ส่อง Sony BRAVIA Master Serie ทีวีนี้มีอะไรทำไมราคา 2 แสนบาท!

กับชื่อ BRAVIA ที่ Sony ใช้เป็น Sub-Brand สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับจอภาพ ซึ่งมีทั้งที่เป็นเครื่องรับโทรทัศน์ หรือเรียกกันติดปากว่าทีวี และที่เป็นจอมอนิเตอร์สำหรับการแสดงผลภาพซึ่งมาจาก Source ต่างๆ ที่ปัจจุบันจะเรียกกันว่า 4K Professional Display ซึ่งได้มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะสื่อแพร่ภาพโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะในศูนย์การค้านั้น

พอจะจำกันได้ไหมครับ ว่ามันย่อมาจาก Best Resolution Audio Visual Integrated Architecture ซึ่ง Sony Corporation เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2005 พร้อมกับการเปิดตัวทีวีเจเนอเรชั่นแรกของชื่อนี้อย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงโตเกียว

โดยได้เชิญสื่อมวลชนทั่วโลกไปร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

หยิบชื่อ BRAVIA มาพูดถึง ก็เนื่องเพราะช่วงเดือนกันยายน ได้ข่าวว่า Sony จะออกทีวีรุ่นใหม่ ซึ่งจะมาเป็น “เรือธง” ของกลุ่มทีวีปัจจุบัน โดยให้ชื่อว่า Master Series และยังมีแยกย่อยออกไปอีกสองกลุ่ม

โดยกลุ่มหนึ่งเป็น OLED TV กับอีกกลุ่มที่เป็น LCD TV ซึ่งทั้งสองกลุ่มที่มีหน้าจอแสดงผลภาพแตกต่างกันนั้น มีขนาดจอภาพให้เลือกสองขนาดที่ไม่เหมือนหรือเท่ากันซะทีเดียว คือ OLED TV มีขนาดจอภาพ 55 นิ้ว และ 65 นิ้ว ส่วน LCD TV มีจอภาพขนาด 65 นิ้ว และ 75 นิ้ว ให้เลือก

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ได้ข่าวนั้นยังไม่มีรุ่นใดรุ่นหนึ่งเข้ามา ก็เลยยังไม่รู้ราคา จึงยังไม่ได้นำมาแจ้งให้ทราบ

กระทั่งช่วงต้นเดือนนี้แหละครับที่ทั้งคู่เข้ามาเรียบร้อยแล้ว แต่เป็นอย่างละรุ่น

จึงได้ฤกษ์นำมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง

โดย BRAVIA 4K HDR OLED TV Model A9F ที่เข้ามานั้นมีจอภาพขนาด 65 นิ้ว และ BRAVIA 4K HDR LCD TV Model Z9F ที่เข้ามามีขนาดจอภาพ 75 นิ้ว ซึ่งหน้าตาก็อย่างที่เห็นในรูปนั่นแหละครับ

Sony บอกว่า นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีเชิงนี้ โดยที่ทั้งสองรุ่นใช้หน่วยประมวลภาพที่เป็นพัฒนาการล่าสุดคือ 4K HDR Picture Processor X1 Ultimate ที่สูงด้วยประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการนำเสนอคุณภาพของภาพได้ด้วยมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับจอมอนิเตอร์ระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง

ด้วยบรรทัดฐานของคุณภาพของภาพที่ได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยกลุ่มวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญสูง และเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทางด้านนี้มาอย่างยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าทีวีรุ่นใหม่ในตระกูล Master Series จะสามารถนำเสนอภาพเพื่อความบันเทิงภายในบ้านได้ด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดในบรรดาทีวีประเภทเดียวกัน

หัวใจสำคัญของ BRAVIA Master Series ทั้งสองรุ่น ก็อยู่ที่ชิปประมวลผลภาพซึ่งเป็นนวัตกรรมตัวที่กล่าวถึงข้างต้นนั่นแหละครับ

Sony บอกว่าพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับกลุ่มทีวีระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ และทำงานมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมาก โดยจะทำหน้าที่ตรวจจับแสงและสี พร้อมกับวิเคราะห์เพื่อรังสรรค์ภาพที่มีคุณภาพได้ดีขึ้น ภาพมีรายละเอียดและความคมชัดที่สมจริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Netflix Calibrated Mode ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับชมภาพ Online Video Streaming จากผู้ให้บริการอย่าง Netflix ได้อย่างอิ่มตามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสะดวกกว่าเดิมที่ไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ด้วย

