ทำไม “ศรีสะเกษ” น็อก “มวยรองบ่อน” ไม่ลง? หนทาง “สุ่มเสี่ยง” ในอนาคตของ “เจ้าแหลม”

แฟนมวยจำนวนมากอาจรู้สึกคลางแคลงใจว่า ทำไม “เจ้าแหลม-ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) ขวัญใจชาวไทย จึงน็อก “อิราน ดิอาซ” รองแชมป์อันดับ 12 ชาวเม็กซิกันไม่ลง?

ทั้งๆ ที่เจ้าแหลมเคยเอาชนะ “มวยดี” ซึ่งมีดีกรีเหนือกว่าดิอาซมาแล้ว ตั้งแต่ “โรมัน กอนซาเลซ” จนถึง “ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า”

“สร้อย มั่งมี” เจ้าของนามปากกา “สอดสร้อย สาวสังเวียน” แห่งหนังสือพิมพ์ข่าวสด และแฟนพันธุ์แท้แชมเปี้ยนโลกชาวไทย วิเคราะห์ว่าผลการชกในไฟต์ล่าสุดของศรีสะเกษไม่ได้เกินความคาดหมาย แม้อาจจะผิดจากความคาดหวังของแฟนๆ ไปบ้าง เมื่อเจ้าแหลมน็อกผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกันไม่ได้ ตามคำประกาศก่อนขึ้นเวทีว่าจะ “เอาชนะน็อกยก 8”

สร้อยวิเคราะห์ว่า หากมองภาพรวมของเกมการชก ฟอร์มเจ้าแหลมยังอยู่ใน “ระดับมาตรฐาน”

“เราจะเห็นว่าจริงๆ แล้วการชกครั้งนี้เป็นไปแบบม้วนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ยก 1-12 เลย คือแหลมของเราเป็นฝ่ายเดิน ไล่ต่อย ไล่จ้วง ทิ้งซ้าย ทิ้งซ้ายตลอด ถ้าจะดูฟอร์มการชกของศรีสะเกษ ผมว่าจริงๆ แล้ว เขาละม้ายคล้ายกับ “เขาทราย แกแล็คซี่” ด้วยซ้ำไป ในยุคสมัยก่อน จริงๆ แล้ว (พวก) เขาก็เป็นแชมป์โลกรุ่นเดียวกันด้วย”

ขณะเดียวกันในเรื่องเรี่ยวแรงพละกำลัง เจ้าแหลมก็ไม่ได้ลดหย่อนลง มิหนำซ้ำในยกสุดท้าย แชมป์โลกชาวไทยยังหันมาโชว์ลีลา โชว์สายตาโยกหลบหมัดเหมือน “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” อีกต่างหาก

ดังนั้น อันดับแรก เราต้องชื่นชมและให้เครดิตแก่ดิอาซ ที่แม้ชื่อชั้นจะเป็นรอง แต่เตรียมตัวฟิตซ้อมมาดี จนมีความทรหดทนทานต้านแรงหมัดของศรีสะเกษได้

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้สื่อข่าวที่คร่ำหวอดในแวดวงมวยสากล สร้อยเปิดเผยว่ามีข่าวเบื้องหลังที่หลุดออกมา ซึ่งบ่งบอกถึง “ความไม่พร้อม” บางประการของศรีสะเกษ

นั่นคือ เจ้าแหลมฟิตซ้อมไม่เต็มร้อย เพราะติดไข้หวัดใหญ่จากคนรัก (ใหม่)

“กว่าศรีสะเกษจะพลิกฟื้นจากอาการป่วยแล้วเข้าค่ายซ้อมต่อ ก็มีเวลาแค่สองสัปดาห์เท่านั้นเอง” สร้อยพูดถึงเบื้องลึกที่ถูกปิดเงียบโดยค่ายนครหลวงโปรโมชั่น

ประเด็นที่บรรดาคอมวยอาจจะอยากถามต่อก็คือ ปัญหาการเจ็บป่วยครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมระเบียบวินัยที่ย่อหย่อนลงด้วยหรือไม่?

“หลายคนก็บอกว่า นี่เป็นจุดอ่อนหรือเปล่า เป็นจุดด้อย เป็นข้อเสียหรือเปล่า สำหรับแชมป์โลกชาวไทยที่ขาดระเบียบวินัย ไม่ดูแลตัวเองให้ดี

“มันก็มองได้ทั้งสองแง่ (แง่หนึ่ง) ในความเป็นห่วงของแฟนๆ ชาวไทยก็เป็นเรื่องปกติ (อีกแง่หนึ่ง) ค่ายนครหลวงโปรโมชั่นภายใต้การดูแลของ “เสี่ยฮุย-สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์” ยืนยันแน่นอนว่า (ฟิตซ้อม) ร้อยเปอร์เซ็นต์

