“นิ่ง” ไม่เป็น

จากเพลงแร็พต่อต้านเผด็จการและบรรยากาศการเมืองที่โด่งดังในวงแคบๆ

มีคนดูอยู่แค่ 8 แสนวิว

ถ้ารัฐบาลอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้คนที่ไม่พอใจมี “รูระบาย” บ้าง

ยอดคนดูก็คงเพิ่มขึ้นแค่หลักล้านต้นๆ

แต่ทันทีที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกรัฐบาลป้ายแดงออกมาแสดงความไม่พอใจ

ตามด้วย “พี่ศรี” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล นายตำรวจคนดัง ออกมาผสมโรง

แค่นั้นเอง กระแสความอยากรู้อยากเห็นก็เพิ่มขึ้นทันที

ยอดคนดูก็พุ่งขึ้นเป็น 8 ล้านวิวในพริบตา

ก่อนทะยานขึ้นเป็น 20 กว่าล้านวิวในเวลาไม่ถึงสัปดาห์

ถือเป็น “ความล้มเหลว” ของทีมงานโฆษกป้ายแดงอย่างแท้จริง

ตั้งแต่เปิดเพจ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงใกล้เลือกตั้ง

เหมือนเปิดคางให้คู่ต่อสู้ชก

หรือเรื่องนี้ที่ทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้กลายเป็นเรื่อง

เห็นกองไฟเล็กๆ ขวางทาง

ปล่อยไปเดี๋ยวก็มอด

กลับสาดน้ำมันเข้ากองไฟ

#ประเทศกูมี

เช่นเดียวกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

เขาคงกลัวว่ากระแสของพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะหาย

“กำนันสุเทพ” จึงนำกลยุทธ์ “ย้อนอดีต” มาใช้

เขาเคยประสบความสำเร็จมาครั้งหนึ่งสมัยที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์

ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกผู้ว่าฯ กทม.

คะแนนของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างแรง

“สุเทพ” จัดปราศรัยใหญ่ที่เซ็นทรัลเวิลด์

ขุดประเด็นเก่าสมัยพฤษภาคม 2553 พร้อมวลี “เผาบ้านเผาเมือง” ขึ้นมาอีกครั้ง

ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะเลือกตั้ง

ครั้งนี้ “กำนันสุเทพ” ใช้กลยุทธ์เดิม แต่เป็นการย้อนอดีตสู่ยุครุ่งเรืองสมัย กปปส.

…รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆ

เดินสาย “คารวะแผ่นดิน” ทั่วเมืองกรุง

“สุเทพ” หวังว่าจะย้อนความทรงจำที่คนกรุงแห่เข้าร่วมม็อบ “ชัตดาวน์ กทม.” เมื่อปี 2557 เปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์รัฐประหาร

คิดว่าจะได้กระแสตอบรับแบบเดิม

แต่ผลกลับตรงกันข้าม

มีคนเดินเข้ามากรี๊ดกร๊าดน้อยมาก

ส่วนใหญ่จะนิ่งเฉย

ที่สำคัญ เสียงของพ่อค้าแม่ค้าค่อนข้างชัดเจน

“เศรษฐกิจไม่ดี”

แต่ที่นึกไม่ถึงก็คือ ปฏิกิริยาทางลบ ทั้งคนที่ออกมาต่อว่า “สุเทพ” ทั้งกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม

และพลพรรค กปปส.เดิม

ภาพที่ผ่านการ LIVE จึงค่อนข้างหงอยเหงาจนน่าตกใจ

แทนที่จะ “บวก” กลับเป็น “ลบ”

4 ปีผ่านไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง

#ประเทศกูมี