นอกจากนั้นแล้ว BRAVIA Master Series ยังได้ผนวกซอฟต์แวร์ CalMAN ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานสำหรับการปรับแต่งหน้าจอเพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด โดยซอฟต์แวร์ตัวนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในแวดวงมืออาชีพในการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับควบคุมคุณภาพของภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่ผู้ผลิต Content ได้กำหนดเอาไว้

BRAVIA 4K OLED TV Model A9F มาด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบหรูในสไตล์ Minimalist จอภาพที่เป็นแบบ OLED : Organic Light Emitting Diode นั้นมีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล ผนวกด้วยวงจร Pixel Contrast Booster ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มคอนทราสต์ได้สูงสุดในทุกเฉดสีธรรมชาติด้วยความสว่างสูงสุด ขณะเดียวกันก็ให้สีดำได้อย่างดำสนิท ภาพที่ปรากฏบนจอจึงมีชีวิตชีวาด้วยรายละเอียดอย่างครบถ้วน และควบคู่ไปกับสีสันอันสดใสภายใต้ความคมชัดอย่างสมจริงด้วยความละเอียดระดับ 4K HDR

อีกทั้งยังมีการรีมาสเตอร์ HDR เชิงวัตถุ (Object-Based HDR Re-master) ซึ่งจะช่วยให้สีของวัตถุบนจอถูกวิเคราะห์ซ้ำ เพื่อปรับคอนทราสต์ของภาพให้มีมิติที่สมจริง ในลักษณะของทรวดทรงวัตถุภาพอย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบ Super Bit Mapping 4K HDR ที่ช่วยให้การเกิดแถบแสงลดน้อยลง

ทำให้ภาพมีความนุ่มนวลเป็นธรรมชาติอันเสมือนจริงขึ้นไปอีกระดับ นอกจากนี้ยังรองรับการประมวลผลฐานข้อมูลแบบคู่ (Dual Database Processing) ซึ่งนอกจากจะช่วยลดสัญญาณรบกวนบนหน้าจอลงแล้ว ยังช่วยเพิ่มสเกลความละเอียดซึ่งเป็นการเพิ่มความคมชัดของภาพไปในตัวด้วย

Model A9F ยังได้ผนวกเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความโดดเด่นของภาพในด้านต่างๆ ทั้ง 4K X-Reality Pro, Tri-Luminos Display ทางด้านระบบเสียงใช้เทคโนโลยี Acoustic Surface Sound ที่มีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่มีความกระจ่าง คมชัด เปี่ยมไปด้วยพลัง

รวมทั้งให้มิติและรายละเอียดเสียงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

สําหรับ BRAVIA 4K HDR LCD TV Model Z9F นั้น ให้มุมมองภาพที่กว้างยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี X-Wide Angle ทำให้ไม่ว่าจะนั่งชมอยู่ ณ ตำแหน่งไหน หรือเหลื่อมมุมมองกับจอภาพมากเท่าไร ก็ยังสามารถรับชมภาพได้อย่างสมจริง

ทั้งในแง่ของสีสัน แสงเงา รวมทั้งลักษณะวัตถุและมิติภาพด้วย ด้านการแสดงผลภาพนั้น นอกจากใช้ชิปประมวลผลที่เป็นพัฒนาการล่าสุดแล้ว ยังได้ผนวกเทคโนโลยี Backlight แบบ Full LED ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมภาพบนหน้าจอให้เปล่งแสงและสีสันออกมาได้อย่างแม่นยำ สมจริง อีกทั้งยังให้คอนทราสต์ภาพออกมาได้อย่างโดดเด่น และรังสรรค์ภาพออกมาด้วยมิติที่มีความเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี X-Motion Clarity ที่ให้ภาพเคลื่อนไหวมีความเนียนตาเสมือนมองภาพเคลื่อนที่จริงๆ ด้วยตาเปล่า

ทั้งสองรุ่นต่างเป็น Smart TV ที่รองรับระบบปฏิบัติการ Android 8.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ราคาเปิดออกมาที่แสนเก้าหมื่นบาทสำหรับหน้าจอ 75 นิ้ว ส่วนขนาด 65 นิ้ว ราคาถูกกว่าสองหมื่นครับ

โดยทั้งสองรุ่นต่างมีทอน 10 บาท ที่ดูเหมือนจะปฏิบัติกันเป็นประเพณีของการตั้งราคาทีวีระดับพรีเมียมไปซะแล้ว