ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 พฤศจิกายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ / สันติ จิรพรพนิต cars@khaosod.co.th
‘AMG Driving Experience’
อลังการงานเปิดตัวเบนซ์ 3 รุ่นใหม่
ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้วซึ่งผมเดินทางร่วมทริปกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ที่ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดอบรมการขับขี่เพิ่มทักษะให้สื่อมวลชนรวมถึงลูกค้าในวาระต่างๆ
ทริปนี้ไปมันสุดๆ บนสนามแข่งระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” จ.บุรีรัมย์
ก่อนหน้านี้ผมเล่าถึงบรรยากาศการฝึกขับรวม 4 สถานีเพื่อเพิ่มทักษะ
ทั้ง “Motorkhana” ฝึกบังคับรถยนต์ในสนามจำลองเล็กๆ ที่ทำเลนซิกแซ็กไปมาโดยให้แต่ละคนทำเวลาให้น้อยที่สุด
“Cornering Theory” เป็นสถานีทดสอบการเข้าโค้ง เพื่อเพิ่มทักษะการเข้าโค้งที่ถูกต้องและปลอดภัย
“Brake and Swerve” ทดสอบระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบ ESP หรือช่วยการทรงตัว ด้วยการเบรกและหักหลบอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย ESP Exercise อิงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน กรณีผู้ขับขี่อาจเผลอเรอ เช่น รับโทรศัพท์ หรือมองหาสิ่งของในรถขณะแล่นไปตามถนน เมื่อมีคนหรือรถขวางหน้าต้องหักหลบและตวัดกลับเข้าเลนเดิมโดยไม่ต้องแตะเบรก
ทั้ง 4 สถานีถือว่านำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ที่สำคัญได้โชว์เทคโนโลยีความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวได้ยอดเยี่ยม เรียกว่ายากที่จะพลิกคว่ำก็ว่าได้
ปิดฉาก “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ด้วยการขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่างๆ ที่เตรียมไว้ราวๆ 30 คัน รอบสนามช้างฯ
เรียกว่านำรถตลาดครบทุกโมเดลก็ว่าได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง “C 220d” ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่มากน้อย
ขอสารภาพว่าจำไม่ได้จริงๆ ครับว่าทริปนี้ผมขับรถรุ่นอะไรบ้าง เพราะแต่ละสถานีและแต่ละรอบที่ขับจะเปลี่ยบนรถคันใหม่ตลอด
ถ้าประเมินคร่าวๆ ผมว่ารถที่ขับใน 1 วันนี้ราคารวมกันไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทแน่ๆ
ในช่วงการขับรอบสนามก็เหมือนกับเข้าสถานีต่างๆ จะแบ่งนักข่าวออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีครูฝึกขับนำเพื่อให้ผู้สื่อข่าวขับตามชนิดทับรอยล้อ เนื่องจากครูฝึกจะนำเข้าโค้ง หรือขับในเลนที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
แต่ละคนจะได้รับกันหลายรอบ และในรถหลายคันที่สลับสับเปลี่ยนกันไป
ผมซัดไป 3 รอบก็เพียงพอในการซึมซับอารมณ์ของการขับในสนามแข่งระดับโลกแห่งนี้แล้ว
ต้องบอกว่าสนุกจริง ไรจริง ยิ่งในทางตรงที่กดกันมิดคันเร่ง หรือช่วงเข้า 3 โค้งซ้าย-ขวาต่อเนื่อง
เสียงยางบดกับสนามเร้าใจดีเหลือเกิน
สนามช้างฯ ถือว่าเป็นสนามที่สมบูรณ์และไม่น่าแปลกที่ได้จัดการแข่งขันแข่งรถระดับโลก อย่าง “โมโต จีพี” การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ ที่เพิ่งจบไปก่อนกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ราวๆ สัปดาห์เดียวเท่านั้น
เป็นอันจบกิจกรรมอบรมการขับขี่กับค่ายดาวสามแฉกอย่างสนุกสนาน และอัดแน่นไปด้วยความรู้ พร้อมรับใบรับรองกันไปครบทุกคน
ขอย้อนกลับไปวันแรกที่ผมเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ เพราะเป็นวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coup รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่
Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+
และ Mercedes-Benz C 200 Coupe AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศเช่นกัน
พูดถึงแบรนด์ “Mercedes-AMG” เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งใจจะขยายตลาดมากขึ้นเพราะในระดับโลกและเมืองไทยนั้น แบรนด์นี้มียอดขายที่โดดเด่นมาก เนื่องจากเป็นตัวแต่ง ตัวแรงของค่าย
เรียกว่าซื้อไปแล้วไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพราะทั้งสวย ทั้งแรงมาพร้อมสรรพ
ส่วนอีกแบรนด์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำอยู่คือ “Mercedes-maybach” เน้นตลาดหรูเฟร่อสุดๆ
การเปิดตัวรถทั้ง 3 รุ่นทำในสนามแข่งช้างฯ นี่แหละครับ
พร้อมกับการโชว์ขับรถผาดโผนเล็กๆ ของกลุ่มครูฝึก สนุกสนาน และระทึกพอประมาณ
มาเริ่มกันที่ตัวแพงสุดคือ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ที่นำสุดยอดซีดานมาปรับโฉมพร้อมเพิ่มความแรงจนถือว่าเป็นที่สุดของ “E-Class”
ดีไซน์ภายในตกแต่งด้วยเบาะแบบ AMG Performance Seat ชุดหน้าจอความละเอียดสูง COMAND ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกหน้าจอได้ 3 แบบคือ Classic, Sport และ Progressive
ระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester high-end 3D surround sound system
ความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay
ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
ความแรงหายห่วงเพราะใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 3,982 ซีซี กำลังสูงสุด 612 แรงม้า/5,750-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 850 นิวตัน-เมตร/2,500-4,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 3.4 วินาที
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดพร้อมกับคลัตช์เปียก (wet start-off clutch) เป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองได้อย่างคล่องตัวขึ้น
ราคา 12,790,000 บาท
ถัดมาเป็นรุ่นประกอบในประเทศ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงินแบบด้าน ฝากระโปรงหน้าปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลม ดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ช่วยการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ พร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look
ประตูแบบไร้ขอบดูสปอร์ตขึ้น ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling หลังคาพาโนรามิกซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seat แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Progressive
พวงมาลัยรุ่นใหม่แบบ AMG Performance Steering Wheel แบบท้ายตัดหุ้มด้วยหนังชนิด Nappa leather คันเกียร์ที่คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะและรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้างที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้
ขุมพลังเบนซิน V6 ความจุ 2,996 ซีซี กำลังสูงสุด 390 แรงม้า/6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร/2,500-5,000 รอบต่อนาที
ราคาจำหน่าย 4,220,000 บาท
สุดท้ายกับรุ่น Mercedes-Benz C 200 Coupe AMG Dynamic รุ่นนี้ไม่ใช่ Mercedes-AMG นะครับ เพราะเพียงแต่เพิ่มชุดแต่ง AMG เข้ามาเท่านั้น
ดีไซน์ภายนอกด้านหน้าและท้ายรถใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ระบบกันสะเทือนแบบ AMG Sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL
ภายในเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่ โทนสีของไฟภายในห้องโดยสารเลือกได้ถึง 64 สี ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester surround sound system และหลังคาแก้วแบบ panoramic sliding sunroof
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1,497 ซีซี กำลังสูงสุด 184 แรงม้า/5,800 – 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 280 นิวตัน-เมตร/ 3,000-4,000 รอบต่อนาที
ราคา 3,450,000 บาท