จรัญ พงษ์จีน : แผนสำรองฉุกเฉิน หากเพื่อไทยถูกสอย

จรัญ พงษ์จีน

เพราะถูกยุบมาแล้วทั้ง “พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน” เงื่อนไขตามสายตาของผู้คนโดยทั่วไปก็ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารแต่ประการใด ออกทีวี “ทำกับข้าว” ยังโดน แล้วนับประสาอะไรกับกรณีที่ “คุณพี่ คสช.” แจ้งความดำเนินคดีกับ 7 แกนนำ “พรรคเพื่อไทย”

ข้อหาฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช. ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐาน “ยุยงปลุกปั่น เป็นภัยต่อความมั่นคง จากการตั้งโต๊ะแถลงผลงานครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร”

เป็นห้องเครื่องให้ “พลพรรคเพื่อไทย” ทุกคนเกิดอาการตระหนัก พากันปากกล้า ขาสั่นป้าบป้าบ

กอปรกับการออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 ดังที่ทราบว่า “เพื่อสืบทอดอำนาจ”

“พรรคเพื่อไทย” ทำท่าจะเป็นมารคอหอย ตัวอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากมีการวิเคราะห์ ทำโพลถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามโรดแม็ปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 กระแสนิยมยังเฟื่องฟู หรูเฟ่ มีโอกาสชนะสูง

พรรคคู่แข่ง ไม่ว่าพิมพ์นิยมระดับ “ประชาธิปัตย์” จัดแถวไม่แล้วเสร็จ เส้นทางยังลดเลี้ยวเคี้ยวคดยังกะอยู่เขาวงกต ไม่เห็นว่ามีหมากเด็ดไหนนำไปสู่ชัยชนะ ทำท่าจะแพ้ซ้ำซาก

ขณะที่ “พรรคพลังประชารัฐ” สะพานแห่งการสืบทอดอำนาจสู่วิถีทางประชาธิปไตย ต้องยอมรับว่าขนาดใช้บริการ “แก๊งออฟโฟร์” จากรัฐบาล “บิ๊กตู่” มาเป็นนางกวัก บริหารจัดการ แต่เปิดตัวก็ไม่โดนสักเท่าไหร่ “กระสุน” เยอะ แต่ “กระแส” ทรงๆ ทรุดๆ

“ปฏิวัติ-รัฐประหาร” คว่ำกระดานพลเรือนมา 4 ปีแล้ว ส่อเค้าเล่าอาการว่าจะ “เสียของ” ฟรีอีกแล้วครับท่าน

การเมืองสไตล์ไทยๆ เล่นไม่ยาก เมื่อ “เพื่อไทย” เป็นก้างขวางคอ แทนที่จะโทษตัวเองว่าทำอะไรไม่เป็น เกาไม่ถูกที่คัน ก็พาลไปโยนความผิดให้คนอื่น

“พรรคเพื่อไทย” จึงเกิดสภาพครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวๆ ร้อนๆ กลัวจะถูก “ยุบพรรค” หากสำเร็จโทษได้จริงดังว่า ผลก็คือ “ทำให้สมาชิกพรรคขาดคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส.” ซึ่งกำหนดให้ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ต่ำกว่า 90 วัน

หมายความว่า ใครจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ต้องสังกัดพรรคอย่างช้าไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายน 2561

กรณี “พรรคเพื่อไทย” ถูกยุบหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง จะก่อมรรคผลให้ผู้สมัครที่วางตัวไว้แล้ว “ขาดคุณสมบัติ” ทั้งหมด เลยคิดกันเหนียว ตามยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พัน”

สับซอยแยกย่อย จดแจ้ง “พรรคอะไหล่-พรรคสำรอง-พรรคพี่-พรรคน้อง” แยกกันเดินเพื่อเป็นหลักประกันกันเป็นว่าเล่น

นับหนึ่งจาก “พรรคประชาชาติ” ที่ก่อร่างสร้างตัวมาจาก “กลุ่มวาดะห์” มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” นั่งหัวหน้าพรรค แรกๆ ไม่ชัดสักเท่าไหร่ แต่พอเปิดตัว “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” อดีต ผอ.ศอ.บต. เป็นเลขาธิการพรรค จึงถึงบางอ้อ

ตามข่าวระบุว่า “พรรคประชาชาติ” ไม่ใช่ “พรรคอะไหล่” แต่เป็น “นอมินี” มุ่งเก็บแต้มใน 4 จังหวัดภาคใต้ ทั้ง “ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี” และ “สตูล” บินข้ามเขตมายังสงขลาบางส่วน