“แต่ถึงชั่วโมงนี้ เวลาศรีสะเกษเป็นแชมเปี้ยนโลกขึ้นมาแล้ว บางครั้งเสี่ยก็ต้องยั้งๆ ห้าสิบห้าสิบ อันนี้คือมุมมองจากคนนอก บางครั้งเสี่ยก็ไม่กล้าห้ามเหมือนกัน จากเดิมที่เมื่อก่อนคือระเบียบเป๊ะเต็มร้อยในเรื่องการฟิตซ้อมเก็บตัว ครั้งนี้มันก็เป็นจุดอ่อนให้เห็นว่า ศรีสะเกษถ้าเกิดเขายังประมาทในส่วนนี้ มันก็อาจจะเป็นผล (เสีย) ได้”

ดูเหมือน “จุดอ่อน” บางด้านของศรีสะเกษจะถูกเผยออกมาในเกมการชกกับดิอาซเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม

ช็อตหนึ่งที่ถกเถียงกันเยอะคือ ช่วงยกที่ 8 ซึ่งศรีสะเกษเข้ามวยหลวม แล้วเผลอโดนหมัดอัปเปอร์คัตของผู้ท้าชิงจนร่วงลงไป ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้น เจ้าแหลมก็ดันลื่นล้มพอดี กรรมการผู้ห้ามบนเวทีจึงตัดสินใจไม่นับแปด

“ศรีสะเกษก็บอกหลังการชกว่ามันเป็นจังหวะที่เขาลื่น แต่จริงๆ แล้ว ถ้าว่ากันตามกฎกติกา ถ้านักมวยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนวมสัมผัสกับพื้นเวที จะต้องนับแปด” แฟนพันธุ์แท้แชมเปี้ยนโลกชาวไทยระบุ

แม้แต่เจ้าแหลมซึ่งยืนยันว่าตัวเองลื่นล้ม ก็ยังยอมรับกับสร้อยว่าเขาโดนหมัดคู่ต่อสู้จริงๆ

และหากการชกครั้งนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ ตนเองคงถูกนับแปดไปแล้ว

หนทางข้างหน้าของศรีสะเกษในวัย 31 ปี ดูจะเต็มไปด้วย “ขวากหนาม”

ถ้าพิจารณาเฉพาะอันดับของสภามวยโลก มียอดนักชกสามรายที่เฝ้ารอจะฟาดหมัดกับเจ้าแหลม ได้แก่

คู่ปรับเก่า “ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า” ในฐานะรองแชมป์โลกอันดับหนึ่ง, “โรมัน กอนซาเลซ” รองแชมป์โลกอันดับสอง ซึ่งหลังจากพลาดท่าพ่ายน็อกให้แก่แชมป์ชาวไทย ก็กำลังอุ่นเครื่องทำฟอร์มขึ้นมาใหม่ และ “คาซึโตะ อิโอกะ” รองแชมป์โลกอันดับสามชาวญี่ปุ่น

ทั้งนี้ สภามวยโลกกำหนดไว้ว่าศรีสะเกษจะต้องขึ้นป้องกันตำแหน่งไฟต์บังคับกับเอสตราด้า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

โดยก่อนหน้านั้นเจ้าแหลมสามารถเลือกป้องกันแชมป์กับใครก็ได้ก่อนหนึ่งไฟต์ แต่เสี่ยฮุยให้ข่าวว่าอาจจะเลือกไปต่อยไฟต์บังคับต้นปีหน้าเลย เพราะไม่อยากให้นักชกในสังกัดต้องขึ้นเวทีอย่างกระชั้นชิด คือ 2 ไฟต์ ภายใน 4 เดือน

ขณะเดียวกันมีข่าวอีกกระแสว่า “เจอร์วิน อัลคาฮาส” แชมป์โลกรุ่น 115 ปอนด์ของสหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบีเอฟ) ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเดินทางมาดูศรีสะเกษป้องกันตำแหน่งถึงขอบเวทีที่เมืองไทยก็สนใจจะชกล้มแชมป์กับเจ้าแหลม

ในทัศนะของสร้อย ปัจจัยที่กำหนดว่า “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” จะป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้อีกยาวนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเจ้าตัว และการส่องกล้องคัดเลือกคู่ท้าชิงของทีมงาน

“ผมว่าการชกครั้งล่าสุด ทำให้เห็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งที่ว่า เมื่อเขา (ศรีสะเกษ) อายุมากขึ้น แม้จะฟิตซ้อมอย่างเต็มที่ แต่บางครั้งสภาพร่างกายมันเป็นสิ่งที่ฝืนไม่ได้ อายุมากขึ้น มวลสารกระดูกพวกนี้อาจจะมีอาการเปราะมากขึ้น จุดโหว่ช่องว่างในการชกครั้งนี้ เราเห็นได้เลยว่าเขาพลาดโดนหมัดร่วงน็อกดาวน์เสียจังหวะในยกที่ 8 และ 9”

นี่คืออีกหนึ่งแนวโน้มอาการที่ศรีสะเกษและค่ายนครหลวงโปรโมชั่นไม่ควรประมาท!