนที่ประเทศเวียดนาม กัมพูชาและลาวที่เอามาต่อรวมกัน ด้านบนสุดของภาพเป็นผืนธงไตรรงค์อยู่เหนือสัญลักษณ์ขององค์กรที่ผลิตโปสเตอร์แผ่นนี้ ตัวสัญลักษณ์เองก็มีธงไตรรงค์กับแผนที่ประเทศไทยประดับอยู่ในนั้นด้วย คำอธิบายด้านล่างอ่านว่า : “ตื่นเถิด…ชาวไทย” ในรูปแผนที่ประเทศไทยเอง มีข้อความว่า : “เราเสียดินแดนไปแล้ว ๓๕๒,๘๗๗ ตารางกิโลเมตร ยังเหลืออยู่เพียง ๕๑๔,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร” ใต้รูปแผนที่ลงมามีคำขวัญว่า: “สามัคคีคือพลัง ป้องกันชาติ หยุดฉ้อราษฎร์ ชาติเจริญ” ล่างสุดเป็นชื่อผู้จัดทำโปสเตอร์ “หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร” ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง”

(สำนวนแปลของผู้เขียนเองจาก Thongchai, Siam Mapped)