“ธง” คือ เก็บแต้มจาก ส.ส.เขตเลือกตั้ง 7-8 ที่นั่ง แต่จะกวาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถมจุดอ่อนที่ “เพื่อไทย” บกพร่องในพื้นที่ภาคใต้ และทั่วประเทศ เน้นเขตที่มีพี่น้องชาวมุสลิมเป็นหลัก ส่งผู้สมัคร 50-60 เขต น่าจะได้เสียงสนับสนุนโดยรวมเกิน 2 ล้านแต้ม หักกลบลบหนี้แล้ว น่าจะได้ ส.ส. 2 ระบบ เขตเลือกตั้ง-ปาร์ตี้ลิสต์ ทะลุ 20 ที่นั่ง

 

ชัดเลยว่าเป็น “พรรคสำรอง” คือ “พรรคเพื่อธรรม” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิดเมื่อปลายเดือนกันยายน กรรมการบริหารพรรคหน้าตาและชื่อล้วนแล้วแต่คนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค ที่ชื่อ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รองหัวหน้าพรรค “นางนลินี ทวีสิน” หรือเลขาธิการพรรคที่ชื่อ “พงศกร อรรณนพพร” ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยมีบทบาท สายสัมพันธ์โยงใยถึงกันกับ “ตระกูลชินฯ” และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีร่วมสมัยมาด้วยกันทั้งหมด

ตามด้วย “พรรคเพื่อชาติ” แม้ว่ายังไม่ได้เปิดตัวตนว่าใครจะเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ก็รู้กันโดยทั่วว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนสำคัญได้แก่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภา กับ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. ที่หลังพ้นโทษออกมา เปลี่ยนวิธีคิดเป็นคนละคน

ล่าสุด มีพรรคอะไหล่ผุดขึ้นมาอีกพรรคคือ “ไทยรักษาชาติ” ยังไม่ได้เปิดตัวว่าใครจะถูกส่งมาเป็นกรรมการบริหาร ใครอยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ รู้แต่ว่า ชื่อย่อใช้ “ทษช.” ชื่อกลับไปสอดคล้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร”

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดคือ ทุกฝ่าย ไม่ว่า “กองเชียร์-กองแช่ง” จินตนาการเอาเองว่า “เพื่อไทย” อาจจะม้วนเสื่อ ถูกยุบ เจริญรอยตามพรรคผู้พี่ “ไทยรักไทย” และ “พลังประชาชน”

นำจุดพลิกผันเหล่านั้นมาสร้างสถานการณ์ให้สาแก่ใจ ลูกข่าย “เพื่อไทย” ก็พากันตกใจเสียสติกันไปใหญ่

ขณะเดียวกัน “ข้อเท็จจริง” แล้วเรื่องของการยุบพรรค ไม่ใช่แคะขนมครกที่จะเนรมิตกันได้ง่ายๆ ในวันนี้ วันพรุ่ง มีขั้นตอนเกี่ยวกับกรอบเวลา

สมมุติฐานว่า “เพื่อไทย” ถูกยุบ กว่าจะสำเร็จโทษได้ทุกขั้นตอน ก็ต้องก้าวผ่านศึกเลือกตั้งใหญ่ ที่จะระเบิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธุ์ 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หมายความว่า ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ไม่ขาดคุณสมบัติ และเมื่อได้รับเลือกแล้ว กรณีที่ต้นสังกัดถูกยุบ ก็สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค

“เพื่อไทย” มีนักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญมากมาย ย่อมรู้แจ้งแทงทะลุตรงประเด็นนี้

อ่านหนังสือออก เตรียมหมากแก้ไว้รับมือเรียบร้อย แยกออกเป็น 3 กอง คือ

1. กรรมการบริหารพรรค

2. บัญชีชื่อ ผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง

3. บัญชีปาร์ตี้ลิสต์ กับผู้บริหาร ทั้งรัฐมนตรี และอื่นๆ

ทีเด็ดของ “เพื่อไทย” อยู่ที่ บุคคลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจำนวน 3 คน เป็นคนที่ “นายใหญ่” ไว้วางใจมาก แต่อุบไต๋ไว้ปล่อยของโค้งสุดท้าย

จะใช่หรือไม่ใช่ ว่าเป็น 1 ใน 3 กับเขาหรือไม่ มิทราบ รู้แต่ว่า ตอนนี้ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เจ้าของฉายา “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” สมัย “ยิ่งลักษณ์” หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาเล่นกับกระแสอีกครั้ง

ล่าสุดโพสต์ข้อความพร้อมภาพ พบแมวตัวเก่าชื่อ “เจ้าหลง” ที่สถานีรถไฟลาดกระบัง แฟนกดตามกันพรึบ

ส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า