อินไซด์!! เวทีขันน็อตนายพล “จักรทิพย์” ปี 4 สร้าง LOCAL CAT ปืนไร้กระสุน-นอกแถว-รีดไถ โจทย์ใหญ่ยุค 4.0

17 ตุลาคม 2561 ครบรอบ 20 ปี สถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

ก่อน 17 ตุลาคม 2541 “องค์กรตำรวจไทย” เรียกชื่อ “กรมตำรวจ” ใต้ปีกกระทรวงมหาดไทย เป็นกรมหนึ่งในกระทรวง ต่อมาตั้งชื่อใหม่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีตั้งแต่นั้นมา

กว่าศตวรรษครึ่ง องค์กรตำรวจเกิดขึ้นในประเทศไทย มีวิวัฒนาการเรื่อยมา

ทว่าคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เป็นนิยามหลัก บ่งบอกบทบาทหน้าที่ “ตำรวจ” จากอดีตจนปัจจุบัน ยุคโปลิศไทย 4.0

“เป็นหลักประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล” ค่านิยมหลักของตำรวจไทย ในยุคที่มีผู้นำสีกากีชื่อ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา”

เป็นปีที่ 4 ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ย้อนประวัติศาสตร์ไปกว่า 2 ทศวรรษ เมื่อตำแหน่ง ผบ.ตร.ผูกพันกับการเมือง

การนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.เป็นปีที่ 4 ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์!!

เสาร์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ปิดห้องบอลรูมสโมสรตำรวจ มอบนโยบาย 485 นายพลสีกากียุคปี 2561 ควงแขนจเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร. ทุกหน้างาน ขึ้นเวทีขันน็อต ติวเข้ม สั่งการผู้ช่วย ผบ.ตร. ถึงผู้บังคับการหน้าเก่าหน้าใหม่ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรตำรวจในปีงบประมาณ 2562 ที่ตามปฏิทินการเมือง เป็นห้วงเปลี่ยนผ่านกำลังก้าวสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หลังอยู่ภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังการรัฐประหารมา 4 ปีเต็ม

“อินไซด์” ในห้องประชุม “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ขึ้นเวทีปิดท้ายการสัมมนาการบริหารราชการ ตร.ประจำปี โดยเปิดฉากให้กำลังใจชื่นชม

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวในตอนแรกว่า ในห้วงปีที่ผ่านมาผลงานของตำรวจเป็นที่ประจักษ์ของประชาชน โดยทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างชื่นชมว่าตำรวจได้ทำงานดีขึ้น ผลการจับกุมเป็นที่ยอมรับได้

“บิ๊กแป๊ะ” ย้ำว่า นโยบายหลักในการบริหารราชการ ตร.ปี 2562 ยังคงเดินตามกรอบ 6 ด้านคือ

1. การพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดพระเกียรติ เพื่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

2. การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคม

3. การป้องกันปราบปรามและการลดระดับอาชญากรรม

4. การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ

5. การเร่งรัดขับเคลื่อนกระบวนการปฏิรูปองค์กรตำรวจในยุคประชาคมอาเซียน

และ 6. การเสริมสร้างความสามัคคีและการบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ

ในที่ประชุมนายพล พล.ต.อ.จักรทิพย์ย้ำและสั่งการ 5 ประเด็นสำคัญ

บิ๊กแป๊ะชี้ว่า ปีแรกในตำแหน่ง ผบ.ตร. ชูนโยบายหลักสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีที่ 2 การยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ ปีที่ 3 ร่วมจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ”

“สำหรับปีนี้เพิ่มเติม LOCAL CAT (LOCAL COUNTER ASSAULT TEAM) คือ ชุดปฏิบัติการในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติร่วมกับส่วนกลาง และคัดเลือกจากผู้มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในพื้นที่ และมีบุคลิกภาพ ลักษณะทางทหารดีเด่น ซึ่งภารกิจสำคัญเป็นการจัดระเบียบการปฏิบัติเวลามีภารกิจบุคคลสำคัญเข้าพื้นที่ ภูมิภาคนั้นๆ เพื่อช่วยสนับสนุนภารกิจต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย ทุกคนจะต้องเตรียมความพร้อม ความเข้มแข็งให้ดี ซึ่งในส่วนนี้ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ” ผบ.ตร.เผยนโยบายหลักปีที่ 4

