เทศมองไทย : การมาเยือนของ “ดร.เอ็ม”

“โมฮัมหมัด ไฮคัล โมฮัมหมัด อิซา” ผู้สื่อข่าวของเบอร์นามา สำนักข่าวทางการมาเลเซีย พูดถึงการเยือนไทยระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคมนี้ ของ “ดร.เอ็ม” ดะโต๊ะ ซรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเอาไว้ชวนให้คิดในหลากหลายประเด็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “ข้อเสนอใหม่” หลายประการที่ทางมาเลเซียกำลัง “พิจารณากันอยู่” ว่าจะหยิบยกขึ้นมาหารือกับทางการไทย

เป็น “ข้อเสนอใหม่” เกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในฝั่งของมาเลเซีย

เปลี่ยนตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีเรื่อยไปจนถึงตัวผู้ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดในการเจรจาดังกล่าวของทางมาเลเซีย

ที่มหาธีร์เลือกอับดุล ราฮิม นูร์ เข้ามาทำหน้าที่ “เฟซิลิเทเตอร์” หรือ “ผู้อำนวยความสะดวก” แทนที่อาหมัด ซัมซามิน ฮาชิม ที่พ้นจากตำแหน่งไป พร้อมกับรัฐบาลชุดที่แล้วภายใต้การนำของนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังตกที่นั่งลำบากมากในมาเลเซีย

 

โมฮัมหมัด ไฮคัล บอกว่า อับดุล ราฮิม คืออดีตอินสเปกเตอร์ เจเนอรัล ของสำนักงานตำรวจมาเลเซีย (ไอพีจี) ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจที่นั่น เทียบเท่ากับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทยเรา

ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตปัตตานี ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (ดีพเซาธ์วอตช์) ให้ความเห็นถึงอับดุล ราฮิม กับโมฮัมหมัด ไฮคัล ไว้ว่า คือคนที่ “มีประสบการณ์กว้างขวางมากในกระบวนการสานเสวนาในภาคใต้ของไทย”

และคาดหมายว่า อับดุล ราฮิม น่าจะเป็นหนึ่งในคณะของมหาธีร์ที่จะเดินทางมาเยือนไทยในครั้งนี้ด้วยแน่นอน

ในเวลาเดียวกันก็มีการคาดหมายกันว่า ฝ่ายไทยก็กำลังเตรียมที่จะเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมในการเจรจาสันติภาพจาก พล.อ.อักษรา เกิดผล มาเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 4 อย่าง พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นนายทหารที่รู้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้เป็นอย่างดี เพราะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 มานานไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ

มาเลเซียทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างทางการไทยกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “มาราปัตตานี” มาตั้งแต่ปี 2014 เพื่อยุติความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วระหว่าง 6,500-7,00 คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

จนกระทั่งมาถึงจุดที่ทุกอย่างชะงักงันและอาจต้องการอะไร “ใหม่ๆ” เพิ่มเติมเข้าไปในการเจรจาให้สามารถก้าวคืบไปข้างหน้าได้อีกครั้ง

 

ตามข้อมูลของโมฮัมหมัด ไฮคัล ทางฝ่ายมาเลเซียโดยเฉพาะมหาธีร์ และอับดุล ราฮิม กำลังพิจารณา “ข้อเสนอใหม่” หลายๆ ข้ออยู่ในเวลานี้ โดยหวังว่าจะหยิบยกส่วนหนึ่งส่วนใดที่เหมาะสมขึ้นมาหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยในระหว่างการเยือนกรุงเทพฯ

หนึ่งในข้อเสนอใหม่ที่สำคัญคือ การเพิ่ม “กลุ่มหรือกลุ่มแยก” อีกจำนวนหนึ่งเข้าไปใน “มาราปัตตานี” ซึ่งไม่เคยร่วมอยู่ในกลุ่มเจรจามาก่อน

เบอร์นามาให้ความเห็นเอาไว้ว่า หากข้อเสนอดังกล่าวนี้เป็นจริงได้ในทางปฏิบัติ ก็จะทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มมาราปัตตานีที่มีมาเลเซียเป็นคนกลาง กลายเป็นการเจรจาที่มีกลุ่มซึ่งมีส่วนร่วมมากขึ้น

ซึ่งจะทำให้การเจรจามีสารัตถะและน้ำหนักมากขึ้นตามธรรมชาติ

 

ในรายงานเมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เบอร์นามา “คาดการณ์” เอาไว้ว่า กลุ่มใหม่ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมในการเจรจากับรัฐบาลไทยนั้น อาจรวมไปถึง “ปีกทหาร” ของขบวนการ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น กับกลุ่มที่แยกย่อยออกมาจาก “องค์การปลดปล่อยสหปัตตานี” ที่รู้จักกันมากกว่าในชื่อ “พูโล”

ข้อสังเกตของโมฮัมหมัด ไฮคัล ก็คือว่า การเข้าร่วมในการเจรจาของปีกทหารของบีอาร์เอ็นน่าจะส่งผลให้การเจรจา “เข้าสู่ระยะสำคัญที่สุด” ได้ นั่นคือการหารือกันถึง “ประเด็นหลัก” ของความขัดแย้งครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ขอให้พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นเขตปกครองตนเอง

ประเด็นหลักที่อาจารย์ศรีสมภพบอกว่า ฝ่ายไทยเลี่ยงที่จะเจรจามาโดยตลอด แต่ถึงที่สุดแล้วก็จำเป็นต้องเจรจา

“มันอาจเป็นยาขมสำหรับทางฝ่ายไทยอยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาหารือกันในเรื่องนี้”