อีกเรื่องที่เน้นย้ำ ผบ.ตร.ย้ำในที่ประชุมว่า หลังมอบหมายภารกิจ หน้าที่รับผิดชอบให้แก่รอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ในส่วนที่ปรึกษาพิเศษระดับ ตร. ก็ให้รับผิดชอบศูนย์การปราบปรามการกระทำความผิดแต่ละด้าน ได้สั่งการให้รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบแต่ละหน้างาน ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานแต่ละด้านหรือปรับปรุงคู่มือ ภารกิจหน้าที่ที่มีอยู่ให้เป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับภารกิจและสถานการณ์

เรื่องที่ 3 ที่ย้ำพิเศษ คือเรื่องความผิดพลาด ความบกพร่องที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมาของแต่ละกองบัญชาการ

ผบ.ตร.ย้ำว่า ความบกพร่อง ผิดพลาดในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง เช่น เงินกู้สหกรณ์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ขณะที่ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 กรณีของพนักงานสอบสวนถูกร้องเรียน ไม่รับสำนวน สำนวนล่าช้า ไม่สอบปากคำพยานตามที่กล่าวอ้าง ไม่แจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ผู้เสียหายทราบ ผลักภาระให้ผู้เสียหายไปแสวงหาพยานหลักฐานเอง ติดต่อสื่อสารไม่ได้ เหล่านี้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

“อีกตัวชี้วัดหนึ่งคือ การกระทำผิดวินัย กำชับให้ผู้บังคับบัญชาไปทำตัวชี้วัดและทำให้ลดลงให้ได้”

นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังเน้นย้ำเรื่องงานอำนวยการในสถานีตำรวจ มีสถานีตำรวจ 1,482 สถานี มีตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ 1,285 สถานี แต่มีผู้จบหลักสูตรฝ่ายอำนวยการ 79 คน ทำให้กระทบต่อการปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน

จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.ด้านบริหาร ดำเนินการหาทางแก้ปัญหาในภาพรวม ในเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร.ย้ำว่า เรื่องภาพลักษณ์ตำรวจ ยังเป็นเรื่องสำคัญ

“ขอให้โฆษกแต่ละ บช. ต้องออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจ แก้ไขภาพลักษณ์ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าหวังว่าเป็นหน้าที่ของโฆษก ตร. และผู้บังคับบัญชาแต่เพียงฝ่ายเดียว”

พล.ต.อ.จักรทิพย์จี้จุดปัญหา โดยชี้ว่า จากการไปตรวจพื้นที่ พบมีการแจ้งจากผู้ปฏิบัติประจำสถานีตำรวจว่ามีการแจกอาวุธปืนซิกซาวเออร์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่นำมาใช้ในการปฏิบัติงานเนื่องจากไม่ได้รับการแจกจ่ายกระสุนปืน เรื่องนี้หัวหน้าสถานีและผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องควรลงไปทำความเข้าใจและใส่ใจแก้ปัญหาให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา

และเรื่องสุดท้ายที่ ผบ.ตร.ย้ำ โดยว่า เนื่องจากใกล้การเลือกตั้ง กำชับให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ดูแลรับผิดชอบในส่วนของความมั่นคงให้เกิดความเรียบร้อย

ขณะที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเวทีขันน็อตบิ๊กสีกากี ชี้ผลสรุปปัญหา อุปสรรค จากการตรวจราชการของทุกหน่วย โดยจเรตำรวจพบปัญหาไม่ดำเนินการจำหน่ายของกลางในคดีอาญาให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอย่างต่อเนื่อง แจกปืนไร้กระสุน การปรับเกลี่ยตำแหน่งผู้ที่ทำหน้าที่สอบสวนระดับรองผู้กำกับการ ถึงรองสารวัตร ยังไม่เหมาะสมกับปริมาณคดี ขาดแคลนกำลังพลและยานพาหนะ ปัญหาเรื่องหนี้สินและการกู้เงินของตำรวจ

ขณะที่จเรตำรวจแห่งชาติชี้ว่า ปีที่ผ่านมาพบการร้องเรียนข้าราชการตำรวจหลายหน่วยงาน

“มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้กระทำผิดกฎหมาย บางรายย้ายออกนอกหน่วยก็ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งให้มาช่วยราชการในพื้นที่ที่เคยถูกร้องเรียนหรือช่วยชุดเฉพาะกิจเพื่อเก็บผลประโยชน์ตามเดิม” จเรตำรวจแห่งชาติชี้ปัญหาและย้ำให้ทุกหน่วยกลับไปแก้ไข

“อินไซด์” จากเวทีมอบนโยบายนายพลสีกากี ยุค 4.0 ปีที่ 4 ของ “บิ๊กแป๊ะ” และเหล่าบิ๊กสีกากี ซึ่งเป้าหมายหลักคือนำทัพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นตำรวจของประชาชน ตำรวจของชาติอย่างแท้จริง